top of page
ค้นหา

คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง ประจำวันอาทิตย์ที่ 1ธ.ค. 2567

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 1 ธ.ค. 2567
  • ยาว 2 นาที

#คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง

ประจำวันอาทิตย์ที่ 1ธ.ค. 2567


“หลวงพ่อทองสุข อินทสาโร"ศิษย์เอกปู่กลิ่น

ผู้สืบสานตำนาน"ปิดตา/ตะกรุด"วัดสพานสูง

เก่งแก้คุณไสย-ไล่ผี/ของดีพุทธคุณเข้มขลัง

“วัดสพานสูง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี” มีสะพานข้ามคลองเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งหากเอ่ยชื่อวัดนี้ครั้ง คราใดในหมู่นักสะสมพระเครื่องย่อมปรารถนาจะได้ครอบครองพระปิดตาที่มีพุทธคุณและราคาเช่าหาสูง ซึ่งสร้างโดย “หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม” เจ้าอาวาสองค์แรก

นอกจากชื่อเสียงอันโด่งดังของหลวงปู่เอี่ยมแล้ว ยังมีศิษย์ผู้สืบสายพุทธาคมจากท่านไล่เรียงกันมาคือ “หลวงปู่กลิ่น จนฺทรํงสี” และ “หลวงพ่อทองสุข อินทสาโร” ทั้ง 3 ท่านนับว่ามีบทบาทสำคัญในการสร้างความเจริญให้วัด และเป็นปูชนีย์สงฆ์ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวนนทบุรีมาจนทุกวันนี้

สำหรับหลวงพ่อทองสุข แม้ท่านจะไม่ได้เป็นชาวนนทบุรีโดยกำเนิด แต่ก็สามารถครองใจคนในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยมไม่แพ้ผู้เป็นปรมาจารย์ ที่สำคัญ ท่านได้วิชาอาคมมาจากสุดยอดคณาจารย์ดังเมืองเพชร 2 องค์คือ หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง,หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง สื่อให้เห็นว่า ท่านต้อง “ไม่ธรรมดา” ทีเดียวเชียว!!

ท่านเกิดในตระกูล “บุญมี” เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2446 ที่บ้านหนองไผ่เหลือง ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี เป็นบุตรนายคง นางแพ มีพี่น้องรวม 5 คน ท่านเป็นคนสุดท้อง อายุ 11 ปี ได้ศึกษาหนังสือไทยและขอมที่วัดหนองหว้า อยู่กับอาจารย์จ้อย อาจารย์สาย และอาจารย์นิ่ม จนอ่านเขียนทั้งภาษาไทยและภาษาขอมได้ พออายุ 13 ปีได้ออกจากวัดไปอยู่กับอาที่จ.ราชบุรี ประมาณ 5 ปี ก่อนที่จะกลับมาอยู่กับบิดามารดา ทำนาหาเลี้ยงชีพที่บ้านเกิด

กระทั่งอายุ 20 ปีถูกเกณฑ์ทหารเป็นทหารราบ กรมทหารราบที่จ.เพชรบุรี รับราชการอยู่ถึง 2 ปีกับ 1 เดือน แล้วจึงมาสมัครเป็นตำรวจภูธรได้ยศเป็นสิบตำรวจตรี เพราะมียศทางทหารอยู่แล้ว เป็นตำรวจประจำเพชรบุรีอยู่ 2 ปี แล้วถูกย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดคือ พัทลุง,ชุมพร,ด่านสะเดา สงขลา,จนได้รับยศเป็นสิบโท แล้วย้ายไปอยู่นราธิวาส,สตูล, อ.บ้านโป่ง ราชบุรี,อ.จตุรัส ชัยภุมิ,สุรินทร์


