top of page
ค้นหา

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 ธ.ค. 2566 “หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง”เกจิเมืองกรุงเก่า

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 ธ.ค. 2566

“หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง”เกจิเมืองกรุงเก่า

ศิษย์เอกหลวงพ่อเพิ่ม/สายวิชาหลวงพ่อกลั่น

สืบสานตำรา”ยันต์เกราะเพชร”หลวงพ่อปาน

"ย้อนรอยเกจิ"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติหนึ่งในอดีตพระเกจิอาจารย์มาแรงแห่งเมืองกรุงเก่า..พระมงคลวราจารย์ หรือ“หลวงพ่อเชิญ ปุญญสิริ” อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกทอง ต.กุฎี อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เกจิ อาจารย์ที่มีชื่อเสียงด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพัน ทายาทตัวจริงที่ได้รับการถ่ายทอดสุดยอดวิชามาจาก”หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”จนหมดสิ้น ยิ่งเรื่องการ"เป่ายันต์เกราะเพชร"ด้วยแล้ว กล่าวได้ว่าท่านเป็น"เบอร์หนึ่ง" ตัวจริง

หลวงพ่อเชิญเกิดในตระกูล” กุฎีสุข” ที่หมู่บ้านดงตาล ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 12 เม.ย. 2450 โยมบิดาชื่อ นายเคลือบ โยมมารดาชื่อ นางโล่ เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 3 คน โดยน้องสองคนเป็นฝาแฝดหญิง ชื่อ นางเจียม และ นางจอม

เมื่ออายุ 5 ขวบ โยมมารดาถึงแก่กรรมจึงต้องอยู่ในความดูแลของโยมบิดาแต่ผู้เดียว ยามใดที่โยมบิดาไปทำไร่ไถนา ท่านต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องสาวฝาแฝด นับเป็นความยากลำบากมากทีเดียว เพราะขณะนั้นท่านเองเพิ่งจะมีอายุ 5-6 ขวบเท่านั้น อายุได้ 8 ขวบ โยมบิดาพาไปฝากเรียนหนังสือกับหลวงพ่อขาบ วัดฤาชัย ต.กุฎี อ.ผักไห่ จ.พระนครศรี อยุธยา อันเป็นถิ่นกำเนิดของโยมบิดา โดยเล่าเรียนหนังสืออยู่กับหลวงพ่อขาบ 2 ปี จนสามารถอ่านออกเขียนได้พอสมควร

หลวงพ่อขาบขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี เห็นว่าหลวงพ่อเชิญเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร เฉลียวฉลาดและว่านอนสอนง่าย จึงนำไปฝากพระครูบวรสังฆกิจ หรือ “หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง” เจ้าคณะอำเภอเสนา ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมสูงส่ง เชี่ยวชาญทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตร เคร่งครัดพระธรรมวินัย นอกจากนี้ ยังเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณ และเรืองวิทยาคมขลัง เนื่องจากเป็นศิษย์หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ดังนั้น หลวงพ่อเพิ่มจึงมีชื่อเสียงด้านแก้คุณ แก้การกระทำทางไสยศาสตร์และรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

ชื่อเสียงของหลวงพ่อเพิ่มสมัยนั้นจึงโด่งดังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นสหธรรมิกที่มีอายุแก่กว่าหลวงพ่อเพิ่ม 5 ปี ในสมัยนั้นหลวงพ่อปานมาพำนักที่วัดโคกทองอยู่เสมอ เมื่อปี พ.ศ.2467 หลวงพ่อเพิ่มสร้างศาลาการเปรียญ หลวงพ่อปานยังมาช่วยยกเสาเอกให้ แต่น่าเสียดายที่หลวงพ่อเพิ่มไม่เคยสร้างพระเครื่องไว้เลย คนรุ่นหลังจึงไม่มีใครรู้จักท่าน

