top of page
ค้นหา

คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง ประจำวันอาทิตย์ที่ 15 ต.ค. 2565 "หลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้"เมืองกรุงเก่า

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 15 ต.ค. 2566
  • ยาว 1 นาที

คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง

ประจำวันอาทิตย์ที่ 15 ต.ค. 2565

"หลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้"เมืองกรุงเก่า

เกจิตาทิพย์/สายเมตตา-แคล้วคลาด

ศิษย์ผู้พี่สมเด็จญาณสังวร(เจริญ)วัดบวรฯ

ในบรรดาพระเกจิอาจารย์ของเมืองกรุงเก่าในยุคหลังปี 2520 ที่เป็นพระปฏิบัติกรรมฐานและมีวิชาอาคมเข้มขลังต้องยกให้ หลวงปู่สด ธมฺมวโร (พระครูเอนกสารคุณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์แตงใต้ อ.บางไทร ท่านเป็นศิษย์ผู้พี่ที่สมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ) สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ ให้ความเคารพนับถือมาก ในสมัยที่หลวงปู่สดยังดำรงสังขารอยู่ เจ้าประคุณสมเด็จต้องเดินทางมาวัดโพธิ์แตงใต้เป็นประจำเพื่อสนทนาธรรม ทั้งได้ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล พร้อมอนุญาตให้ใช้พระนามย่อ ( ญสส ) ของท่านในการสร้างวัตถุมงคลด้วย และในวาระสุดท้ายที่หลวงปู่สดมรณภาพลง เจ้าประคุณสมเด็จก็เดินทางไปรดน้ำศพและช่วยจัดการงานศพให้อย่างเต็มที่

หลวงปู่สดเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในย่านบางไทร พระเครื่องที่ลือชื่อก็คือ พระชุด "ศาลาล้ม" อันโด่งดัง ท่านได้สร้างวัตถุมงคลจำนวนไม่มากนัก ประกอบกับทางวัดไม่มีวัตถุประสงค์ ในการให้บูชาตามศูนย์พระเครื่อง ชื่อเสียงของท่านจึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่สำหรับคนในท้องที่แล้ว ต่างยอมรับในบุญบารมี และ"ของดี"ทุกอย่างที่ท่านสร้างไว้ โดยเรียกขานท่านว่า "หลวงปู่สดตาทิพย์" เพราะเชื่อกันว่าท่านมีญาณพิเศษ สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคตได้ได้อย่างน่าอัศจรรย์

เมื่อราวปีพ.ศ. 2358 ในสมัยแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีชาวมอญกลุ่มใหญ่อพยพมาจากกรุงหงสาวดี ประเทศพม่าเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในแผ่นดินไทย โดยชาวมอญกลุ่มนี้ได้กระจายกันไปปักหลักสร้างฐานตามบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ปากเกร็ด ปทุมธานี ราชคราม และบ้านโพธิ์แตง พระนครศรีอยุธยา

แต่เดิมนั้น บ้านโพธิ์แตง ชาวบ้านเรียกว่า "โพธิ์แดง " ซึ่งที่มานั้นสันนิษฐานว่า เนื่องมาจากที่ตำบลแห่งนี้มีต้นโพธิ์ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งต้นโพธิ์ในแถบนี้ก็จะมีลักษณะพิเศษกว่าที่อื่นนั่นคือ ใบโพธิ์จะมีสีแดงนวล จนชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า"โพธิ์แดง"

เมื่อเวลาผ่านไปก็เพี้ยนจากโพธิ์แดงมาเป็น " โพธิ์แตง" จนถึงปัจจุบัน ส่วนความเป็นมาของวัดโพธิ์แตงใต้นั้น ไม่มีประวัติที่ชัดเจน สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นประมาณช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาหรือกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในอดีตวัดนี้ขึ้นชื่อในเรื่อง"ผีดุ"

หลวงปู่สดเป็นชาวอยุธยาโดยกำเนิด เกิดเมื่อปีพ.ศ.2442 เป็นบุตรของนายเปลี่ยน และนางเล็ก ธรรมประเสริฐ มีอาชีพทำนาทำสวน วัยเยาว์อายุประมาณ 7 ขวบเป็นเด็กเรียบร้อยชอบตามโยมทั้งสองไปทำบุญตามวัดต่างๆ พออายุประมาณ 10 ขวบได้บวชเป็นสามเณร เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและเรียนหนังสือแล้วลาสิกขาบทออกมาช่วยครอบครัวทำนาและทำสวน

