top of page
ค้นหา

คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง ประจำวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. 2565หลวงพ่อทัต วัดช่องแสมสารเกจิดังชลบุรี

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 3 ก.ค. 2565
  • ยาว 1 นาที

คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง ประจำวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. 2565

หลวงพ่อทัต วัดช่องแสมสาร เกจิดังชลบุรีร่วมยุคหลวงปู่ทิม อาจารย์ของหลวงปู่นิล วรลาโภ

วัดช่องแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หรือที่รู้จักกันในชื่อ "วัดหลวงพ่อดำ" เพราะมีหลวงพ่อดำ หรือชื่อเต็มๆว่า "พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองชุมชนช่องแสมสารมาอย่างยาวนาน โดยประดิษฐานอยู่บนยอดเขาเจดีย์ ซึ่งชาวประมงฝั่งตะวันออกนั้น ต่างเลื่อมใสและศรัทธากันอย่างมาก

โดยทุกๆ ครั้งก่อนออกทะเลจะต้องไปนมัสการและขอพร เพื่อให้กลับมาโดยสวัสดิภาพ มีโชคให้ได้สินทรัพย์จากทะเลกลับมาอย่างมากมาย

สำหรับอดีตเจ้าอาวาสที่ทีชื่อเสียงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาอย่างมากก็คื "หลวงพ่อทัต วรุตฺตโม" หนึ่งในเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของภาคตะวันออก ซึ่งอยู่ในยุคเดียวกับหลวงพ่อหอม วัดชากหมาก จ.ระยอง และหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง

จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ท่านน่าจะเป็นลูกศิษย์"หลวงพ่อกราด วัดชากกอไผ่" อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พระอาจารย์ของหลวงปู่ทิม ซึ่งกล่าวขานว่ามีอิทธิฤทธิ์แก่กล้าสามารถเสกเหล้าเป็นน้ำ เสกพยนต์อีกาดุจมีชีวิต ตะกรุดเหนียวสุดๆ

หลวงพ่อทัตท่านเกิดในสกุล "สุวรรณพิทักษ์" เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2431 ตรงกับวันเสาร์ เดือน 8 แรม 10 ค่ำ ปีชวด ณ บ้านชากกอไผ่ ต.ชากบก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นบุตรนายจั่น และนางนงค์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 2 คน

เมื่ออายุ 21 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งแรกที่วัดห้วงหิน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พ.ศ.2452 ได้รับฉายาว่า “ปาสาธิโก” จากนั้นได้เรียนพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นตรีที่สำนักเรียนวัดห้วงหิน และต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดห้วงหิน ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พัดยศเป็นว่าที่ พระครูพิพัตธัมมขัน และเป็นพระอุปัชฌาย์

ต่อมาทางคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งท่านเป็นเจ้าคณะแขวง อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มีหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ในอำเภอนั้น ท่านได้อยู่ในเพศบรรพชิตเป็นเวลาถึง 38 พรรษา และได้ลาสิกขาไปเมื่ออายุ 58 ปี เป็นเวลา 1 ปีเศษ

เมื่ออายุ 60 ปี ท่านได้กลับมาอุปสมบทอีกครั้งที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ และได้จำพรรษาที่วัดนี้เพียงพรรษาเดียว ต่อจากนั้นได้ไปจำพรรษาที่วัดทางภาคเหนือ (ไม่ทราบชื่อวัด) หลังจากได้กลับจากภาคเหนือแล้ว ท่านก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดช่องแสมสารนานถึง 23 พรรษา

ในปี พ.ศ.2505 – 2516 ท่านได้ให้คำปรึกษาในการบริหารงานกิจการคณะสงฆ์กับท่านเจ้าอาวาส ซึ่งท่านเป็นที่รู้จักในพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 108 รูปของประเทศไทยในปี พ.ศ.2516

วาระสุดท้ายหลวงพ่อทัตได้มรณภาพที่วัดช่องแสมสาร เมื่อวันแรม 2 ค่ำ เดือน 8 สิริอายุได้ 85 ปี 63 พรรษา

จากการบอกเล่าของผู้คุ้นเคยปฏิบัติท่านหรือทันในยุคท่านได้ให้ทัศนะว่า แท้จริงหลวงพ่อทัตท่านมีอุปนิสัยประกอบด้วยพรหมวิหารธรรม มีอารมณ์เยือกเย็น สุขุมรอบคอบ ประกอบด้วยจิตมีเมตตา โอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อพระภิกษุและสามเณร ตลอดถึงบุคคลทั่วๆ ไป โดยที่ท่านไม่ถืออคติแต่อย่างใด

ในกรณียกิจของสงฆ์ ท่านก็ประพฤติปฏิบัติไปตามพระธรรมวินัยเป็นบรรทัดฐาน เคารพในระเบียบประเพณีของคณะสงฆ์ ตลอดทั้งกฎหมายบ้านเมืองด้วยดีเสมอมา และท่านไม่มีการถือเนื้อถือตัวกับใครๆ ท่านจึงเป็นที่รักเคารพนับถือของศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วไป

หลวงพ่อทัตท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดช่องแสมสารตลอด 20 กว่าพรรษา ท่านได้เป็นที่ปรึกษาเจ้าอาวาสและได้ช่วยเจ้าอาวาสจัดหาเงินสบทบทุนในการก่อสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กฏิสงฆ์ จนสำเร็จ หลวงพ่อท่านมีชีวิตอยู่ในสมณะเพศจนสิ้นอายุขัย นับว่าท่านได้ประกอบกิจอันเป็นสารัตถประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นเป็นอันมาก ได้ชื่อว่าท่านเป็นผู้บำเพ็ญแล้วซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่ง

ในด้านวัตถุมงคลท่านสร้างผ้ายันต์ตามสูตรหลวงพ่อกราดสมัยอยู่วัดห้วงหิน แต่หายาก มากๆ ข้อมูลของท่านก็หายากมากเหมือนกัน หลวงพ่อทัตเป็นเกจิที่ชาวอำเภอสัตหีบต่างให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง และวัตถุมงคลของท่านก็สร้างไว้ไม่เยอะ อาทิ เหรียญรูปเหมือน,พระสทเด็จ,รูปหล่อ,แหนบ ใครมีเก็บไว้บูชาต่างหวงแหนเป็นอย่างมาก

ท่านใดผ่านไปสามารถเข้าไปทำบุญ สักการะบูชาท่านได้ที่ วิหารหลวงพ่อทัต วรุตฺตโม วัดช่องแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สำหรับศิษย์ที่สืบสายวิชาของหลวงพ่อทัตที่มีชื่อเสียงในขณะนี้คือ "หลวงปู่นิล วรลาโภ" เกจิอาจารย์ดังวัดสว่างอารมณ์ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งปัจจุบันท่านมาอยู่ที่สำนักสงฆ์สวัสดีมงคลธรรมวนาราม จ.ชลบุรี










 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page