top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย. 2565

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย. 2565

"หลวงปู่เส็ง วัดบางนา"ปทุมธานี

เกจิรามัญ-ศิษย์เอกหลวงปู่เทียน

"หมูทองแดง-ครุฑ"สุดยอดของดี!

วัดบางนา อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ในอดีตมีชื่อเสียงมาก มีคนไปทำบุญที่วัดมากที่สุด เนื่องจากเป็นวัดเก่าแก่ มีพระไปบวชศึกษาเล่าเรียนมาก พระที่วัดต่างก็ถือปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด ชาวบ้านจึงศรัทธาเลื่อมใสเข้าไปทำบุญกัน

โดยเฉพาะ “หลวงปู่เส็ง จันทรังสี” อดีตเจ้าอาวาส หรือ"พระครูมงคลธรรมสุนทร" ถือว่าเป็นพระที่ได้รับสมณศักดิ์รูปแรก ท่านเป็นศิษย์เอกหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ และเป็นผู้เริ่มทำพระเครื่องวัตถุมงคลของวัดบางนาจนโด่งดังนั่นคือ ครุฑ และหมูทองแดง

ชาติภูมิท่านเป็นคนพื้นเพละแวกวัด เกิดปีพ.ศ.2444 โยมพ่อชื่อ"จู"เป็นชาวจีนล่องเรือสำเภาจากเมืองจีนมาอยู่ที่สามโคกใช้แซ่"บุญเซ็ง" โยมแม่ชื่อ"เข็ม"เป็นชาวรามัญ ครอบครัวมีพี่น้องทั้งหมด 7 คนเสียชีวิตหมดด้วยโรคฝีดาษ ท่านบวชเมื่อปี พ.ศ.2465 โดยท่านเจ้าคุณพระรามัญมุนี วัดบางหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูบวรธรรมกิจ หรือหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงปู่ทัด ลาหุโล เจ้าอาวาสวัดบางนา มีศักดิ์เป็นน้าชายของท่าน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า "จันทรังสี"

ท่านเล่าเรียนอักขระเลขยันต์จากพระอาจารย์ต่างๆ และมีการเรียนภาษาขอมและภาษารามัญ ศึกษาเล่าเรียนทั้งสองภาษาจนแตกฉาน นอกจากนี้ ยังไปศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงปู่เทียน สุดยอดเกจิอาจารย์ดังวัดโบสถ์อีกด้วย

หลวงปู่เส็งมีปฏิปทาในการใฝ่หาวิชาความรู้มาก ใครแนะนำสั่งสอนท่านก็จดจำไว้เป็นอย่างดี ท่านเชี่ยวชาญด้านภาษาขอมเป็นพิเศษ เรื่องอักขระเลขยันต์ต่างๆ

กระทั่งปี พ.ศ.2486 หลวงปู่ทัด เจ้าอาวาสวัดบางนามรณภาพ หลวงปู่เส็งได้รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสไปก่อน ในปี พ.ศ.2487 สามารถสอบนักธรรมชั้นเอก และ พ.ศ.2489 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางนาอย่างเป็นทางการ

หลวงปู่เส็งให้การศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ท่านก็บูรณปฏิสังขรณ์วัดจนรุ่งเรือง รับงานการสร้างโบสถ์ต่อจากหลวงปู่ทัด เจ้าอาวาสองค์ก่อนที่ทำคั่งค้างไว้จนสำเร็จลุล่วงลงด้วยดี

ท่านเป็นพระปฏิบัติมักจะออกธุดงค์ไปปริวาสกรรมทุกปีมิได้ขาด มีปฏิปทาในทางสมถะ หมั่นบริกรรมภาวนาเจริญพระคาถาวิชาต่างๆ

เล่ากันว่า เวลาว่างจากงานท่านจะนั่งนับลูกประคำที่คล้องคออยู่ บริกรรมพระคาถาตลอดเวลา

