top of page
ค้นหา

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 ส.ค. 2566 "หลวงพ่อลัด" วัดหนองกะบอก จ.ระยอง

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 20 ส.ค. 2566
  • ยาว 1 นาที

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 ส.ค. 2566

"หลวงพ่อลัด" วัดหนองกะบอก จ.ระยอง

ศิษย์3อดีตเกจิดัง"ลพ.วงศ์-ลพ.อ่ำ-ลพ.อี๋

พระอุปัชฌาย์"หลวงปู่ทองสุข" วัดหนองฆ้อ

“หลวงพ่อลัด "กิตติสาโร ” หรือพระครูวิจิตรธรรมานุกูล อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกะบอก ต.หนองกระบอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง อดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย เป็นศิษย์สืบทอดสมณศักดิ์ และสืบทอดวิทยาคมจาก 3 อดีตพระเกจิชื่อดังแห่งภาคตะวันออกคือ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย, หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกะบอก และหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ

ทั้งนี้ 3 พระเกจิดังต่างได้รับนิมนต์ไปในพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 150 ปีที่วัดราชบพิธ เมื่อปี พ.ศ.2481 ซึ่งพระคณาจารย์ที่ไปนั่งปรกในพิธีนี้ต้องแก่กล้าวิชาอาคมอย่างแท้จริง จึงนับได้ว่าหลวงพ่อลัด เป็นศิษย์ผู้มีความรู้แตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ

หลวงพ่อลัดเป็นชาวบ้านค่ายโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันจันทร์ ปีขาล พ.ศ. 2445 เมื่ออายุครบเกณฑ์ทหารแล้วได้เข้ารับใช้ชาติเป็นทหารเรืออยู่ 2 ปี หบังปลดประจำการได้เข้าอุปสมบทเมื่ออายุ 23 ปีที่วัดบ้านค่าย โดยมี หลวงพ่อวงศ์เป็นอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า"กิตติสาโร"

เมื่อบวชแล้วได้ศึกษาธรรมะและวิชาอาคมต่างๆจากหลวงพ่อวงศ์ และท่านได้ให้หลวงพ่อลัดไปฝึกวิชากสิณธาตุกับหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกะบอก ทำให้หลวงพ่อลัดฝึกเพ่งกสิณได้สำเร็จสามารถอ่านหนังสือในห้องมืดได้จากแสงสว่างจากกสิณธาตุ

นอกจากนี้ หลวงพ่ออ่ำยังถ่ายทอดวิชาการสร้างและปลุกเสกแพะอันเป็นเครื่องรางของขลังเอกลักษณ์ของวัดหนองกะบอกสืบทอดต่อกันมา ถึงขนาดว่าหลวงพ่อลัดสามารถเสกแพะกระโดดออกจากบาตรได้เช่นเดียวกับหลวงพ่ออ่ำ

ในช่วงที่หลวงพ่อวงศ์ และหลวงพ่ออ่ำ ดังเงียบๆอยู่เฉพาะอำเภอบ้านค่ายนั้น ทางด้านหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ กำลังดังระเบิด ใครๆ ก็รู้จักทั้งนั้น หลวงพ่ออี๋ได้มาหา หลวงพ่อวงศ์และหลวงพ่ออ่ำอยู่เสมอเพื่อการค้นคว้าปรึกษาวิชาอาคมต่างๆ เพราะท่านเคารพนับถือหลวงพ่อวงศ์และหลวงพ่ออ่ำมาก

แม้แต่เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่ออี๋ ก็ยังเอามาให้หลวงพ่อวงศ์ช่วยปลุกเสกให้และตรวจดูว่าใช้ได้แล้วหรือยัง

ในระยะที่หลวงพ่ออี๋มาหาหลวงพ่อวงศ์ และหลวงพ่ออ่ำนี้เอง ท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชาสำคัญของท่านให้กับหลวงพ่อลัดด้วย คือ วิชาการสร้าง"ตะกรุดหนังกลองแตก" โดยมี หลวงพ่อมงคล ซึ่งติดตามหลวงพ่ออี๋ มาร่วมเรียนด้วย ภายหลังหลวงพ่อมงคล องค์นี้ได้ไปอยู่วัดช่องแสมสาร สัตหีบ ท่านได้ทำปลัดขิก และตะกรุดหนังกลองแตก จนโด่งดังอย่างเงียบๆในท้องถิ่น ท่านมักจะพูดให้ลูกศิษย์ลูกหาฟังว่า วิชาตะกรุดหนังกลองแตกนี้ หลวงพ่ออี๋ได้ถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ไว้เพียง 2องค์คือ ตัวท่านเองกับหลวงพ่อลัด วัดบ้านค่าย( หลวงพ่อมงคล มรณภาพเมื่อปี 2529)

