top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

ตำนานชีวิต101ปีหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญากาโม เกจิดังวัดห้วยด้วน (ธารทหาร) จ.นครสวรรค์ พระดีเมืองสี่แคว

ตำนานชีวิต101ปีหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญากาโม

เกจิดังวัดห้วยด้วน (ธารทหาร) จ.นครสวรรค์

ศิษย์เหลน"ลพ.เทศ"-ศิษย์เอก"หลวงพ่อเดิม"

พระดีเมืองสี่แคว-พระแท้เปี่ยมเมตตาบารมี

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์"คัมภีร์นิวส์" ร่วมย้อนตำนานชีวิต น้อมถวายความอาลัยในการจากไปของ พระราชมงคลวัชราจารย์ หรือ "หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญากาโม" ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าอาวาส

วัดห้วยด้วน (ธารทหาร) อ.หนองบัว จ. นครสวรรค์ ซึ่งมรณภาพเมื่อวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา 01.40 น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ สิริอายุ 101 ปี 6 เดือน 13 วัน

ย้อนไปในอดีต พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าของเมืองปากน้ำโพ ซึ่งนับเป็นอาจารย์องค์หนึ่งของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่ออิน วัดหางน้ำสาคร หลวงพ่อโหมด วัดโคกเดื่อ หลวงพ่อหมึก วัดสระทะเล ฯลฯ ก็คือ “หลวงพ่อเทศ” วัดสระทะเล อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ซึ่งกล่าวกันว่าท่านเก่งทางด้าน อาคมขลัง ทางน้ำมนต์ มีวาจาสิทธิ์ เชี่ยวชาญเรื่องวิปัสสนากรรมฐาน โดยเรียนวิชามาจากหลวงพ่อรอด วัดหนองโพ อดีตเจ้าอาวาสก่อนหลวงพ่อเดิม

ในประวัติหลวงพ่อเทศ ไม่เคยสร้างพระเครื่องที่เป็นรูปตัวของท่านเลย มีลูกศิษย์สร้างเหรียญของท่านประมาณปี 2490 เป็นรูปเหรียญเสมานั่งเต็มองค์ แล้วนำไปถวายหลวงพ่อเดิมปลุกเสกให้ แต่หลวงพ่อเดิม ไม่ยอมปลุกเสกให้ ท่านบอกว่าเหรียญขลังอยู่แล้ว แต่คนเอาไปให้ปลุกเสกไม่เชื่อ ได้ทำการทดลองยิงปรากฏว่ายิงไม่ออก จนต้องกลับมาหาหลวงพ่อเดิมเพื่อขอขมาโทษ

หลวงพ่อเทศมรณภาพเมื่อปี 2454 ไม่ทราบว่าอายุเท่าไหร่ เพราะไม่มีบันทึก แต่น่าจะมีอายุสูงวัยพอสมควร แต่มีเรื่องเล่าขานไว้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพว่า หลวงพ่อเทศได้บอกกับหลวงพ่อเดิม,หลวงพ่ออิน และหลวงพ่อหมึกว่า “ในปีจอถัดไปจะมีลูกหลานของท่านมาเกิด มาเพื่อรับใช้พระพุทธศาสนาไปตลอดอายุขัย ลูกหลานคนนี้จะมาสืบทอดกรรมฐานและพุทธาคมที่ท่านถ่ายทอดไว้ ขอให้ศิษย์ทุกท่านช่วยกันอบรมสั่งสอนถ่ายทอดวิชาให้ด้วย

ล่วงถึงปีพ.ศ.2465 (ปีจอ) คำทำนายของหลวงพ่อเทศก็เป็นจริง เมื่อครอบครัวหลานของหลวงพ่อเทศชื่อนายพุฒ และนางแก้ว ก้อนจันเทศ ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งตั้งชื่อว่า”พัฒน์” เมื่อวันศุกร์ที่ 12 พ.ค. 2465 ที่บ้านสระทะเล หมู่ที่ 7 ต.ย่านมัทรี อ.พยหะคีรี จ.นครสวรรค์ ท่ามกลางความยินดีปรีดาของบรรดาศิษย์เอกทั้งสามของหลวงพ่อเทศ

เมื่ออายุได้ 5 ขวบทางบ้านสระทะเลเกิดภัยแล้งขึ้น ทำให้ครอบครัวของท่านต้องอพยพไปทำนาที่บ้านหนองเนิน อ.ท่าตะโก ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นไทยทรงดำ อยู่ได้ประมาณ3ปีครอบครัวก็ย้ายมาทำนาที่บ้านหนองหลวง ช่วงนั้นหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพและหลวงพ่ออิน วัดหางน้ำสาครได้นำช้างทั้งเจ้าคูณและนางบัวบานมาร่วมกันสร้างเสนาสนะให้วัดหนองหลวงพอดี ทำให้หลวงพ่อพัฒน์มีโอกาสเป็นลูกศิษย์และอยู่รับใช้ใกล่ชิด โดยหลวงพ่อเดิมมักจะเรียกท่านไปบีบนวดและสอนคาถาสั้นๆให้ท่องจำเสมอๆ