หลวงปู่เส็ง เป็นสมภารปกครองวัดเรื่อยมาจนกระทั่งอายุ 65 ปี จึงเริ่มทำวัตถุมงคล การทำวัตถุมงคลครั้งแรกนั้นท่านสร้างพระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกของวัดบางนา ในปี พ.ศ.2510 หลังจากสร้างพระผงสมเด็จ 3 ชั้นออก มาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหา

นอกจากนี้ก็มีพระกริ่งรูปเหมือน มีทั้งแบบหลังตรงและหลังค่อม เนื้อทองแดงผสม,พระปิดตาเนื้อทองเหลืองผสม,เหรียญรูปไข่ รุ่นขี่วัวเนื้อทองแดงผสม,เหรียญรูปเหมือนพิมพ์จอบเล็กและจอบใหญ่,เหรียญหยดน้ำ เนื้อทองแดงผสม,รูปหล่อเนื้อผงปิดทอง ที่กล่าวมานี้เป็นวัตถุมงคลรุ่นเก่าๆที่หลวงปู่สร้างขึ้นมา

นำเงินไปสร้างวัดวังหิน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี

อีกส่วนหนึ่งได้ทำนุบำรุงหมู่กุฏิเสนาสนะวัดบางนาที่ชำรุดทรุดโทรมให้ดีขึ้น สาเหตุที่ท่านไปสร้างวัดวังหินอีกแห่งหนึ่งนั้น ก็เนื่องจากเห็นว่าสมัยนั้นชาวบ้านยากจนมาก ถิ่นที่อยู่ก็ทุรกันดารเป็นแหล่งหลบซ่อนของเหล่าเสือปล้น เกรงว่าชาวบ้านและลูกหลานจะมีนิสัยดุร้ายกันไปหมด

ส่วนวัตถุมงคลแนวเครื่องรางของขลังยอดนิยมก็คือ หมูทองแดง สร้างปีพ.ศ.2521

รูปเหมือนหนุมาน,พญาเต่าเรือน, ปลัดขิก, ตะกรุด,ผ้ายันต์ นลฯ

สำหรับในวงการพระเครื่อง หลวงปู่เส็ง วัดบางนา ได้รับการยกย่องเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกเครื่องรางของขลังอย่าง “พญาครุฑ” ได้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง โดย“พญาครุฑ” รุ่นแรกของท่าน มีเนื้อตะกั่วอาบทองแดง เท่านั้น เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง

ครุฑหลวงพ่อเส็ง วัดบางนา จัดเป็นครุฑรุ่นแรกๆ ของพระเกจิอาจารย์เมืองไทย ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ครุฑ มีความหมายดีมากมาย มีความกตัญญูกตเวที ทั้งความมั่งคั่ง ร่ำรวย เสริมอำนาจ วาสนาบารมี เมตตามหานิยม และการค้าการขายดี

 

ครุฑ หลวงพ่อเส็ง จัดทำพิธีพุทธาภิเษกในโบสถ์มีพระอาจารย์มาร่วมบริกรรมพุทธคุณอีก 10 รูป ครุฑทองแดงด้านหลังเขียนว่า หลวงปู่เส็ง วัดบางนา ปทุมธานี 2522 สลับกับอักขระขอม มีประสบการณ์ดีทางแคล้วคลาดจากปลอดภัย ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมสานพญาครุฑต่างหาวัตุมงคลของหลวงพ่อเส็ง วัดบางนา เพื่อไว้บูชากันอย่างมาก จนมี “ของปลอม” ออกมาระบาดนานแล้ว!

วาระสุดท้ายวันที่ 21 ม.ค. 2531 ท่านมรณภาพลงที่โรงพยาบาลคุ้มเกล้า ตึกคุ้มเกล้า สิริอายุ 87 ปี ปัจจุบันสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่เส็ง ยังคงประดิษฐานอยู่ในโลงแก้ว เพื่อให้คนที่ผ่านไปมาได้กราบไหว้ ขอพร รวมทั้งขอโชคลาภ

#ฉัตรสยาม




ดู 24 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page