จนครั้งสุดท้ายย้ายมาอยู่เพชรบุรีอีก 1 ปี ก่อนจะเกิดเบื่อหน่ายจึงลาออกและเข้าอุปสมบทเมื่อพ.ศ.2470 ที่วัดนาพรม มีหลวงพ่อหวล เจ้าอาวาสวัดนาพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ผ่อง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า “อินทสาโร” จากนั้นไปจำพรรษาที่วัดหนองหว้าหนึ่งพรรษา ได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่อหวล (หลวงน้าของหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก) แล้วไปเรียนกับหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง,หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง

เมื่อเรียนอาคมมามากแล้ว ทั้งได้เรียนด้านปริยัติธรรมหาความรู้จนได้นักธรรมโท จึงมุ่งหน้าออกเดินธุดงค์หาความสงบไปตามป่าเขาลำไพร แม้กระทั่งทางอรัญญประเทศ ปราจีนบุรี ดินแดนที่เต็มไปด้วยยาสั่ง ท่านก็ไม่หวั่นกลัวแต่อย่างใด มีพวกที่ลองวิชาและคิดทำร้ายหลายครั้งหลายคราว แต่ไม่อาจทำอะไรท่านได้เลย

ต่อมามีพระสงฆ์รูปหนึ่งชื่ออาจารย์เพ็ง จำพรรษาอยู่ที่วัดสะพานสูง นนทบุรี เดินธุดงค์มาพบกันจนคุ้นเคยและชักชวนให้เดินทางมาด้วยกัน โดยจำพรรษาที่วัดท่าเกวียน ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรีได้ 3 พรรษา ขณะนั้นวัดท่าเกวียนยังไม่มีสำนักเรียนธรรม อีกทั้งได้ยินกิตติศัพท์หลวงปู่กลิ่นแห่งวัดสะพานสูงจึงไปมาหาสู่ท่านบ่อยๆ จนกระทั่งย้ายมาอยู่วัดสะพานสูงเพื่อศึกษาปริยัติธรรม และฝากตัวเป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ หลวงปู่กลิ่นก็เมตตาถ่ายทอดวิชาอาคม ตลอดจนการฝึกกรรมฐาน และถ่ายทอดวิชาการสร้างพระปิดตาให้จนหมดสิ้น นอกจากนี้ ยังได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

ปีพ.ศ.2475 สอบนักธรรมตรีได้ พ.ศ.2476 สอบนักธรรมโท ในขณะนั้นวัดสะพานสูงขาดครูสอนพระปริยัติธรรม หลวงปู่กลิ่นจึงมอบหมายให้ทำหน้าที่สอนปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร และถ่ายทอดตำราเวทย์มนต์คาถาต่างๆ เช่น ลงตะกรุด ทำผง พระปิดตา ทำน้ำมนต์ ให้จนหมดสิ้น โดยหลวงพ่อทองสุขได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นลูกมือในการสร้างพระเครื่อง และพระปิดตาอีกด้วย หลังหลวงปู่กลิ่นมรณภาพ ท่านก็รับหน้าที่ปกครองวัดมาตั้งแต่พ.ศ.2492 เป็นต้นมา

หลวงปู่ทองสุขท่านเก่งทางเรื่องแก้คุณไสย บางรายถูกมาอย่างหนัก ท่านจะใช้วิธีเรียกคุณนั้นเข้าลูกมะพร้าว แล้วให้ใช้มีดโต้ลงยันต์ผ่าออกมาดู จะเห็นเป็นอะไรต่ออะไรที่คนเขาทำมามากมาย อาทิ ด้ายสายสิญจน์ ตะปู เทียน ฯลฯ คนที่ถูกลมเพลมพัดท่านให้อาบน้ำมนต์ก็หาย เรื่องผีเข้าผีสิงท่านก็ปราบมาเยอะ เพียงแค่เอาตะกรุดคล้องคอเท่านั้น

วาระสุดท้ายท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2525 เวลา 08.00 น. สิริอายุ 79 ปี 19 วัน ได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2526 เวลา 16.30 น. ณ เมรุลอยวัดสะพานสูง

