top of page
ค้นหา

ตำนานชีวิต86ปี"หลวงปู่ทวี"เกจิวัดไทรใหญ่ ผู้สืบทอดวิชาการสร้าง"ราหู"ตำรับลพ.น้อย

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 10 ต.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

ตำนานชีวิต86ปี"หลวงปู่ทวี"เกจิวัดไทรใหญ่

ผู้สืบทอดวิชาการสร้าง"ราหู"ตำรับลพ.น้อย


ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์"คัมภีร์นิวส์" ร่วมย้อนตำนานชีวิต น้อมถวายความอาลัยในการจากไปของ พระครูวิสุทธินนทคุณ หรือ"หลวงปู่ทวี สุทธวังโส" อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี

อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และอดีตเจ้าอาวาสวัดมะสง ศิษย์ ซึ่งมรณภาพเมื่อเวลา 08.47 น. วันที่ 9 ต.ค. 67 ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า สิริอายุ 86 ปี โดยจะมีพิธีสรงน้ำวันที่ 10 ต.ค. 67


หลวงปู่ทวีเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปแห่งนนทบุรี ผู้สืบทอดวิชาการสร้างเครื่องราง"พระราหู" ตำรับหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง นครปฐม วัตถุมงคลพระราหู โด่งดังไปถึงต่างแดน อาทิ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีน้ำมนต์จันทร์ซ้อนจันทร์ ซึ่งจะมีพิธีปลุกเสกเจริญพระพุทธมนต์ ในวันที่พระจันทร์เต็มดวงและตรงกับวันจันทร์เท่านั้น ซึ่งใแต่ละปีจะมีไม่กี่วันหรือบางปีไม่มีเลย


ท่านเกิดในสกุล “ธรรมธิร” เป็นสกุลคหบดีใหญ่แห่งไทรน้อย เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2481 ตรงกับวันศุกร์ ในช่วงที่เกิดมานั้น ข้าวกล้าในนาออกรวงผิดปกติ ให้ผลผลิตมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ช่วยทางบ้านทำนาอยู่ระยะหนึ่ง การทำงานของท่านเป็นเรื่องประหลาด เพราะผลผลิตที่ทำได้มากขึ้นกว่านาแปลงอื่นเสมอๆ พ่อของท่านตอนแรกไม่เชื่อ เคยทดลองให้ทำนาแยกแปลงกับพี่ๆ น้องๆ ญาติมิตร นาแปลงที่ท่านทำได้ผลผลิตสูงมากกว่าคนอื่นถึง 2 เท่า จึงได้ชื่อว่า “ทวีทั้งชื่องอกงามทั้งภารกิจ”


อายุครบ 20 ปีได้รับการอุปสมบท มีพระมงคลนนทเขต (หลวงพ่อแจะ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เสริม ฐิตสาโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สนั่น ฐานิสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “พุทธวังโส” ซึ่งแปลว่า “ผู้บริสุทธิ์แห่งพุทธวงศ์” หลังบวชอยู่รับใช้พระอุปัชฌาย์ พร้อมเรียนสรรพเวทวิทยา กับพระอุปัชฌาย์ที่เป็นศิษย์ของหลวงปู่เผือก วัดโมลี


ต่อมาได้จาริกไปจำพรรษาที่วัดพุทธิปรางค์ปราโมทย์ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ในช่วงเวลานี้เองที่ได้เห็นอานุภาพของ กะลาราหูของหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม จึงตั้งใจเดินทางไปเรียนวิชากับหลวงพ่อน้อยที่นครปฐม แต่หลวงพ่อน้อยมรณภาพแล้ว จึงฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อปิ่น วัดศรีษะทอง โดยเจอกันครั้งแรกหลวงพ่อปิ่นบอกว่า หลวงพ่อน้อยท่านสั่งไว้ก่อนมรณภาพว่า “พระหน้ากลุ่มจะมาเรียนวิชาให้ไปนั่งสมาธิที่อัฐิของท่าน ท่านจะเป็นผู้สอนวิชาพระราหูให้เอง”


หลวงพ่อน้อยมาสอนให้ในนิมิตด้วยญาณวิถี สามารถเรียนกันได้จนจบหลักสูตรในวิทยาคม จากนั้นหลวงปู่ทวีได้อยู่กับหลวงพ่อปิ่น ผู้เป็นศิษย์เอกหลวงพ่อน้อยอีกหลายปีเพื่อเรียนวิชาเพิ่มเติม ออกจากวัดศรีษะทองแล้ว ได้ไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมต่ออีก


จวบจนอายุ 26 ปี เดินทางกลับนนทบุรี มาเป็นเจ้าอาวาสวัดมะสง ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยสร้างวัดที่อยู่กลางทุ่งนาจนเจริญรุ่งเรืองขึ้น พร้อมทั้งมาเรียนวิชาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง, หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง, หลวงพ่อเหรียญ วัดบางระโหง, หลวงพ่อสาย วัดบางรักใหญ่ บางช่วงยังเดินทางไปเรียนวิชาสาย สมเด็จพระสังฆราช (แพ) กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) วัดสุทัศน์ด้วย


การศึกษา นักธรรมชั้นเอก หลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.) ปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.)

ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พธ.ม.)

ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พธ.ด.)

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2548 เป็นเจ้าคณะอำเภอไทรน้อย พ.ศ.2555 เป็นเจ้าอาวาสวัดไทรใหญ่ พ.ศ.2562 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี


ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2554 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามที่ "พระครูวิสุทธินนทคุณ" 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอ ชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม


สานุศิษย์กล่าวกันว่า ชื่อหลวงปู่ทวี เป็นมงคลนาม และท่านชอบให้พรญาติโยมว่า “ขอให้ร่ำรวย ร่ำรวย ไม่เจ็บไม่จน มีเงินทองใช้เยอะๆ นะ”


สำหรับวัดไทรใหญ่เป็นวัดเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ใน ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี สร้างขึ้นมาตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2410 หรือประมาณสมัยปลายรัชกาลที่ 4 เดิมชื่อว่า "วัดมหานิโครธาราม" ไฮไลต์ของวัดอยู่ที่ "หลวงพ่อทองคำ" พระพุทธรูปโบราณสมัยอู่ทอง ซึ่งมีการหล่อด้วยทองผสมผสานโลหะสำริดเข้าไป เป็นปางมารวิชัยที่อัญเชิญมาจากทางเหนือ ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้นับได้ว่าเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทรน้อยและใกล้เคียงเป็นอย่างมาก


 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page