top of page
ค้นหา

กระแสถามถึง “ครูบาฟ้าหลั่ง”พระคณาจารย์ดังเมืองเหนือ

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 21 ก.ย. 2564
  • ยาว 1 นาที

กระแสถามถึง “ครูบาฟ้าหลั่ง” พระคณาจารย์ดังเมืองเหนือ

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ รายงานว่า เมื่อทนายอนันต์ชัย ไชยเดช (ทนายกระดูกเหล็ก) โพสต์เฟสบุ๊ค เอ่ยถึง ทำไมต้องครูบาอิน อินโท ?

กลายเป็นกระแสสอบถาม และให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ระลึกนึกถึง คุณงามความดีที่ท่านสร้างไว้ อยู่ในใจต้องจดจำ “พระครูวรวุฒิคุณ” หรือ “ครูบาอิน อินโท” วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) กิ่งอ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่

หรือ “ครูบาฟ้าหลั่ง” พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดเชียงใหม่

ตามประวัติท่านเกิดในครอบครัว เขียวสุขคำ ของนายหนุ่ม นางคำป้อ ที่บ้านทุ่งปุย กิ่งอ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2445

ด้วยความสนใจใฝ่รู้ทางธรรม ท่านบรรพชาที่วัดทุ่งปุย เมื่ออายุ 15 ปี จนเมื่ออายุ ครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท โดยมี พระอธิการยศ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการกว้าง วัดสองแคว และพระอธิการอ้าย วัดทุ่งปุย เป็นพระคู่สวด ได้รับฉายา “อินโท”

หลังบวชแล้ว ท่านได้พากเพียรเรียนธรรม ทั้งในฝ่ายปริยัติและปฏิบัติควบคู่กันไปอย่างจริงจัง เรียนพระธรรมวินัยและสมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน

ด้วยความสนใจใฝ่รู้ ท่านได้เดินทางมาเรียนกัมมัฏฐานเพิ่มเติมที่วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯโดยฝึกกับพระเทพสิทธิมุนี(โชฎก ญาณสิทธิ ป.ธ.9) มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภเถร) ครั้งยังเป็นพระพิมลธรรม เป็นประธาน ครูบาอาจารย์จากทางเหนือที่ไปร่วมปฏิบัติวิปัสสนาด้วยกัน คือ พระสุพรหมยานเถระ หรือครูบาพรหมจักร พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน, ครูบา อินทจักร วัดน้ำบ่อหลวง, พระธรรมมังคลาจารย์(พระอาจารย์ทอง สิริมังคโล) วัดร่ำเปิง

ด้านวิทยาคม ท่านศึกษาจากพระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์รูปอื่นๆ เพียงไม่กี่รูป ส่วนใหญ่แล้วจะศึกษาด้วยตนเองจากคัมภีร์โบราณ และยังกระทำกิจของศาสนาอเนกประการ

จนได้ตำแหน่งบริหาร คือ พ.ศ.2485 เป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งปุย พ.ศ.2494 เป็นเจ้าคณะตำบลยางคราม พ.ศ.2496 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2502 เป็นพระครูอิน (พระครูประทวน) พ.ศ.2506 เป็นพระครูวรวุฒิคุณ (สัญญาบัตร 1) พ.ศ.2519 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้น 2 ในราชทินนามเดิม

ครูบาอิน ผูกพันกับวัดทุ่งปุย ตั้งแต่บวชครั้งแรกจนได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ในอดีตวัดทุ่งปุย เป็นวัดร้างที่ได้รับการบูรณะ โดยครูบาคันธา สมภารรูปแรก เมื่อปี พ.ศ.2395 ก่อนที่จะได้รับการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดคันธาวาส

ก่อนหน้าจะมาครองวัด ประมาณปี พ.ศ.2504 ท่านได้รับอาราธนาให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดฟ้าหลั่ง ซึ่งอดีตเคยเป็นวัดร้าง สามารถเรียกคณะศรัทธามาร่วมกันแผ้วถาง ก่อสร้างพัฒนาจนกลายเป็นวัดที่สมบูรณ์อีกครั้ง สภาพของวัดที่เห็นในปัจจุบัน ท่านค่อยๆ สร้างขึ้นโดยยึดคติ “ค่อยๆ ทำไป” ไม่บอกบุญให้ใครเป็นทุกข์เดือดร้อน จน ถูกเรียกขานอีกนามหนึ่งว่า “ครูบาฟ้าหลั่ง”

เมื่อวัดฟ้าหลั่ง มีความรุ่งเรืองขึ้น ท่าน ก็หวนกลับสู่บ้านเกิดในวัย 98 ปี อยู่จำพรรษาเป็นมิ่งขวัญของชาวบ้านทุ่งปุย

แม้จะอายุมาก แต่ท่านปฏิบัติกิจวัตรประจำวันมิได้ขาด ทั้งทำวัตรเช้า-เย็น พร้อมกับเดินจงกรม นั่งสมาธิ ภาวนาตอนเช้ามืดและก่อนนอน พอใจในชีวิตที่เรียบง่าย ตลอดเพศบรรพชิตท่านเป็นผู้ที่มีสติระมัดระวัง และรู้เท่าทันต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ

เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในวงการพระพุทธศาสนา และมีผู้ไปถามความเห็นจากท่าน ก็จะให้ข้อคิดที่ดี โดยยึดหลักธรรมะ ไม่เคยซ้ำเติมผู้ใดด้วยอคติหรืออารมณ์ ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2546 รวมสิริอายุ 101 ปี การจากไปขอท่านสร้างความอาลัยแก่ลูกศิษย์ลูกหาอย่างมาก







 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page