ต่อมาหลวงพ่อเดิมกลับไปวัดหนองโพ โดยมอบหมายให้หลวงพ่ออิน และหลวงพ่อน้อย ศิษย์เอกของท่านควบคุมการสร้างวัดหนองหลวงต่ออีกหลายปี ช่วงนี้หลวงพ่อพัฒน์ได้ร่ำเรียนเขียนอ่านภาษาไทยและภาษาขอมกับหลวงพ่อน้อยและหัดนั่งสมาธิกับหลวงพ่ออิน เมื่อการสร้างวัดหนองหลวงเสร็จ ครอบครัวของท่านได้กลับมาอยู่ที่บ้านสระทะเลตามเดิม

กระทั่งอายุได้ 12 ปี จึงเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล บ้านสระทะเลจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วออกมาช่วยครอบครัวทำไร่ทำนา ในยามว่างชอบไปอยู่กับหลวงลุงหมึกเพื่อเรียนกรรมฐานและวิชาอาคม พออายุครบเกณฑ์ได้ถูกคัดเลือกเข้าไปเป็นทหารกองประจำการ ป.10 จ.นครสวรรค์

แต่ขณะที่จะหมดวาระปลดจากทหารเกณฑ์กลับเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่2) จึงต้องเป็นทหารต่อไปจนอายุได้ 24 ปี ระหว่างนั้นได้ใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาคุ้มครองป้องกันตัวทำให้รอดพ้นจากภัยสงครามมาอย่างปลอดภัยอย่างน่าอัศจรรย์ ขณะที่เพื่อนทหารหลายนายที่ออกรบด้วยกัน ต่างพิการบ้าง เสียชีวิตก็เยอะ

หลังปลดประจำการออกมาในต้นปีพ.ศ.2489 จึงเข้าอุปสมบทที่วัดสระทะเล โดยมีพระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงพ่อยอด ศิษย์หลวงพ่อเทศ) วัดเขาแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงกัน วัดเขาแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการชั๊ว วัดสระทะเล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ปุญญกาโม”

หลังบวชได้เริ่มเรียนนักธรรมตรีและโท ระหว่างนั้นหลวงพ่อเดิมไปช่วยสร้างวัดอินทราราม (วัดของหลวงพ่อแก้ว พระอุปัชฌาย์หลวงพ่อเดิม อยู่ติดกับวัดเขาแก้ว) ท่านจึงให้คนมาตามหลวงพ่อพัฒน์ไปเรียนกรรมฐานและพุทธาคมของหลวงพ่อเทศ โดยให้ไปอยู่ที่วัดเขาแก้วกับหลวงพ่อกัน ท่านจึงต้องเดินไปมาระหว่างวัดเขาแก้วกับวัดอินทรารามเพื่อเรียนกับหลวงพ่อเดิมจนจบ หลังจากสร้างเสนาสนะให้วัดอินทรารามเสร็จ หลวงพ่อเดิมก็กลับวัดหนองโพและถึงแก่มรณภาพ ในวันที่ 30 ส.ค. 2494 …

เมื่อมีความเชี่ยวชาญในวิชาต่างๆแล้ว หลวงพ่อพัฒน์ก็ออกเดินธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ ทั้งดินเดนลี้ลับอัศจรรย์ เช่น เมืองลับแล เมืองตาชูชก เป็นต้น โดยได้ไปพักกับหลวงพ่อชุบ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง จ.อุตรดิตถ์ ได้รับการถ่ายทอดวิชาทางเมตตามหานิยม และให้ท่านเป็นพระคู่เทศน์ รวมระยะเวลา 3 ปี

ก่อนธุดงค์กลับวัดสระทะเล แต่หลวงพ่อชุบขอให้ท่านอยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งแทนท่านอีก 3 ปี เพราะหลวงพ่อชุบย้ายไปพัฒนาวัดพระยืนพุทธบาทยุคล

หลวงพ่อพัฒน์จึงต้องอยู่ดูแลวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งต่อไปอีก 3 ปี รวมเป็น 6 ปี จึงได้กลับมาจำพรรษาที่วัดสระทะเลอีก 9 พรรษา ขณะนั้นโยมพ่อโยมแม่ได้พาครอบครัวย้ายมาซื้อที่ดินทำนาอยู่แถวบ้านห้วยด้วน (ธารทหาร) ต.ธารทหาร อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ เมื่อ”กำนันผล แสงสว่าง”กำนันตำบลธารทหารทราบเรื่องจึงขอให้โยมทั้งสองนิมนต์หลวงพ่อพัฒน์อยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดธารทหาร เพราะทราบกันดีว่าท่านเป็นผู้สืบทอดกรรมฐานและวิชาอาคมของหลวงพ่อเทศและหลวงพ่อเดิม จึงหวังพึ่งบารมีให้มาช่วยพัฒนาวัด

