top of page
ค้นหา

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 3 ธ.ค. 2566 หลวงพ่อแฉ่ง สีลปัญโญ วัดบางพัง นนทบุรี

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 3 ธ.ค. 2566
  • ยาว 1 นาที

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 3 ธ.ค. 2566

หลวงพ่อแฉ่ง สีลปัญโญ วัดบางพัง นนทบุรี

อดีตพระดีเกจิดังยุคสงครามโลกครั้งที่2

พระสิวลีเข้มขลัง-สำเร็จวิชา"นะปัดตลอด"

"ย้อนรอยเกจิ"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ "หลวงพ่อแฉ่ง สีลปัญโญ" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพัง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พระเกจิที่มีความเชี่ยวชาญทางวิปัสสนากัมมัฏฐานและพุทธาคมในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นผู้คงแก่เรียน จนทำให้ชื่อเสียงระบือไกล

โดยท่านได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลดังๆ เช่น พิธีที่วัดราชบพิธ พ.ศ.2481, พิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ ในการพุทธาภิเษกพระกริ่งในเจ้าคุณศรีฯ วัดสุทัศน์ จะต้องนิมนต์พระหลวงพ่อแฉ่งร่วมปลุกเสกทุกครั้ง

หากใครเดินทางไปไหว้สักการะขอพร ที่ศาลพระพิฆเนศ ห้วยขวาง ด้านในศาลนั้น จะมีรูปพระสงฆ์รูปหนึ่งนั้น เชื่อว่าบางคนสงสัยว่า ท่านเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไรต่อศาลแห่งนี้ เท่าที่สืบหาข้อมูลและประวัติต่างๆ รู้ว่า พระสงฆ์รูปนี้ นามว่า หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี และเป็นอาจารย์ของผู้ก่อตั้งศาลพระพิฆเนศ ห้วยขวางคือ "อาจารย์สุชาติ รัตนสุข"

หลวงพ่อแฉ่งท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธันวา คม พ.ศ 2428 บิดาชื่อ “สิน” และมารดาชื่อ “ขลิบ” ตอนเด็กๆ ท่านเป็นคนที่มีลักษณะผิวพรรณงาม บิดาจึงตั้งชื่อว่า “แฉ่ง” ในปีพ.ศ. 2444 บิดา-มารดานำไปบรรพชาเป็นสามเณร ขณะมีอายุได้ 12 ปีที่วัดสลักเหนือ หนึ่งพรรษา ก็สึกออกมาช่วยบิดามารดาทำงานเป็นหัวแรงสำคัญของครอบครัว ท่านเป็นคนขยัน รักสงบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ต่อมามีเหตุให้ท่านต้องไปอยู่ทางภาคเหนือ

ต่อมาได้อุปสมบทเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์หลังบวชแล้วท่านก็ศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน ตลอดจนเรียนพุทธาคมจากพระอาจารย์อีกหลายองค์ จากนั้นก็ออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ในป่าเขาลำเนาไพร แถบภาคเหนือ ภาคอีสาน เลยเข้าไปถึงประเทศลาว เขมร พม่า ท่านธุดงค์นานถึง 15 ปี จึงย้อนกลับมาภูมิลำเนาเดิมที่บ้านวัดสลักเหนือ อ.ปากเกร็ด มาจำพรรษาอยู่ที่วัดบางพัง ชาวบ้านในแถบนั้นจำท่านแทบไม่ได้

ในวิถีเส้นทางพุทธาคม หลวงพ่อแฉ่งท่านเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้มากครูบาอาจารย์ท่านเยอะ สมัยก่อนอาจารย์ใดเข้มขลัง ท่านจะไปขอเรียนวิชาด้วยแทบทั้งสิ้นจากเหนือจรดใต้ จากตะวันออกสู่ตะวันตก แม้วิชาในสายเขาอ้อหลวงพ่อแฉ่งยังได้เรียนรู้มา ด้วยตำราหลายอย่างของท่านตรงกับตำราเขาอ้อ เชื่อมั่นว่าต้องเคยเรียนรู้มาอย่างแน่นอน

ครูบาอาจารย์ของท่านมีอาทิ 1.หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย เรียนทางมหาอำนาจปลุกเสกเขี้ยวเสือแกะ เรียนทำน้ำมนต์ ฯลฯ 2.หลวงพ่อทอง วัดราชโยธา เรียนทางกรรมฐาน การปลุกเสกพระเครื่อง การลงอักขระยันต์ ฯลฯ 3.หลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เรียนทางคงกระพัน ปลุกเสกของขลัง ผูกหุ่นพยนต์ ฯลฯ 4.หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เรียนการปลุกเสกพระ เรียนยันต์เกราะเพชร ยันต์เฑาะว์ ยันต์กันไฟ ท่านให้ความเคารพนับถือหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนคร ศรีอยุธยา มากเป็นพิเศษ ในฐานะลูกศิษย์และสหายธรรมรุ่นน้องจึงได้รับอิทธิพลในการจัดสร้างพระพิมพ์ทรงสัตว์ต่างๆ มาจากหลวงพ่อปานด้วย