ปีพ.ศ. 2460 ญาติผู้ใหญ่ถึงแก่กรรมลง ขณะนั้นท่านมีอายุ18 ปีได้บวชหน้าไฟเพื่อทดแทนพระคุณแก่ผู้ตาย และศึกษาธรรมตลอดมาจนกระทั่งอายุครบ 20 จึงเข้าอุปสมบทที่วัดโพธิ์แตงใต้ โดยมีพระอริยธัชมุนี วัดสำแล เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา "ธมมวโร" สังกัดรามัญนิกาย

ท่านได้ศึกษาธรรมและวิชาไสยเวทย์จากพระเกจิที่เป็นชาวมอญหลายองค์ ทางด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยมโดยเฉพาะด้านกันและแก้คุณไสยที่ชาวมอญเก่งมากนานถึง 27 ปี ต่อมาปีพ.ศ. 2489 วัดโพธิ์แตงใต้ ได้โอนย้ายการปกครองสงฆ์มาอยู่ในนิกายธรรมยุติ ท่านจึงเดินทางไปวัดบวรนิเวศเพื่อแปลงญัตติโดยมี สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศฯเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาเดิม (ธมมวโร ) จากนั้นไดัจำพรรษาอยู่ที่วัดบวรนิเวศเพื่อเรียนภาษาบาลีและศึกษาธรรมจนแตกฉาน

ปี พ.ศ. 2507 เจ้าอาวาสวัดโพธิ์แตงใต้มรณภาพลง ชาวบ้านจึงนิมนต์ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน ท่านเริ่มพัฒนาวัดโพธิ์แตงใต้ทันทีจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก ต่อมาปีพ.ศ. 2514 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่"พระครูเอนกสารคุณ"

ในด้านพุทธาคมนั้น เท่าที่ทราบท่านได้รับการถ่ายทอดมาจาก”หลวงปู่หร่ำ วัดกร่าง” เกจิอาจารย์ดังแห่งเมืองสามโคกที่เหล่าเสือร้ายและนักเลงเมืองปทุมฯ ยังยอมก้มหัวให้ ซึ่งหลวงพ่อหร่ำเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อหว่าง วัดเทียนถวาย

แม้แต่หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก สุดยอดเกจิแห่งอยุธยา ยังเรียกหลวงพ่อหร่ำว่า “พี่เสือ” (หลวงพ่อหร่ำ กับหลวงพ่อจง ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อนอม วัดกร่าง พระผู้เชี่ยวชาญในด้านกัมมัฎฐาน )

หลวงปู่สดท่านเป็นพระเก่ง แต่ดังเงียบ ขนาดผีของแม่รำพึง (สาวท้องแก่) ในบางไทรแถววัด ที่ว่าเฮี้ยนๆ ก็มาสงบเพราะหลวงปู่สด เล่ากันว่า ตอนที่ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัด ตอนนั้นผีของนางรำพึงกำลังคะนอง ท่านทำพิธีกรรมสวดส่งวิญญาณอยู่คืนหนึ่ง จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นการปรากฏตัวของผีนางรำพึงอีกเลย

ปีพ.ศ. 2515 ท่านมีอายุครบ 72 ปี คณะศิษย์จึงจัดงานทำบุญอายุและฉลองสมณศักดิ์ ในโอกาสนี้ คณะกรรมการการจัดงานได้จัดสร้างวัตถุมงคลเหรียญรูปไข่ครึ่งองค์รุ่นแรก เนื้อทองแดงเพื่อให้ท่านนำไปแจกแก่ญาติโยมและศิษยานุศิษย์ ซึ่งท่านได้นั่งปลุกเสกเดี่ยวด้วยตัวท่านเอง

ต่อมาเหรียญรุ่นแรกนี้ไดัสร้างปาฏิหาริย์ให้กับผู้ที่นำไปบูชาติดตัวในหลายๆด้าน ทั้งเรื่องเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เหรียญรุ่นแรกนี้จัดสร้างจำนวนน้อยมาก ปัจจุบันเช่าหาในราคาหลักหมื่น และตัองระวังของปลอมที่มีไม่น้อยเช่นกัน

