คอลัมน์ จับชีพจรวงการพระ ประจำวันหยุดสุดสัปดาห์ วันที่ 3-4 ก.ค. 2564
- อ.อนุชา ทรงศิริ
- 3 ก.ค. 2564
- ยาว 1 นาที
คอลัมน์ จับชีพจรวงการพระ ของดี-ราคาเบา"พระกรุวัดใหม่ปากบาง" "พ่อยิด-ปู่นน" เกจิ2พี่น้องเสกปลัดขิกบินได้ วัดรางหมันแจ้งข่าวศิษย์-งดกิจที่กุฏิหลวงปู่แผ้ว "ชีวิตจริงไม่ใช่ความฝัน เพราะฉะนั้น...ฝันกลางวันไม่ได้ทำให้รวย"...ข้อคิดคำคมประจำวัน
"จับชีพจรวงการพระ"กับ"นายขุนโหร" ประจำวันหยุดสุดสัปดาห์ วันที่ 3-4 ก.ค. 2564 ...วันนี้ในอดีต...@วันที่ 3 กรกฎา คม พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) – การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554: พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"เป็นว่าที่นา ยกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย...@วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2387 (ค.ศ. 1844)–บางกอกรีคอเดอ(Bangkok Recorder) หนังสือพิมพ์ฉบับแรกของไทยออกวางจำหน่าย
เห็นข่าวโควิด19 แต่ละวัน ก็ได้แต่ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกช่วยขจัดปัดเป่าเจ้าไวรัสร้ายให้มลายสิ้นไปในเร็ววัน ที่สำคัญ ทุกคนต้องไม่ประมาท การ์ดอย่าตก อย่าเพิ่งเดินทางไปไหนถ้าไม่จำเป็น ให้เน้น"เที่ยวทิพย์" กันครับ.. ส่วนใครอยากกราบไหว้เกจิอาจารย์ดังรูปใด ก็ใช้การ"ไหว้ทิพย์" ไปก่อนนะครับ!
หนึ่งเดียวในเมืองไทย...รูปหล่อสมเด็จโต ปางจับยามสามตา อายุกว่า 150 ปี ประดิษฐานอยู่คู่วัดโล่ห์สุทธาวาส อ.เมือง จ.อ่างทอง โดยพระครูนิเทศธรรมรส หรือหลวงพ่อไพฑูรย์ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน เล่าให้ฟังว่า วัดแห่งนี้สร้างโดย "ย่าโล่" เศรษฐีในตลาดอ่างทองได้ไปนิมนต์สมเด็จโตให้ดูสถานที่ที่จะสร้างวัด ซึ่งในช่วงนั้นท่านมาสร้างพระมหาพุทธพิมพ์อยู่ที่วัดไชโยวรวิหาร หลังจากได้รับการนิมนต์มาสมเด็จโตก็ได้นั่งจับยามสามตา หาดูฤกษ์ยามให้ เมื่อสร้างวัดเสร็จ ย่าโล่ขออนุญาตจัดสร้างรูปหล่อนั่งจับยามสามตา หรือที่รู้จักในชื่อของปางดูดวง เพื่อประดิษฐานไว้ที่วัด พุทธศาสนิกชนที่เดินทางมานี่ต่างก็มากราบขอพร ใครปรารถนาสิ่งใด ถ้าไม่เกินบุญวาสนาของตัวเองก็จะสำเร็จ และเมื่อสำเร็จก็นำไข่ต้มมาแก้บน...
แนะนำ.. พระดี-ราคาเบา-พระเก่าน่าใช้ ประสบการณ์ดีด้านเมตตา-โชคลาภ-แคล้วคลาด "พระกรุวัดใหม่ปากบาง" อ. มหาราช จ.พระนคร ศรีอยุธยา จัดสร้างและบบรจุไว้ในเจดีย์โดย "หลวงพ่อทรัพย์" อดีตเจ้าอาวาสเมื่อปี พ.ศ.2430 ต่อมาประมาณปีพ.ศ.2498 ถูกขโมยเจาะเจดีย์ พระเครื่องส่วนหนึ่งจึงออกมาสู่สายตานักสะสมพระที่ออกจากกรุครั้งนี้เรียกกันว่า "พระกรุเก่า" ซึ่งเนื้อพระจะไม่ค่อยมีขี้กรุจับ เนื้อพระหนึกนุ่มประเภทเนื้อจัด หลังจากนั้นมีการแอบเข้าไปขุดพระกันอีกจนในที่สุดปี พ.ศ.2510 พระครูสถิตธรรมโสภิต เจ้าอาวาสในสมัยนั้นตัดสินใจเปิดกรุนำพระออกมาและนำไปรักษาไว้ได้พระประมาณ 2,000 องค์ เรียกกันว่า"พระกรุใหม่" เนื่องจากเป็นการเปิดครั้งสุดท้าย พระที่พบส่วนมากจะมีขี้กรุจับที่ผิวพระเป็นคราบสีเหลืองๆ มีเม็ดผุดขึ้นตามผิวพระ บางองค์ก็จะเห็นเม็ดกรวดปะปนอยู่ในเนื้อพระคล้ายพระกรุวัดเฉลิมพระเกียรติ นนทบุรี
พิมพ์ของพระเท่าที่แยกได้มี พระพิมพ์ยืนประทานอภัย พระพิมพ์ลีลา พระพิมพ์นางกลีบบัว พระพิมพ์นางพญาแบบสามหลี่ยม พระพิมพ์เล็บมือ มีทั้งฐานชั้นเดียวและสามชั้น หลังเปิดกรุทางวัดให้เช่าบูชาองค์ละ 100 บาท พอพระหมดไปจากวัด ราคาก็ขยับขึ้นไปเป็น 400- 500 บาท และเป็นหลักพันในที่สุด