หลวงพ่อพัฒน์จึงย้ายมาพัฒนาวัดธารทหาร (ห้วยด้วน) เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ชาวหนองบัวและชาวบ้านใกล้เคียงตั้งแต่ปีพ.ศ.2513 เป็นต้นมา โดยไม่ได้ย้ายไปอยู่วัดอื่นตราบจนทุกวันนี้ ด้วยวัยที่สูงถึง101 ปี มีนามสมณศักดิ์ที่”พระครูนิวิฐปุญญากร”

ต่อมาวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชมงคลวัชราจารย์ ไพศาลศาสนกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

หลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน นับเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีอภิญญาแก่กล้า มีคาถาอาคม เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน เต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งกรรมฐาน หยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า มีวาจาสิทธิ์ มีวัตถุมงคลเข้มขลังด้วยพุทธคุณ จึงมีประชาชนให้ความศรัทธาอย่างล้นหลามทั่วประเทศ

ทำไมหลวงพ่อพัฒน์ จึงได้รับความศรัทธาจากประชาชนทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญก็คือ ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีจริยาวัตรที่งดงาม ให้ความเมตตาต่อศิษยานุศิษย์และญาติโยมอย่างไม่เลือกชนชั้นวรรณะ หรือยากดีมีจน ทั้งๆที่อายุกาลก็ล่วงเลยมาถึง99ปีแล้ว ท่านก็ยังฉลองศรัทธาญาติโยมอย่างเป็นกันเองแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวันจนถึงคนสุดท้าย ที่สำคัญ ร่างกายยังแข็งแรง ท่านยึดการออกบิณฑบาตรทุกเช้าเป็นกิจวัตร

มีญาติโยมบางคนถามว่า เมื่อครั้งที่หลวงพ่อพัฒน์ยังมีชีวิตอยู่ ทำไมท่านถึงได้โด่งดังมาก คำตอบก็คือ เพราะพระอาจารย์ของท่านคือหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล โยมปู่ของท่าน ซึ่งหลวงพ่อเดิมนั้นก็เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้า ติดลำดับพระเกจิที่มีพลังจิตสูงสุด1ใน10ของประเทศไทย หลวงพ่อพัฒน์จึงเป็นผู้สืบสานวิชา เมตตา มหาลาภ แคล้วคลาด คงกระพันแต่เพียงผู้เดียวในปัจจุบัน

ด้านพุทธาคมของหลวงพ่อพัฒน์เห็นได้ชัดว่า”ไม่ธรรมดา”แน่นอน!! หลวงพ่อเดิมประสิทธิ์ประสาทวิชามงกุฎพระพุทธเจ้าและวิชาต่างๆของหลวงพ่อเทศ หลวงพ่ออิน วัดหางน้ำสาคร ถ่ายทอดวิชาวาจาสิทธิ์ให้สมัยเป็นฆราวาส

หลวงพ่อหมึก หรือหลวงลุงหมึก วัดสระทะเล ถ่ายทอดวิชาทำสีผึ้ง เมตตามหานิยม

หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ถ่ายทอดวิชากระสุนคต ลบผง คาถาห้ามคนทะเลาะกัน

พระอาจารย์ชั้ว วัดสระทะเล ถ่ายทอดวิชาทางเมตตามหาลาภ

นอกจากนี้ ยังมีหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว สิงห์บุรี ที่สักยันต์ให้ท่านที่ต้นขาด้านซ้ายบน แต่ไม่ได้ถ่ายทอดวิชาใดๆให้ เพียงแต่ท่านขออนุญาตใช้ยันต์หลวงพ่อซวงเท่านั้น

จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมวัตถุมงคลของหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วนแทบทุกรุ่นเป็นที่ศรัทธาของประชาชนชาวไทยทั่วประเทศและหลายประเทศในเอเชีย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ เพราะอัดแน่นด้วยพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์จากพลังจิตและพระคาถาอาคมที่ท่านปลุกเสก อีกทั้งมีประสบการณ์มากมายหลายด้านให้พบเห็นเป็นที่ประจักษ์ชัด

การละสังขารของท่านจึงนับเป็นการสูญเสียพระดีเมืองสี่แคว...พระแท้ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาบารมีไปอีกหนึ่งองค์


ดู 32 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page