5.หลวงพ่อไข่ วัดเชิงเลน เรียนบรรจุพระบูชา วิชามหาอุตม์ ปลุกเสกพระเครื่อง ฯลฯ

6. หลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิงวรวิหาร เรียนลงตะกรุดโภคทรัพย์ ตะกรุดสามกษัตริย์ ฯลฯ 7.หลวงพ่อวัดเขาลูกช้าง เรียนยันต์พรหมสี่หน้า เรียนทางเมตตา ฯลฯ 8.พระอาจารย์จอง เรียนหุงสีผึ้ง ฯลฯ 9.พระอาจารย์ปลอด ลพบุรี เรียนหุงสีผึ้งเมตตา ลงตะกรุดไม้ไผ่มหาอุตม์ ฯลฯ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เรียนลงตะกรุดมหารูด การลงยันต์ราชสีห์ ฯลฯ 11.พระพุทธวิหาร เรียนประสานกระดูก, วิธีลงเสื้อยันต์เกราะเพชร ฯลฯ. พระพุทธวิหาร เรียนประสานกระดูก, วิธีลงเสื้อยันต์เกราะเพชร ฯลฯ

12.พระครูขันธ์ วัดสระเกศ เรียนวิธีลง นะ บางอย่าง การทำน้ำมนต์ ฯลฯ. เจ้าคุณวัดใต้ ตลาดพลู วิธีทำลูกอมคงกระพัน 14.ท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม วิธีบรรจุพระประจำวันเกิด ฯลฯ 15. พระอาจารย์หยิบ วัดทุ่ง เรียนการลงโภคทรัพย์ ฯลฯ 16.หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง เรียนลงสาลิกา วิธีลงโภคทรัพย์ ฯลฯ 17.พระอาจารย์เขมร เรียนลงผ้าพระพุทธคุณ ฯลฯ

"นะปัดตลอด" วิชานี้ในสมัยแรก ๆ ช่วงที่ท่านยังไม่ได้สร้างพระเครื่องเป็นยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทุกๆปีหลวงพ่อแฉ่งท่านจะจัดงานไหว้ครูที่วัดบางพัง หนุ่ม ๆ สมัยนั้นก็มีทั้งที่เชื่อถือท่านและพวกวางเฉย ด้วยเวลานั้นท่านยังหนุ่มดูภายนอกไม่น่าจะขลัง แต่คนใกล้ตัวเริ่มทราบแล้วว่าท่านมีอาคม เพราะเห็นท่านลงอาถรรพ์ที่เขื่อนข้างวัด ด้วยสมัยก่อนพวกเรือโดยสารเมื่อผ่านวัดบางพัง พวกเรือนี้ไม่เกรงใจมักเร่งเครื่องเรือผ่านไปอย่างเร็ว ทำให้เกิดคลื่นซัดตลิ่งวัดพังเสียหาย

ภายหลังทราบว่าท่านลงอักขระคาถานารายณ์คลายจักร ใส่ลงในก้อนอิฐ แล้วใช้ให้ลูกศิษย์ชาวจีนนำไปจมไว้ที่มุมตลิ่งวัด ปรากฏว่าเมื่อเรือลำใดผ่านมาไม่ยอมเบาเครื่อง เรือจะดับลงทันที จนเมื่อลอยผ่านพ้นเขตวัดบางพังไปแล้ว เรือจึงสามารถติดเครื่องได้ เป็นเช่นนี้จนพวกคนเรือเล่าลือบอกกันไปทั่ว แต่นั้นมาพวกคนเรือจะเบาเครื่อง เมื่อแล่นผ่านวัดบางพัง นับแต่บัดนั้น

นอกจากนี้ ท่านยังสำเร็จศิลปะวิทยาที่ว่าด้วยการสร้าง "พระสิวลี" ด้วยความที่การสร้างพระสิวลีของท่านเป็น "วิชา" ความขลังที่ปรากฏจึงอยู่ในลักษณะของวิชา ผิดกับพระสิวลีที่ถูกอธิษฐานด้วยพระอริยบุคคลโดยทั่วไป อานุภาพที่ปรากฏจึงแปลกต่างกว่ากันอยู่มาก คนที่อาราธนาติดตัวเท่านั้นจึงจะทราบดี

หลวงพ่อแฉ่ง ท่านสร้างพระสีวลีได้มากประสบการณ์ที่สุด และเป็นที่ต้องการมากที่สุดของบรรดาพ่อค้าแม่ขายไปจนถึงนักธุรกิจ เด่นทางทำมาค้าขึ้น เจริญรุ่งเรือง โชคลาภ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาด

เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ผู้ทรงพุทธาคมรูปหนึ่งในอดีต ได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลดังๆ เช่น พิธีที่วัดราชบพิธ พ.ศ.2481 พิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ

วัตถุมงคลหลวงพ่อแฉ่งมีหลายรูปแบบ อาทิ เหรียญรุ่นแรกปี2497พระเนื้อผงพิมพ์ทรงสัตว์ต่างๆ มีหลายประเภททั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์สามเหรียญ เนื้อผง พระรอด ตะกรุด ผ้ายันต์ธง ทรายเสก พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พระประจำวัน นางกวัก พระพุทธกวัก สามเหลี่ยม พระสีวลีชนิดบูชา-คล้องคอ เนื้อหามีทั้ง ดิน ผงน้ำมัน ผงพุทธคุณ แต่ที่ได้รับความนิยมมากๆ คือ ชนิดผงน้ำมัน เพราะเนื้อหาดูง่าย เนื้อจัด หนึกนุ่ม ส่องแล้วสบายตา ราคาสบายใจไม่แพงมาก

วัตถุมงคลที่หลวงพ่อแฉ่งสร้างและปลุกเสก มีประสบการณ์โจษขานในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งโดดเด่นด้านแคล้วคลาดจากภยันตรายต่าง ๆ ด้านเมตตามหานิยมก็ไม่เป็นรองใคร นอกจากนี้ยังใช้เป็นพระหมอแบบ พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้อีกด้วย

#ฉัตรสยาม


 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page