#คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง ประจำวันอาทิตย์ที่ 12 มิ.ย. 2565
"พ่อท่านแสง ธัมมสโร"วัดในเตา เกจิเขาอ้อ"เมตตา-อาคมขลัง" พระอาจารย์ของ"พ่อท่านสูติ"
“หลวงปู่แสง ธัมมสโร” หรือ"พ่อท่านแสง" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองตรัง วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ (วัดในเตา) อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พระเกจิที่มีเมตตาธรรมสูง มักน้อย ถือสันโดษ มีพลังจิตที่เข้มขลัง อาคมที่แก่กล้า
ห้วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ มีเรื่องเล่ากล่าวขวัญเกี่ยวกับอภินิหารต่างๆ มากมาย เช่น ชาวบ้านในชุมชนบ้านในเตาจะทราบดีว่า หากมีฝนตกลงมาในขณะเวลาที่ท่านกำลังเดินบิณฑบาต แม้ฝนจะตกหนักหนาสักแค่ไหน หลวงพ่อแสงก็ไม่เคยเปียกฝน ทั้งๆที่ไม่ได้กางร่ม หรือหยุดหลบฝน ณ สถานที่ใดเลย ชาวบ้านแถวนั้นต่างก็เห็นกันตลอดมาจนเป็นเรื่องธรรมดา
ชาติภูมิ หลวงปู่แสงถือกำเนิดในสกุลบุญช่วย เมื่อปี พ.ศ.2450 โยมบิดา-มารดาชื่อ นายแดงและนางเอียด บุญช่วย บ้านเดิมอยู่ในแถบบ้านป่าเทือกเขาบรรทัด บ้านในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง แต่ภายหลังได้แบ่งเขตไปติดกับอำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
ต่อมาเมื่ออายุได้ 11 ปี บรรพชาที่วัดบางทองคำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีหลวงปู่ทองดำ (ศุข) สุวัณโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบวชแล้ว ถือธุดงค์ตามหลวงปู่ทองดำตลอดมา รวมทั้งยังเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงปู่เขียว อินทสุวัณโณ วัดหรงบน พร้อมกันนี้ ยังได้เดินธุดงค์มาขอศึกษาวิชาอาคม สมถกรรมฐาน และขอคัดลอกตำราจากพระครูอรรถธรรมรส หรือหลวงปู่ซัง วัดวัวหลุง ผู้เป็นเจ้าของเหรียญอันดับ 1 แห่งแดนทักษิณ
กระทั่งอายุครบตามเกณฑ์ เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดวัวหลุง โดยมีหลวงปู่ซัง เป็นพระอุปัชฌาย์ และหลวงปู่ทองดำ เป็นพระกรรมวาจารย์ ครั้นต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2479 หลวงปู่ซังและหลวงปู่ทองดำละสังขารเป็นเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้มีความเศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก ด้วยเหตุที่ขาดที่พึ่งและยังปลงไม่ตก จึงได้เดินธุดงค์ตามป่าเขาจนอาพาธพ่อแม่พี่น้องจึงต้องขอร้องให้สึกเพื่อรักษาตัว
อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นแม้จะเป็นฆราวาสทั่วไปแล้ว ก็ยังไม่ทิ้งวิชาคาถาอาคมและสมุนไพรใบยา ใช้สรรพวิชาเป็นที่พึ่งให้ชาวบ้านแถบนั้นตลอดมา จนมีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งพวกโจรป่าคิดที่จะปล้นบ้านของท่าน ขณะที่ได้เข้าล้อมบ้านอยู่นั้น ก็ได้บังเกิดน้ำป่าไหลมาจากทุกทิศทางมาท่วมหมู่โจรทั้ง 11 คน ซึ่งต่างก็ร้องขอชีวิตและสัญญาว่าจะเลิกเป็นโจร หลังจากนั้นไม่นานน้ำป่าอันเชี่ยวกรากก็หายวับไปกับตา
ต่อมา เมื่ออายุ 59 ปี เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้งหนึ่ง และได้ร่วมธุดงค์กับหลวงปู่เอียด ธัมมปาโล วัดหนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นพระสงฆ์เรืองอิทธิฤทธิ์อันอเนกอนันต์ และท่านยังได้มาศึกษาสรรพวิชา-ไสยเวทย์วิทยาคม จากพระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต ปรมาจารย์ทองเฒ่า แห่งสำนักเขาอ้อ จ.พัทลุง
นอกจากนี้ ยังมีเจ้าอธิการเรือง แห่งวัดป่าพยอม จ.พัทลุง, หลวงปู่หวาน แห่งวัดบ้านนา จ.พัทลุง, พระบริสุทธิ์ศีลาจาร (วัน มนโส) แห่งวัดประสิทธิชัย จ.ตรัง ท่านก็ยังได้เดินทางไปศึกษาสรรพวิชาไสยเวทย์วิทยาต่างๆ ที่วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง กับหลวงปู่เล็ก ปุญญโก แห่งวัดประดู่เรียง จ.พัทลุง และพระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม วัดดอนศาลา จ.พัทลุง
หลวงปู่แสงได้ดำรงขันธ์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวพุทธ ทั้งในพื้นที่จังหวัดตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช กระบี่ ภูเก็ต สงขลา ตลอดจนชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ จวบจนถึง พ.ศ.2536 ท่านก็ได้มีอาการอาพาธเนื่องจากโรคชรา และต้องเหน็ดเหนื่อยจากการรับแขกจากทุกทิศ
หลวงปู่แสงยังได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลายรุ่น ที่ล้วนมีประสบการณ์ลือลั่นอย่างกว้างขวาง แต่หลังจากนั้นเพียง 2 ปี ด้วยสภาพสังขารที่ร่วงโรย หลวงปู่แสงได้มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อปี พ.ศ.2538 นำความโศกเศร้าแก่ศิษยานุ ศิษย์โดยทั่วกัน
สำหรับศิษย์เอกของพ่อท่านแสงที่สืบทอดพุทธาคมและปกครองวัดในเตาสืบแทนท่านก็คือ พระครูรัตนสิกขการ หรือ"พระอาจารย์ประสูติ ปิยธัมโม" วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ (วัดในเตา) ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง








Comments