ท่านสร้างพระเครื่องไว้หลายแบบ ทั้งพระปิดตาแบบลอยองค์ตามแบบของหลวงปู่กลิ่น และหลวงปู่เอี่ยมเจ้าสำนัก, รูปเหมือนลอยองค์ เนื้อผง,เนื้อผงผสมใบลานของพระอาจารย์,เหรียญรูปเหมือนของท่าน รุ่นแรกปี 2507 และเหรียญข้าวหลามตัดหลวงปู่เอี่ยม, เหรียญเสมาหลวงปู่กลิ่น ปี2512 ,ตะกรุดโทน,พระกริ่งโกษา,พระเนื้อหินมีดโกน ล็อกเก็ต ฯลฯ แต่ละอย่างล้วนโด่งดังและเข้มขลังไม่แพ้ของหลวงปู่กลิ่นผู้เป็นอาจารย์ เป็นที่ปรารถนาของนักสะสมสายวัดสะพานสูง

พระปิดตาหลวงพ่อทองสุขมีหลายพิมพ์ ท่านสร้างตั้งแต่ก่อนปี 2500 จนถึงปี 2520กว่าๆ เนื้อหาและพิมพ์ทรงที่เล่นหาสะสมแยกแยะได้ไม่ยาก บางรุ่นเนื้อหาเป็นผงแก่น้ำมัน บางรุ่นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นพิมพ์สะดือจุ่น มีทั้งจุ่มรัก ไม่จุ่มรัก และแบบผงคลุกรัก เป็นต้น มีทั้งแบบหน้าเดี่ยวและสองหน้า ซึ่งพิมพ์สองหน้าจะหาได้ยากกว่า

ในด้านประสบการณ์ไม่ยิ่งหย่อนกว่าผู้เป็นอาจารย์ สามารถบูชาแทนพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม หรือหลวงปู่กลิ่น ได้อย่างสบายใจ เพราะทุกรุ่นจะมีมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆสมัยหลวงปู่เอี่ยมและหลวงปู่กลิ่น ผสมลงไปด้วยทุกครั้ง

เครื่องรางอย่าง”ตะกรุดมหาโสฬสมงคล” ก็สุดยอดแห่งความขลัง โดยใช้การเขียน การลบ การจบ การลง แบบองค์อาจารย์อย่างเข้มขลัง เคร่งครัดตามตำรับวัดสะพานสูง ส่วนประเภทเหรียญสร้างไว้ประมาณ 10 รุ่น เหรียญรุ่นแรกออกปี2507 เป็นเหรียญที่สร้างน้อย และหายากเข้าไปทุกวัน แถมมี”ของเก๊”ไม่น้อย โดยสร้างพร้อมเหรียญข้าวหลามตัด ยันต์เล็กในปี 2507 ถือเป็นเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง แบ่งเป็น 2 พิมพ์ คือ ด้านหลังหลวงพ่อโสธร และด้านหลังยันต์เล็กเหมือนเหรียญข้าวหลามตัด,เหรียญยอดนิยมอีกรุ่นคือ เหรียญที่ระลึกสร้างศาลาการเปรียญ ปี 2518 (รุ่น6) หลังพระปิดตา


ส่วนเรื่องพุทธคุณนั้นท่านปลุกเสกเน้นด้านเมตตา แคล้วคลาด โชคลาภ เจอะเจอ “ของแท้”ที่ไหน รีบเก็บไว้โดยพลัน รับประกันความงดงามทางพุทธศิลป์ และความขลังที่ไม่เคยเสื่อมคลาย


ปัจจุบันวัดสพานสูงมีพระครูสุทธิกิจโกศล (สมภพ สุวโจ) หรือ"พระอาจารย์เดี่ยว" เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระนักพัฒนา ผู้สืบทอดตำราวิชาของสำนักวัดสพานสูง โดยเป็นกนึ่งใน 21 เกจิที่เมตตาปลุกเสกเดี่ยว"พระขุนแผนพลายแก้วมหาเศรษฐี" รุ่นแรก"คัมภีร์นิวส์"


#ฉัตรสยาม


 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page