top of page
ค้นหา

คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค. 2567 "หลวงปู่อิง"วัดโคกทม-เกจิ5แผ่นดิน116ปี

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 14 ม.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง

ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค. 2567

"หลวงปู่อิง"วัดโคกทม-เกจิ5แผ่นดิน116ปี

ศิษย์ปู่เทพโลกอุดร-สหธรรมิก"หลวงปู่หมุน"

หลวงปู่อิง(ฮิง) โชติโญ วัดโคกทม อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เถราจารย์ 5 แผ่นดินที่มีอายุยืนยาวถึง 116 ปี ท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่หมุน อดีตเกจิดังวัดบ้านจาน ท่านเป็นเถราจารย์ที่เลื่องลือในแถบอีสาน เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับว่ามีพลังจิตแก่กล้าอย่างไม่มีใครเสมอเหมือน แม้แต่ตอนกลางคืนเทวดายังลงมาฟังเทศน์ฟังธรรมจากท่าน

นอกจากนี้ ท่านยังเป็นศิษย์ของ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” ภิกษุผู้ได้ชื่อว่าเป็นตำนานอันเกรียงไกรและเร้นลับ มาจวบจนถึงปัจจุบัน

ท่านเกิดเมื่อปี.ศ. 2428 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ ต.บ้านสะแกชำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ท่านถือธุดงควัตรอยู่ในป่าลึก อาศัยอยู่ในถ้ำ ทั้ง พม่า ลาว เขมร ได้พบกับพระอาจารย์เก่ง ๆ หลายองค์และได้เคยฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นฯ ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว เพื่อศึกษาการปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนออกเดินธุดงค์ต่อไป

หลังจากนั้นก็ธุดงค์ไปเรื่อย ๆ ทั่วเมืองไทยโดยไม่แวะเข้าชุมชนใด ๆ ส่วนใหญ่จะธุดงค์อยู่ในป่าลึกเพียงลำพังเพียงรูปเดียว ท่านจะธุดงค์ในเขตป่าลึกในแถบทางภาคเหนือ และในเขต จ.เลย จ. เพชรบูรณ์ เขตเขาใหญ่ จ. นครราชสีมา และแถบเทือกเขาพนมดงรัก ในเขตอีสานใต้ ประเทศเขมรและลาวตามลำดับ

ในปี พ.ศ.2536 ท่านได้เดินทางออกจากป่าลึกเป็นครั้งแรกและได้มาโปรดญาติโยมในเขต อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้มีญาติห่าง ๆ ของท่านได้เข้านมัสการและสอบถามเรื่องจากท่าน ญาติของท่านจึงมีศรัทธาและได้นิมนต์รับมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์คงคำโคกทม (วัดโคกทม) ต.กันทรารมย์ อ.กระสัง จ. บุรีรัมย์

จากการตรวจสอบใบสุทธิของท่านพบว่ามีอายุ 107 ปี (ในปี 2536) ต่อมาหลวงปู่ได้ไปเยี่ยมญาติที่ จ.เพชรบูรณ์ ได้ถูกคนร้ายลักย่ามของท่านทำให้สิ่งของต่าง ๆ ที่เป็นของใช้ส่วนตัวในการเดินธุดงค์ รวมทั้งใบสุทธิหายในครั้งนั้น ต่อมาท่านได้เดินทางกลับมาที่ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้แจ้งความที่ท่านเจ้าคณะอำเภอกระสัง ได้รับคำบอกกล่าวจากท่าเจ้าคณะอำเภอว่า ไม่จำเป็นต้องทำใบสุทธิก็ได้เนื่องจากชราภาพมากแล้ว

ในปี พ.ศ.2542 ท่านจำพรรษาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมบ้านโคกทม อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ โดยมีหลานชายของท่าน ชื่อ"พระอาจารย์ดุน อนีโฆ" เป็นเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์แห่งนี้

หลวงปู่ละสังขารเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2544 อายุ 116 ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2544 ตอนประชุมเพลิง ปรากฏศพหลวงปู่ไม่ไหม้ไฟ เพียงแต่ดำเป็นตอตะโก จนต้องมีการขอขมาต่อสังขารของท่านขอให้ไหม้ไฟไปตามธรรมชาติ