เมื่อหลวงพ่อวงศ์มรณภาพได้ปีเศษ ที่ประชุมสงฆ์จังหวัดระยอง และอำเภอบ้านค่าย ซึ่งก็มีหลวงพ่ออ่ำ อาจารย์ของหลวงพ่อลัด ร่วมประชุมอยู่ด้วย ต่างมีมติเห็นว่า หลวงพ่อลัด นอกจากจะปราดเปรื่องทางวิทยาอาคมแล้ว ยังมีความรู้ทางด้านปริยัติธรรมและหนังสือแตกฉานมาก สมควรที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย สืบแทนต่อจากหลวงพ่อวงศ์ ท่านจึงได้รับตำแหน่งนี้ ในสมณศักดิ์เดิมของหลวงพ่อวงศ์คือ พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ เจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย

หลวงพ่อลัด มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย และมีวัดที่อยู่ในการปกครองดูแลถึง 40 วัด ท่านจึงมุ่งงานด้านบริหารศาสนกิจเป็นส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันก็ได้ส่งเสริมญาติโยมทางด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานไปด้วย แม้จะมีภารกิจในด้านศาสนกิจมากมาย แต่หลวงพ่อลัดก็ไม่ได้ทอดทิ้งวิชาการสร้างแพะ ที่แกะจากเขาควายฟ้าผ่า ในทุกๆ พรรษาครั้งละไม่มากนัก พอออกพรรษาก็มีผู้มารับไปหมด สำหรับ

ทุ้งนี้ ผู้ที่จะปลุกเสกแพะได้ต้องเป็นพระที่มีสัจจปฏิญาณมากมาย 1.บวชไม่สึก 2.เพ่งกสิณไฟสำเร็จ 3.อ่านหนังสือในที่มืดได้ 4.แพะแกะจากเขาควายที่ถูกฟ้าผ่า กรรมวิธีในการสร้างถูกต้องตามแบบหลวงพ่ออ่ำ ไม่มีผิดเพี้ยน ขั้นตอนในการสร้างยากลำบากจึงมีผู้รับการถ่ายทอดไว้น้อย แต่หลวงปู่ลัด พร้อมทุกอย่างจึงเป็นพระที่ได้เรียนวิชานี้ไว้

แพะที่สร้างในสมัยหลวงพ่ออ่ำ หลวงปู่ลัดก็ร่วมปลุกเสกแทบทุกรุ่น ในปัจจุบันนี้มีราคาแลกเปลี่ยนก็สูงครับ หลวงพ่อลัดท่านเป็นพระที่ฉลาด หัวไว ความจำดีมากครับ เวลาเรียนไสยเวทย์ ต่างๆหลวงพ่อลัดท่านจึงเรียนได้เร็ว จนเป็นที่มาของชื่อว่า"ลัด" คือเรียนอะไรก็จะเร็วไปหมด

เมื่อหลวงปู่ลัดได้รับแพะเพื่อมาเตรียมปลุกเสกแล้ว หลวงปู่ลัดจะทำการเรียกวิญญาณ 32 ด้วยบทคาถา เกษา โลมา นขา ทันตา จนครบ32 แพะทุกตัวจะมีธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ จากนั้น ท่านจะนั่งเพ่งกสิณไฟเสกด้วยพระคาถา กรณีเมตาสูตรตามกำลังวันทุกคืน

แพะของหลวงพ่อลัดนั้นปลุกเสกแต่ละครั้งไม่มาก โดยจะปลุกเสกสัปดาห์ละวัน วันละคาบและปลุกเสกจนแพะดิ้นได้ หรือกระโดดได้จึงเป็นอันใช้ได้ แพะของท่านจึงเข้มขลังและพุทธคุณโดดเด่นมากในเรื่องเมตตาค้าขาย

ส่วนเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อลัด หรือ"เหรียญสิทธิโชค"" จัดสร้างในวาระงานวางศิลาถกษ์สร้างอุโบสถวัดนพเก้า(มะขามคู่) ปี2519 ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อลัด ด้านหลังเป็นยันต์3 มีรูปเสือ โดยหลวงพ่อเชื้อ เจ้าอาวาสวัดนพเก้ามะขามคู่ ได้มาขออนุญาตท่านสร้างวัตถุมงคลหลายอย่าง อาทิ เช่น เหรียญหลังเสือ เหรียญสิทธิโชคเล็ก รูปหล่อ พระสมเด็จหลังรูปเหมือน และแพะโลหะ เพื่อนำเงินมาสร้างพระอุโบสถ

ทั้งนี้ หลวงพ่อลัดเป็นพระอุปัชฌาย์ที่อุปสมบทให้พระเกจิอาจารย์ดังหลายรูป หนึ่งในนั้นที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในปัจจุบันก็คือ "หลวงปู่ทองสุข ลทฺธเมโธ"หรือนามสมณศักดิ์”พระครูพุทธิศาสก์มุนี” อายุ84ปี 64 พรรษา เจ้าอาวาสวัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สืบสายพุทธาคมหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และ"หลวงปู่แก้ว เกสาโร" พระผู้ทรงพุทธาคมแห่งวัดหนองพะวา

#ฉัตรสยาม


 
 
 

Comentários


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page