พระเกจิพี่น้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังมีอยู่หลายท่าน อย่างในจ.พระนครศรีอยุธยาก็มีหลวงพ่อจง พุทธสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก เป็นพระพี่ชายของหลวงพ่อนิล ธัมมโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างใน
ในจ.เพชรบุรีก็มี หลวงพ่อแดง อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐ และหลวงพ่อเจริญ อดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ โดยหลวงพ่อแดงเป็นพี่ หลวงพ่อเจริญเป็นน้องอ่อนกว่า5ปี ท่านออกเหรียญคู่กันเมื่อปี2512 สุดยอดพระเกจิสองพี่น้องร่วมกันปลุกเสกจนเกิดเสียงครืนๆในขณะทำพิธีจนผู้เข้าร่วมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจนเป็นที่มาของชื่อรุ่นว่า "โบสถ์ลั่น"
เกจิพี่น้องเมืองประจวบคีรีขันธ์ที่ปัจจุบันองค์พี่ละสังขารไปแล้วคือ "หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองจอก ส่วนองค์น้องที่ยังมีชีวิตอยู่คือ "หลวงปู่นน จันทวโร" สำนักสงฆ์เขาพรานธูป น้องชายแท้ๆที่เก่งไม่แพ้กัน เพราะท่านทั้งคู่มีวิชาอาคมขลัง สามารถเสกเครื่องรางอย่าง"ปลัดขิก"จนบินได้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาสานุศิษย์ สำหรับหลวงพ่อยิด วัตถุมงคลของท่านยังฮอตฮิตติดอันดับความนิยมตลอดกาล
ส่วนหลวงปู่นนนับว่าเป็นเกจิอาวุโสอันดับต้นๆของประจวบคีรีขันธ์ พระเครื่องของท่านประสบการณ์ดีไม่แพ้พระพี่ชาย รุ่นล่าสุดคือ พระปิดตาทรงเครื่องกนกข้าง รุ่นมั่งคั่ง93 อัดแน่นด้วยมวลสาร-ว่านมงคล ผงศักดิ์สิทธิ์ มากมาย แถมพิมพ์ทรงองค์พระก็งดงามลงตัว...ใครชอบพระปิดตาสายเมตตาก็อย่านิ่งดูดาย...จัดไปอย่าให้ช้า!!
ส่วนพระเกจิ2ท่านนี้...หลวงปู่โสฬส ยโสธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดโคกอู่ทอง อ.ประจันต คาม จ.ปราจีนบุรี และหลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร เจ้าอาวาสวัดป่าใต้พัฒนาราม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว แม้ท่านไม่ใช่พี่น้องโดยสายเลือด แต่ก็เปรียบเสมือนศิษย์พี่ศิษย์น้อง เพราะเติบโตมาด้วยกัน ดื่มนมจากแม่นมคนเดียว กัน,เรียนหนังสือมาด้วยกัน,บวชเรียนในพระอุปัชฌาย์เดียวกัน อีกทั้งศึกษาเล่าเรียนสรรพวิชาการต่างๆในสำนักเดียวกัน
วัดสว่างชาติประชาบำรุง หรือ"วัดรางหมัน" อ.กำแพง แสน จ.นครปฐม แจ้งข่าวถึงศิษยานุศิษย์หลวงปู่แผ้ว ปวโร ทุกท่านทราบ ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2564 ที่กุฏิหลวงปู่ งดรับถวายภัตตาหาร สังฆทาน ทำบุญทุกอย่างสักระยะ เนื่องจากห่วงความปลอดภัยหลวงปู่ จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ส่วนที่วัดเปิดทำบุญตามปกติ
หลวงปู่แผ้วท่านเป็นประธานสงฆ์วัดรางหมัน สมญานาม"เทพเจ้าแห่งกำแพงแสน" ปัจจุบันอายุย่าง99 ปี บวชมานานถึง 79 พรรษา แม้สุขภาพจะทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่ท่านยังเมตตารับกิจนิมนต์นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่
ย้อนไปในช่วงกระแสจตุคามรามเทพครองเมือง พื้นที่ริมสองข้างถนนเต็มไปด้วยป้ายโฆษณาจัดสร้างของวัดและสำนักต่างๆ และภาพของหลวงปู่แผ้วมักปรากฏอยู่ในป้ายโฆณาวัตถุมงคล โดยเฉพาะป้ายโฆษณาในจ.นครปฐมและใกล้เคียง จนมีคำกล่าวว่า "วัตถุมงคลรุ่นใด หรือวัดใดสร้างแล้วไม่นิมนต์หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรกแล้วจะได้รับความนิยมน้อยกว่ารุ่นที่หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรก" . คำกล่าวนี้บ่งชี้ได้ว่า หลวงปู่แผ้วเป็นพระสงฆ์ผู้ผ่องแผ้วสมชื่อ จิตของท่านบริสุทธิ์จนบังเกิดพลังความศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่คู่สิ่งมงคล...สวัสดี
"นายขุนโหร"









コメント