จากข้อมูลของศิษยานุศิษย์หลวงปู่อิง และจากข้อมูลที่ได้นำลงเผยแพร่เมื่อครั้งที่หลวงปู่ยังดำรงค์ขันธ์อยู่ได้กล่าวถึงถึงบารมีของท่านไว้ว่าเป็นพระที่มีความเมตตาสูง ล่วงรู้อนาคต เวลาที่ท่านพูดอะไรในบางครั้งเราอาจจะยังไม่เข้าใจในขณะนั้น แต่ต่อไปในอนาคตก็จะเกิดเหตุการณ์ที่ท่านกล่าวไว้เสมอ ๆ

หลวงปู่อิงท่านเก่งมาก ขนาดหลวงปู่หมุนยังให้ยอมรับว่าเก่งจริง ท่านทั้งสองนับว่าเป็นสหธรรมิกที่คุ้นเคยกันอย่างมาก อีกทั้งนิสัยอุปนิสัยของท่านสองยังมีหลายอย่างที่ใกล้เคียงกัน มีใจใฝ่รักในวิชาความรู้ เป็นผู้เข้มขลังในพลังด้านพุทธคุณ สันโดษ เป็นผู้ใฝ่ความก้าวหน้าทางกรรมฐาน มีทั้งเมตตาและอภิญญาเป็นเลิศ อายุยืนยาวนานกว่าร้อยปี และทั้งมีจริยวัตรอันงดงามไม่มีที่ติ จึงกล่าวได้ว่าท่านทั้งสองมีคุณธรรม จริยธรรมอันสูงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

นอกจากนี้ สิ่งที่เหมือนกันจากประวัติของท่านทั้งสองคือ เรื่องของการถ่ายรูป หากใครที่ไม่ขออนุญาต ก็จะถ่ายไม่ติด มีปัญหา อุปสรรค ไม่สามารถที่จะได้ภาพถ่ายของท่านง่ายๆ ที่สำคัญ ท่านยังมี “วาจาสิทธิ์” เช่นเดียวกัน เป็นที่รู้กันในบรรดาลูกศิษย์ลูกหาว่า เมื่อท่านไม่อนุญาตก็ทำไม่ได้ และเมื่อท่านกล่าวอะไรก็จะเป็นไปตามนั้น รวมถึงเรื่องการได้รับพรจากท่าน ชีวิตก็จะรุ่งเรืองตามวาจาสิทธิ์ของท่านด้วย

นอกจากนั้น จวบจนเมื่อท่านละสังขาร ก็ยังเกิดความน่าอัศจรรย์ ในสังขารของท่านทั้งสอง “สังขารของหลวงปู่หมุนแข็งกลายเป็นหิน” ส่วนสังขารของหลวงปู่อิงในวันที่ประชุมเพลิงศพหลวงปู่ “ปรากฏหลวงปู่ไม่ไหม้ไฟ เพียงแต่ดำเป็นตอตะโก” ทั้งที่หลวงปู่อิง ท่านมีรูปร่างเล็กบาง

หลวงปู่อิง” และ “หลวงปู่หมุน” ทั้งสองท่านต่างก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “เถราจารย์๕ แผ่นดิน” มีอายุยืนยาวมากกว่า 100 ปีด้วยกันทั้งสองรูป หลวงปู่อิงละสังขารมีอายุกาล 116 พรรษา ส่วนหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล มีอายุกาลได้ 109 พรรษา

เหรียญรุ่นแรกจริงๆของท่าน สร้างเมื่อปี2537 เมื่อคราวที่ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดพระแก้ว จ.เพชรบูรณ์ ถือเป็นเหรียญรุ่นแรกหลังจากที่ออกจากป่า ส่วนรุ่นแรกที่วัดโคกทมออกปี2536 เป็นเหรียญรูปเหมือนหลังท้าวเวสสุวรรณ

สำหรับวัดพระแก้ว ปัจจุบันมีพระครูศรีพัชรบวร หรือ"หลวงพ่อตี๋ อาริโย" หรือที่เรียกขานว่า"พระอาจารยตี๋" เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระสงฆ์นักพัฒนา ศิษย์สายกรรมฐานพระราชมงคลวชิโรภาสหรือ"หลวงปู่ชม โอภาโส” เจ้าอาวาสวัดสามัคคี ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย อายุ 107 ปี พรรษา 57 พระเถราจารย์ที่มีอายุมากที่สุดของคณะสงฆ์หนองคาย

ทั้งนี้ หลวงปู่อิงได้เคยกล่าวไว้ว่า วัตถุมงคลของท่านอธิษฐานได้หมดทุกด้าน โดยเฉพาะแคล้วคลาดปลอดภัย และค้าขาย เพราะหลวงปู่ชอบคนขยันทำมาหากิน!

#ฉัตรสยาม


 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page