คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง"
ประจำวันอาทิตย์ที่ 27 ส.ค. 2566
"หลวงพ่อเทพ สิริธโร" วัดถ้ำรงค์ เพชรบุรี
เกจิดังร่วมยุคหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ
อาจารย์ของ"หลวงปู่ทองพูน บารมี10 ทัศ”
สมเด็จ/เหรียญประสบการณ์แคล้วคลาด
“หลวงพ่อเทพ สิริธโร” (พระครูบรรพตวิบูลกิจ) อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำรงค์ และเจ้าคณะตำบลท่าเสน ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ในยุคเดียวกับ “หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ” ท่านทั้งสองดังเคียงคู่กันมา ด้วยความที่หลวงพ่อเทพเป็นพระเก็บตัว ชอบความสงบ จึงไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่เรื่องวิชาอาคมและพระเครื่องนั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันทีเดียว
ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติธรรม จนสามารถมีญาณวิเศษมองเห็น รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งในอดีตก็ได้ปัจจุบันก็ได้ อีกทั้งยังมีความสามารถในด้านการทำนายทายทัก ดูฤกษ์ดูยามในการประกอบพิธีการงานต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ เช่น การออกรถใหม่ การแต่งงาน อุปสมบท จึงมีลูกศิษย์ลูกหามากมายอยู่ทั่วทุกสารทิศ ด้วยความที่ท่านเป็นพระนักปฏิบัติธรรม เคร่งครัดในธรรม-วินัย จนสามารถมีอิทธิฤทธิ์ในเรื่องต่างๆ ได้แพร่กระจายจากปากต่อปากของลูกศิษย์ลูกหาที่เข้ามาขอความช่วยเหลือจากท่าน จากเพียงคนเดียวก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อความศักดิ์สิทธิ์ของเครื่องรางของขลังที่หลวงพ่อเทพปลุกเสกมาเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับลูกศิษย์ลูกหา เกิดปาฏิหาริย์ให้ลูกศิษย์ได้ประจักษ์ จึงทำให้มีผู้คนที่เดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือจากท่านมากมาย ทำให้ชื่อเสียงของท่านขจรขจายไปทั่วประเทศ
แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว ผู้คนก็ยังมีความศรัทธาอย่างมั่นคง หลายคนไปขอให้ท่านช่วยเหลือ เมื่อได้ตามที่ขอก็จะนิยมแก้บนกันด้วย “หนังตะลุง” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลวงพ่อเทพชอบดูเป็นที่สุด โดยเฉพาะเรื่อง “รามเกียรติ์”
หลวงพ่อเทพ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 15 ต.ค. 2449 ณ บ้านหมู่ที่ 4 ต.ถ้ำรงค์ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 9 คนของนายพวง นางเภา ปานดำ เยาว์วัยได้เรียนหนังสือกับพระอธิการวัน วัดถ้ำรงค์ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่มีความรู้ในด้านต่างๆ มาก จนอ่านออกเขียนได้ตามสมัย จากนั้นก็ออกมาประกอบอาชีพทำนาทำไร่ ช่วยเหลือครอบครัวของท่านด้วยความเอาใจใส่อย่างดี ไม่เคยเกียจคร้านแม้แต่น้อย
เรื่องการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตท่านไม่เคยคิดทำ เพราะเกรงกลัวต่อบาป อีกทั้งเรื่องเที่ยวเตร่ก็ไม่เคยไปร่วมวงกับใคร แต่กลับสนใจในวิชายาแผนโบราณ และทางด้านวิชาอาคมขลัง โดยเดินทางไปเรียนจากพระอาจารย์หลายท่านทั้งที่เป็นพระสงฆ์ และฆราวาส อาทิ หลวงพ่อบุญ วัดท่าศาลา และอาจารย์ของหลวงพ่อบุญ
