top of page
ค้นหา

ตำนานชีวิต89ปี"พระพรหมวัชรจริยาจารย์" อดีตเจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ นนทบุรี พระนักพัฒนานักการศึกษา

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 30 ส.ค. 2566
  • ยาว 1 นาที

ตำนานชีวิต89ปี"พระพรหมวัชรจริยาจารย์"

อดีตเจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ นนทบุรี

พระนักพัฒนา/นักการศึกษา/นักปกครอง

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ร่วมย้อนตำนานชีวิต น้อมถวายความอาลัยในการจากไปของพระพรหมวัชรจริยาจารย์ (สาย ฐานมงฺคโล) เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร พระอารามหลวง ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี ซึ่งมรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 28 ส.ค. 2566 สิริอายุ 89 ปี 9 เดือน 11 วัน

ท่านมีนามเดิมว่า "สาย ศรีมงคล" เกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2476 ที่ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นครนายก ช่วงวัยเด็ก มารดาถึงแก่กรรม ด้วยความกตัญญูขอบวช เป็นสามเณรหน้าไฟเมื่ออายุ 13 ปี ที่วัดท่าทราย โดยมี พระครูจอน ธมฺมธโร เป็นพระอุปัชฌาย์

แต่ภายหลังเสร็จจากงานศพโยมมารดาแล้ว ท่านไม่ยอมลาสิกขา ขออยู่ในสมณเพศเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม จนกระทั่งอายุ21ปีจคงเข้าอุปสมบท เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2497 ที่วัดท่าทราย โดยมี พระราชวรนายก (จรูญ จงฺกโม) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระปิฎกคุณาภรณ์ วัดศรีเมือง อ.เมือง จ.นครนายก เป็นพระอุปัชฌาย์

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีในระดับสูง แต่ด้วยสำนักเรียนในจังหวัดนครนายกอยู่ห่างไกล จึงเกิดความคิดที่จะย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดในเมืองหลวง เพื่อศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง จึงย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดบางแพรกใต้ จ.นนทบุรี เรียน พระปริยัติธรรมแผนกบาลี สามารถสอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค

ด้วยความตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ท่านจึงสอบได้มาโดยลำดับ โดยสำเร็จการศึกษา ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พธ.ด.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนคณะจังหวัดนครนายก

ต่อมาพระผู้ใหญ่ในวัดบางแพรกใต้ เล็งเห็นถึงความสามารถ จึงขอให้มาช่วยปฏิบัติศาสนกิจ ทำให้ท่านต้องละวางเรื่องการศึกษาไว้ชั่วคราว หลังจากเจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้มรณภาพ ในเวลาต่อมา พ.ศ.2508 ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้

พ.ศ.2510 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบางแพรกเหนือ พ.ศ.2515 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมืองนนทบุรี พ.ศ.2517 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2522เป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองนนทบุรี พ.ศ.258 เป็นเจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร เป็นเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีและที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีตามลำดับ

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2522 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญที่ "พระอมรเวที" พ.ศ.2530 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชกิตติโมลี" พ.ศ.2535 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ "พระเทพปริยัตยาจารย์" พ.ศ.2542 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ "พระธรรมกิตติมุนี" พ.ศ.2565 เป็น พระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า "พระพรหมวัชรจริยาจารย์"

มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 8 รูป

พระพรหมวัชรจริยาจารย์ หรือ"หลวงปู่สาย"

ท่านเป็นพระนักปกครอง พระนักการศึกษาและพระนักพัฒนารูปหนึ่ง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป อีกทั้งมีจุดเด่นที่ใครพบเห็น ล้วนจะต้องจดจำท่านได้คือ ท่านมีรอยปานตรงริมฝีปากล่างที่มีติดตัวมาแต่กำเนิด

สำหรับวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี อยู่คนละฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากับศาลากลางหลังเก่า วัดแห่งนี้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่ พระอัยกา (ตา) พระอัยกี (ยาย) และสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวงแห่งพระองค์ (แม่) โดยเป็นวัดที่ทรงสร้างขึ้นเป็นวัดสุดท้ายในรัชกาลก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.2394

บรรยากาศภายในวัดสงบ ร่มเย็น และยังเป็นสถาปัตยกรรมแบบโบราณที่ยังคงมีความงดงาม ทำให้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนตร์พีเรียดหลายต่อหลายเรื่อง นอกจากนี้ยังติดท่าน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งหากต้องการให้อาหารปลาในบริเวณท่าน้ำก็เป็นอีกหนึ่งจุดในการทำทานอย่าง

ที่สำคัญ วัดเฉลิมพระเกียรติเป็นแหล่งกำเนิดพระเก่าแก่ของจังหวัดนนทบุรีแห่งหนึ่ง ไม่มีบันทึกว่าสร้างในปีพ.ศ.ใด และอยู่ในยุคของเจ้าอาวาสรูปใด มีแต่เพียงการบอกเล่ากันต่อๆมา และสันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างในยุคของพระเทพโมลี(แก้วฉเป็นเจ้าอาวาส ในช่วงปีพ.ศ.2431-2443

พระทั้งหมดเป็นพระแบบเนื้อผงสีขาวอมเหลือง มีอยู่หลายพิมพ์ทรง พิมพ์ที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมแบบพระสมเด็จก็มีอยู่หลายพิมพ์ พิมพ์กลีบบัว พิมพ์ชินราช และพิมพ์แบบพระคง เป็นต้น พระพิมพ์แบบพระสมเด็จก็มี พิมพ์ยันต์ห้า พิมพ์สามชั้น พิมพ์ยันต์วา พิมพ์ห้าชั้น พิมพ์ข้างอุ พิมพ์เจ็ดชั้น เป็นต้น ในด้านพุทธคุณนั้นว่ากันว่าเด่นทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภโภคทรัพย์


 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

תגובות


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page