วัดโคกทองนับเป็นวัดใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัด สร้างขึ้นเป็นวัดประมาณ พ.ศ.2370 เดิมวันตั้งอยู่ห่างจาก แม่น้ำน้อย สถานที่ตั้งวัดเป็นที่เนินสูงเรียกว่า " โคก " เป็นที่เลี้ยงวัวควายของชาวบ้าน เมื่อสร้างวัดขึ้นมาแล้วได้เรียกขนานนามวัดนี้ว่า " วัดโคกทอง " ในสมัยของพระครูบวรสังฆกิจ ( หลวงพ่อเพิ่ม ) อดีตเจ้าคณะแขวงเสนา ได้ย้ายมาตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำน้อยซึ่งเป็นที่ตั้งในปัจจุบัน เพื่อความสะดวกและเหมาะสมยิ่งขึ้น วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2480 ผูกพัทธสีมาเมื่อ พ.ศ.2492

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อเพิ่มทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์เพียงอย่างเดียวคือ แผ่นอิฐลงอาคมที่ก้นบ่อน้ำมนต์ 2 แผ่น อีกแผ่นหนึ่งเป็นของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งกล่าวกันว่าน้ำมนต์ในบ่อนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก โดยหลวงพ่อเชิญท่านนำมารดให้กับลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ

เมื่อหลวงพ่อเชิญมาอยู่วัดโคกทองได้คอยรับใช้หลวงพ่อเพิ่มอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติหน้าที่การงานอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความวิริยะอุตสาหะและเชื่อฟังคำสั่งสอนเป็นอย่างดี กระทั่งอายุได้ 16 ปีจึงบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2466 หลวงพ่อเพิ่ม เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบทต่อ ณ พัทธสีมาวัดโคกทอง เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2470 โดยมีพระอาจารย์องค์แรกคือ หลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดแจ่ม วัดโคกทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปุญญสิริ”

หลังอุปสมบทได้อยู่ช่วยหลวงพ่อเพิ่มบูรณะวัดโคกทองเรื่อยมา พร้อมกับศึกษาพระปริยัติธรรมโดยสอบได้นักธรรมตรีตั้งแต่ยังเป็นสามเณรในปี พ.ศ.2469 แล้วสอบได้นักธรรมโทในปีแรกที่อุปสมบท และอีก 8 พรรษาต่อมาจึงสอบได้นักธรรมเอก สาเหตุที่ท่านสอบได้นักธรรมเอกช้า เนื่องจากไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เพราะต้องช่วยงานหลวงพ่อเพิ่มในการบูรณะพัฒนาวัด ด้วยความอุตสาหะในปี พ.ศ.2474 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมที่ “พระสมุห์เชิญ”

ปีพ.ศ.2478 สอบได้นักธรรมเอก และได้รับการแต่งตั้งเป็น พระปลัด ในปี พ.ศ.2480 ท่านจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนหลวงพ่อเพิ่ม ปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอเสนา ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขก ดูแลพระภิกษุสามเณรภายในวัด และเป็นผู้จัดสถานที่ให้กับคนเจ็บที่มารักษาตัว

แม้แต่ศาสนกิจนอกวัดเกี่ยวกับราชการคณะสงฆ์ เทศนาตามกิจนิมนต์ หรือการเข้าประชุมตามพระเถระกำหนด และออกตรวจตราตามบริเวณวัดและสอบนักธรรมสนามหลวง ภารกิจเหล่านี้ตกอยู่กับท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้น นับเป็นภารกิจที่หนักมาก แต่ท่านก็สามารถปฏิบัติด้วยความเรียบร้อยเสมอมา จวบจนหลวงพ่อเพิ่มมรณภาพในปี พ.ศ.2491

ในด้านการศึกษาพระเวทวิทยาคม นับว่าหลวงพ่อเชิญเป็นพระอาจารย์ที่มีครูบาอาจารย์มาก เพราะท่านมีใจรักทางด้านพระเวทวิทยาคมมากกว่าการศึกษาด้านพระปริยัติธรรม โดย “หลวงพ่อเพิ่ม” เป็นพระอาจารย์องค์แรกที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆให้ตั้งแต่หลวงพ่อเชิญมีอายุเพียง 10 ขวบ อาทิ การศึกษาอักษรสมัยทั้งภาษาไทยและภาษาขอม การท่องบ่นมนต์คาถา การลงอักขระเลขยันต์ แพทย์แผนโบราณ ยาแก้กันกระทำคุณไสย นั่งเจริญสมาธิภาวนาพระกรรมฐาน ตลอดทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน

ในคราวที่บวชเณรแล้วได้ติดตามหลวงพ่อเพิ่มไปซื้อซุงที่ชัยนาท ได้ไปกราบนมัสการ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเพิ่ม ท่านจึงโชคดีได้วิชาบางอย่างมาจากปรมาจารย์อันยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรอย่างหลวงปู่ศุข เมื่ออุปสมบทในพรรษาแรกก็ไปขึ้นพระกรรมฐานกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และเดินทางไปเรียนวิชากับหลวงพ่อจงอยู่เป็นเวลาหลายปี

นอกจากนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สหายทางธรรมของหลวงพ่อเพิ่มชอบมาพำนักที่วัดโคกทอง หลวงพ่อเชิญจึงฝากตัวเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ แล้วติดตามพายเรือไปส่งและพักเรียนวิชาที่วัดบางนมโคเป็นประจำ

ในปี พ.ศ.2473 หลวงพ่อเพิ่มพาท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์อีกรูปหนึ่งของท่านคือ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ซึ่งขณะนั้นท่านชราภาพมากแล้ว ต่อมาในปี พ.ศ.2482 หลวงพ่อเชิญเกิดอาพาธด้วยโรคตาอักเสบจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพักรักษาตัวอยู่กับ หลวงปู่กล้าย วัดหงษ์รัตนาราม บางกอกใหญ่ เลยได้รับการแนะนำวิชาการต่าง ๆ จากหลวงปู่กล้ายอีกรูปหนึ่ง

ในช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เวลานั้นวัสดุก่อสร้างขาดแคลน การบูรณะวัดก็หยุดชะงักลง หลวงพ่อเชิญจึงถือโอกาสเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณว่าด้วยสาขาเวชกรรมกับ “ครูนพ” ที่โรงเรียนประทีป ตลาดพลู เป็นเวลา2ปี นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์เรืองวิชาที่มีชื่อเสียงในอยุธยาที่ท่านเคยไปขอศึกษาวิชามา เช่น หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน หลวงพ่อแจ่ม วัดบัวหัก และหลวงพ่อแพ วัดกลางคลอง ฯลฯ วาระสุดท้ายท่านมรณภาพลงเมื่อวันที่ 21 มค.2543 อายุ 93 ปี 73 พรรษา

วัตถุมงคลที่หลวงพ่อเชิญสร้างไว้มีทั้งเนื้อผง และเนื้อโลหะ เช่น เหรียญรุ่นแรก ปี2511 เหรียญหล่อปรกโพธิ์ยันต์กลับปี2536 พระกริ่งประสิทธิโชคปี2534 รูปเหมือนปั๊มรุ่น 1 ปี2535 พระปิดตายันต์ยุ่ง,มีดหมอ ฯลฯ ส่วนใหญ่จะสร้างและปลุกเสกตามตำรับตำราพระอาจารย์ที่ท่านได้ร่ำเรียนมา อย่างเช่น หลวงพ่อปาน โดยจะประทับยันต์เกราะเพชรไว้เป็นเอกลักษณ์

เหรียญรุ่นแรกของท่านออกแบบได้สวยงาม ลักษณะเหมือนพิมพ์กงจักร ด้านหน้าเป็นรูปครึ่งองค์มีคำว่า “พระครูวิชัยประสิทธิคุณ” ซึ่งเป็นสมณศักดิ์แรกของท่าน ส่วนด้านหลังเป็นยันต์ ข้างใต้มีคำว่า “วัดโคกทอง” หากไม่ใช่ผู้รู้หรือนักสะสมสายตรงจะไม่ทราบเลยว่าเป็นเหรียญของท่าน

ปัจจุบันหายากมากๆ โดยเฉพาะ “ของแท้” เนื่องจากของเก๊ฝีมือเฉียบขาดจริงๆ ซึ่งออกมาอาละวาดตามสนามนานแล้ว ใครไม่แม่นพิมพ์และตำหนิต่างๆรับรอง “โดน” ส่วนเรื่องประสบการณ์ดีจริงสมคำร่ำลือ คนเมืองกรุงเก่าเขารับประกัน

แม้ราคาค่านิยมจะไม่สูงสุดโต่งเหมือนเกจิองค์อื่น แต่ก็ทรงคุณค่าความเข้มขลัง เป็นที่เสาะหาและสะสมในหมู่ลูกศิษย์ เพราะมากไปด้วยประสบการณ์ครบเครื่องทั้งเรื่องเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ มหาอุด

#ฉัตรสยาม


ดู 5 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page