ปีพ.ศ.2469 ได้เข้าอุปสมบทที่วัดถ้ำรงค์ มีหลวงพ่อชิต วัดมหาธาตุ เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เขียว วัดท่าศาลาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการวัน วัดถ้ำรงค์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า"สิริธโร" หลังจากนั้นได้จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ตลอดมา เฝ้าปฏิบัติวัตรพระอาจารย์อย่างสม่ำเสมอ และเรียนอาคมขลังเพิ่มเติมจนก้าวหน้ามาก
แม้แต่พระอาจารย์ร่วมสำนักเดียวกัน เมื่อต้องการติดต่อเรื่องราวอันใด ก็จะใช้สมาธิติดต่อกัน บางเรื่องท่านจะไม่ใช้ผู้อื่นเดินทางไปแทน ทำเอาผู้เดินทางถึงกับงงมาก เมื่อพระที่ท่านใช้ให้ไปหา สั่งข้อความและฝากของมาให้ เหมือนกับพูดกันทางโทรศัพท์
หลังสอบนักธรรมโทได้แล้ว ก็แบกกลดเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับพระธุดงค์เข้าป่าหา ความสงบบำเพ็ญเพียรภาวนา เดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน จนถึงประเทศลาวทางฝั่งพม่าก็เข้าไปถึงเมือง หงสาวดี ย่างกุ้ง
เรื่องการอดอาหารเป็นวันๆ ท่านเคยอดมาแล้ว โดยไม่มีความหวั่นไหวอะไรเลยแม้แต่น้อย ท่านใช้เวลาเดินธุดงค์อยู่หลายปี จนมีเสียงร่ำลือกันว่าท่านตายไปแล้ว พ่อแม่ของท่านจึงไปสอบถามจากหลวงพ่อบุญ วัดท่าศาลาราม ได้รับคำตอบว่า เร็วๆ นี้ท่านก็จะกลับมา จากนั้นไม่นานท่านก็เดินทางกลับมาที่วัด และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสในปีพ.ศ.2481 ด้วยความเอาใจใส่ในการก่อสร้าง ท่านก็สร้างสรรค์วัดจนสำเร็จลุล่วง ปรากฏผลงานการก่อสร้างมากมายเป็นที่ยกย่องสรรเสริญของญาติโยม
เรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้ท่านมากก็คือ การดูฤกษ์ผานาที การพยากรณ์เกี่ยวกับที่ดินจะปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน ร้านค้าต่างๆ ซึ่งใครให้ท่านดูแล้ว กิจการจะก้าวหน้า
หลวงพ่อเทพเป็นอีกหนึ่งเกจิที่เข้มขลังทางพุทธาคมอย่างยิ่ง ในอ.บ้านลาด ถึงขนาดที่หลวงพ่อผิน วัดโพธิ์กรุ ยังให้ความเคารพท่าน นอกจากนั้น ยังเป็นพระเกจิหนึ่งใน 2 รูปของจังหวัดเพชรบุรี ที่ได้รับนิมนต์มาปลุกเสก เหรียญหลักเมือง กรุงเทพฯ ปีพ.ศ. 2518 ซึ่งอีกรูปก็คือ"ท่านเจ้าคุณอินทร์ วัดยาง"
ด้านวัตถุมงคลท่านสร้างไว้ไม่มาก แต่เป็นที่ต้องการของชาวเมืองเพชรมาก มีทั้งพระเนื้อผง, เหรียญรูปเหมือน, เครื่องรางขิงขลังอย่างตะกรุด และผ้ายันต์ สำหรับพระเครื่องที่คนบ้านลาดให้ความนิยมและเสาะหากันอย่างมากคือ “เหรียญ” ซึ่งสร้างไว้หลายรุ่นมีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดปลอดภัยเป็นเลิศ เหรียญรุ่นแรก เนื้อทองแดง หลังยันต์เฑาะว์ รุ่นนิยม ในพิธีปลุกเสกปรากฏเหตุการณ์อัศจรรย์ ให้ประชาชนที่เข้าร่วมพิธีได้เห็นกันอย่างมาก คือ ในช่วงตอนบ่ายหน้าแล้ง แดดแรง ทันทีที่ท่านจุดธูปเทียนบูชาพระและบูชาครูบาอาจารย์ ฝนก็ตั้งเค้ามาตกในบริเวณงานพอให้คลายความร้อนระอุลงไป ประตูโบสถ์ที่ปิดสนิทก็เปิดอ้าออก เหมือนมีคนไปเปิดออก ซึ่งทำให้ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกล่าวว่าเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