สมเด็จพระญาณสังวร พระสังฆราชฯ วัดบวรนิเวศ ท่านทรงเคารพหลวงปู่สดศิษย์ผู้พี่มาก ท่านได้เดินทางมาวัดโพธิ์แตงใต้เป็นประจำเพื่อสนทนาธรรม ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2537 ทรงเป็นประธานยกช่อฟ้าศาลาการเปรียญ วัดโพธิ์แตงใต้ โดยทรงอนุญาตให้ใช้พระนามย่อ ญสส. ประดิษฐานที่หน้าบันศาลาการเปรียญ และทรงให้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นฉลองยกช่อฟ้าแจกญาติโยมที่มาร่วมงาน โดยพระองค์ทรงอธิษฐานจิตปลุกเสกร่วมกับหลวงปู่สด

ในปีเดียวกันนี้ หลวงปู่สดได้จัดสร้างเหรียญนั่งพานรุ่นสุดท้ายโดยปลุกเสกเดี่ยว ขณะนั้นท่านชราภาพมาก แต่ยังต้อนรับญาติโยมมาโดยตลอดจนกระทั่งอาพาธด้วยโรคชรา และมรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2537 สิริอายุ 96 ปี ปรากฏว่าสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้รวมเวลาเกือบ 25 ปี โดยประดิษฐานอยู่ในโลงแก้วให้ผู้คนที่มาเยือนวัดโพธิ์แตงใต้ได้กราบไหว้สักการะ

สำหรับวัตถุมงคลที่หลวงปู่สดจัดสร้างไว้นั้นมีไม่มาก โดยท่านปลุกเสกทั้งหมดทุกรุ่นและมีประสบการณ์หลายด้านอย่างเช่น รูปหล่อรุ่นแรกเกิดกับลูกศิษย์แถวศูนย์ศิลปาชีพบางไทรไปเที่ยวกลางคืนแถวนวนคร ขากลับมีเรื่องขับรถกระบะหนีคู่อริไล่ยิงมา รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟขาดครึ่ง แต่ตัวลูกศิษย์ไม่เป็นอะไรเลย

เหรียญรุ่น "ศาลาล้ม" ที่ระลึกในการสร้างศาลาการเปรียญปีพ.ศ.2531 มีประสบการณ์มากมาย ลูกศิษย์ท่านพกติดตัวถูกคู่อริลอบทำร้ายดักยิง ฟัน แทงแต่ไม่เข้าเลยต้องล่าถอยหนีไปเอง

ที่มาของชื่อรุ่น “ศาลาล้ม” สืบเนื่องจากเมื่อครั้งที่ทางวัดมีการเคลื่อนย้ายศาลาเก่าที่เป็นไม้ ย้ายไปอีกที่ โดยการดีดขึ้นทั้งศาลา แต่ยังไม่ทัน ได้ลงหลุมเสา เกิดมีลมพัดมาอย่างแรงทำให้ศาลาล้มลงมา ช่างที่ทำงานอยู่ถูกไม้ทับหลายคน แต่น่าอัศจรรย์ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสักคน ไม่ว่าจะช้ำ หรือรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว ทางวัดจึงได้ตั้งชื่อว่า ศาลาล้ม

เหรียญศาลาล้ม มี 2 รุ่นคือ รุ่นแรกปี2531 ด้านหลังยันต์จะไม่มีขีดเล็กๆตรงยันต์ รุ่นแรกเป็นรุ่นที่ไม่ได้จำหน่าย ทำแจกชาวบ้านและช่างที่มาช่วยกันสร้างศาลาจนหมดเกลี้ยง หลังจากศาลาล้มลงมาเเล้วไม่มีใครเป็นอะไรเลยเเม้แต่นิดเดียว จึงมีการสร้างขึ้นมาอีกครั้ง แต่จะมีขีดเล็กๆตรงยันต์ ส่วนอีกรุ่นนั้นออกมาปี2535 ด้านหน้าเหมือนกัน ด้านหลังยันต์ก็เหมือนกัน แต่ต่างกัน 2 จุด คือ ด้านหลังมีคำว่า “นิรันตราย” และรุ่นนี้เหรียญจะบางกว่ารุ่นศาลาล้มมาก

พระเครื่องของหลวงปู่สดนั้น เชื่อกันว่า “พุทธคุณดีทุกรุ่น” แม้ท่านจะไม่ได้ปลุกเสกก็เข้มขลังอย่างน่าอัศจรรย์!!

#ฉัตรสยาม"


 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page