“พระสมเด็จฐานแซม เนื้อผงพุทธคุณผสมว่าน ปี 2504” เป็นพระเนื้อผงที่มีประสบการณ์ และเริ่มหายากแล้ว โดยท่านกดพิมพ์เองบ้าง ให้พระเณรช่วยกดบ้าง ส่วนมวลสารที่ผสมจัดสร้างเป็นองค์พระ อาทิ ว่านเกสรดอกไม้ ตะไคร่เสมา ตะไคร่เจดีย์ ตะไคร่รอยพระพุทธบาท น้ำพระพุทธมนต์ และผงพุทธคุณที่ท่านสะสมไว้ เนื้อพระจะออกหยาบมีสีขาวอมเหลืองอ่อน ลักษณะด้านหน้าเป็นรูปองค์พระประทับนั่งบนฐาน 3 ชั้น องค์พระเรียว มีจีวรและสังฆาฏิปรากฏให้เห็นชัดเจน ตรงพระพักตร์กลม หูยาวลงมาจรดที่ไหล่ พระเกศจรดซุ้ม ด้านหลังมี “ยันต์เฑาะว์ขึ้นยอด” นับว่าเป็นพระสมเด็จที่น่าบูชาอีกรุ่น
พระพิมพ์สมเด็จฯ เป็นพระพิมพ์ที่หลวงพ่อเทพ ท่านสร้างขึ้น โดยในพิธีปลุกเสกได้อัญเชิญดวงวิญญาณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) มาร่วมพิธีด้วย โดยเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกคือ หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ, หลวงพ่อเชื่อม วัดแก่นเหล็ก, หลวงพ่อทองสุข วัดบันไดทอง, หลวงพ่อผิน วัดโพธิ์กรุ, หลวงพ่อเริ่ม วัดโพธิ์ลอย และ เจ้าคุณอินทร์ วัดยาง เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี ในขณะนั้น
ประสบการณ์จากพระเครื่องของท่านมีเรื่องกล่าวขวัญกันมาก มาย อาทิ ลูกจ้างชาวอีสานคนหนึ่งทำเหรียญหล่นขณะขนไม้ไปก่อสร้างที่พัก หาอย่างไรก็ไม่พบ จึงเอาไฟจุดเผาหญ้า ปรากฏว่า เมื่อจะถึงเหรียญห่างเพียงเมตรเศษ ไฟที่จุดเผาก็ดับลง เขาสงสัยอย่างมากจึงค้นหาดูอีก จึงพบเหรียญของท่าน อีกรายห้อยเหรียญของท่านขับปิกอัพไปพลิกคว่ำข้างทาง ขณะเดินทางไปประจวบคีรี ขันธ์ ตัวเขาแค่กระเด็นออกจากรถโดยไม่เป็นอะไร แต่เพื่อนที่นั่งมาด้วยกลับตายอย่างอนาถ
วาระสุดท้ายแห่งชีวิต ท่านถึงกาลมรณภาพด้วยโรคหัวใจล้มเหลวที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2525 สิริอายุได้ 72 ปี
แม้กาลเวลาจะผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว แต่ผู้ที่เคารพศรัทธายังคงไปกราบไหว้สักการะรูปเหมือนของท่าน เพราะคุณงามความดีที่ยากจะลืมเลือนนั่นเอง เช่นเดียวกับพระเครื่องของท่านที่ยังคงความเข้มขลัง และเป็นที่ต้องการของศิษย์สายตรง และคนเมืองเพชรอยู่เสมอ
สำหรับศิษย์เอกสืบทอดพุทธาคมของหลวงพ่อเทพที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันคือ "หลวงปู่ทองพูน เขมเปโม" อายุ 110 ปี แห่งสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำจำปาทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี ศิษย์ 10 สายพระเกจิอาจารย์หรือที่ลูกศิษย์เรียกกันว่า “หลวงปู่ทองพูน บารมี10 ทัศ” โดยหลวงพ่อเทพเอ็นดูท่านตั้งแต่ยังเป็นสามเณร และถ่ายทอดวิชาด้านเมตตามกานิยมให้
#ฉัตรสยาม
Comments