top of page
ค้นหา

ผลสำรวจพระผงดวงเศรษฐีปี43 ปู่หมุน รั้งอันดับ1คะแนนสูสี “เหรียญจำปี ปี45

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 4 ธ.ค. 2564
  • ยาว 2 นาที

ผลสำรวจพระผงดวงเศรษฐีปี43 ปู่หมุน รั้งอันดับ1คะแนนสูสี “เหรียญจำปี ปี45 เจาะประวัติหลวงปู่หมุนพระเกจิฯชื่อดัง ใช้นิ้วชี้ชักยันต์กลางอากาศยอดพุทธคุณ

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ได้ทำแบบสำรวจ สอบถาม 1.เหรียญไอ้ไข่รุ่นแรกวัดเจดีย์ปี26 2.พระผงดวงเศรษฐีปี43 ปู่หมุน 3.เหรียญจำปีท้าวเวสสุวรรณ รุ่นแรกหลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี ปี45 ชอบเหรียญไหนใส่เลขเลย ผลปรากฎ พระผงดวงเศรษฐีขึ้นนำอันดับ 1 ตามมาด้วย อันดับ 2 เหรียญจำปีท้าวเวสสุวรรณ รุ่นแรกหลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี ปี45 และอันดับ 3 เหรียญไอ้ไข่รุ่นแรกวัดเจดีย์ปี26

ลองมาดูข้อมูลย้อนรอย"หลวงปู่หมุนพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อายุยืน109ปี สุดยอดของดี “พระผงดวงเศรษฐีรุ่นแรก”

"ของๆ ฉัน สร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะหมุนโชคหมุนลาภ ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมา อาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายๆเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไป ด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็นหนึ่ง บ่ เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระ ที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเลื่องถึงเมืองแมน"

วาจาสิทธิ์สุดท้าย ที่ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อดีตเจ้าอาวาส วัดบ้านจาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2546 ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู

พระครูหมุน หรือ หลวงปู่หมุน “พระอมตะเถระ 5 แผ่นดิน” ถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.2437 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และมรณภาพในปี พ.ศ.2546 รัชกาลปัจจุบัน รวมสิริอายุยืนยาวถึง 109 ปี พรรษา 86

85 พรรษาแห่งการครองผ้ากาสาวพัสตร์ ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย ใฝ่ใจแสวงหาความรู้และวิทยาการ ต่างๆ เวลาส่วนใหญ่จะอยู่กับการออกธุดงควัตร มุ่งมั่นปฏิบัติตามแนวทางแห่งองค์พระศาสดา เพื่อความมั่นคง ถาวรแห่งพระบวรพุทธศาสนา ท่านเป็นพระเกจิสายพระป่าที่เคร่งครัดในกัมมัฎฐานอย่างแท้จริง เป็นพระเถราจารย์ผู้สูงส่งด้วยอภิญญาณสมาบัติ มีพลังจิตตานุภาพสูงส่งทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ จนเป็นที่ยกย่องสรรเสริญของพระเกจิด้วยกัน อย่างเช่น หลวงตามหาบัว ได้บอกกับลูกศิษย์ว่า อยากได้ วัตถุมงคลที่แรงด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ให้มาขอกับหลวงปู่หมุน หรือ หลวงพ่อกวย ก็ยังยกย่องว่าหลวงปู่หมุนเก่งมากๆ

จากการศึกษาประวัติของหลวงปู่หมุน ท่านเริ่มเล่าเรียนอักษรไทย อักษรขอม และฝึกกัมมัฎฐานมาตั้งแต่ เป็นสามเณรจนอุปสมบทพระภิกษุ จาก"พระอาจารย์สีดา" เจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ผู้เชี่ยวชาญด้านกัมมัฎฐาน และวิทยาอาคม ในปี พ.ศ.2464 จึงเริ่มออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ศึกษาแสวงหาประสบการณ์โดย ได้ร่ำเรียนทั้งเวทย์วิทยาและสมถกัมมัฎฐานในชั้นที่สูงขึ้นไปจากครูบาอาจารย์หลายสำนัก ไปจนถึง ประเทศลาว มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีอาทิ สำนักตักศิลาแห่งบ้านจิกใหญ่ จ.อุบล ราชธานี อันเป็นแม่บทของคัมภีร์ปถมัง อิทธิเจ มหาราช นิสิงเห ซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งอำนาจจิต, สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์, หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงปู่ทิม วัดช้างให้, พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน, หลวงปู่สี ฉันทสิริ, พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, หลวงปู่แหวน สุจิณโณ, พระอาจารย์สิงห์ วัดป่าสาลวัน, หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง ฯลฯ นอกจากนี้ ยังนับเป็นหนึ่งในทายาทผู้สืบพุทธาคมในสาย สมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ราชอาณาจักรลาวอีกด้วย

ประมาณปี พ.ศ.2467 หลวงปู่หมุนได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านจาน จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส และพระอุปัชฌาย์ รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน ท่านก็ได้ปฏิบัติศาสนกิจตามที่ได้รับมอบหมายเป็น เวลาถึง 20 ปี จากนั้นจึงลาออกจากทุกตำแหน่ง ใช้ชีวิตที่เหลือบำเพ็ญสมณธรรมปฏิบัติวิปัสสนาธุระเพียง อย่างเดียว ประมาณปี พ.ศ.2487 อายุได้ 50 ปี ท่านได้ออกธุดงค์บำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าดงดิบโดยลำพังอีกครั้ง ในช่วงนี้เองท่านได้พบอาจารย์จ่อยและอาจารย์ขวัญ วัดป่าหนองหล่ม ท่านทั้ง 2 จึงนิมนต์ให้โปรดญาติโยม ณ วัดป่าหนองหล่ม ระยะหนึ่ง

หลวงปู่หมุนเดินธุดงค์อยู่หลายสิบปี จนประมาณปี พ.ศ.2520 จึงกลับมายังวัดบ้านจาน ซึ่งในขณะนั้นมีอายุกว่า 200 ปี สภาพทรุดโทรมมาก ท่านก็ได้พัฒนาและสร้างอุโบสถจนเสร็จสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยเหลือลูกศิษย์และสหธรรมิกอีกหลายวัด อาทิ วัดป่าหนองหล่ม, วัดโนนผึ้ง ,วัดซับลำไย และศิษยานุศิษย์ในการสร้าง ถาวรวัตถุและประโยชน์ต่างๆ ต่อพระพุทธศาสนา จนเป็นที่มาของวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมในหลายต่อหลายรุ่น ด้วยล้วนปรากฏพุทธคุณและปาฏิหาริย์อย่างครบครัน

หนึ่งในนั้นคือ พระผงดวงเศรษฐี รุ่นเสาร์5มหาเศรษฐี ปี2543 เป็นการรวมลูกศิษย์สายวัดป่าหนองหล่ม นำโดยพระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต และคณะศิษย์จากวัดสุทัศน์ โดยการนำของพระอาจารย์มงคล สุมังคโล ร่วมกันจัดสร้างวัตถุมงคลของทางวัดป่าหนองหล่มใช้ชื่อว่า"เสาร์ 5 มหาเศรษฐี" ส่วนวัตถุมงคลของวัดสุทัศน์ใช้ชื่อว่า"เสาร์ 5 บูชาครู"

ในครั้งนี้มีการจัดพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ถึง 5 วาระด้วยกันและเป็นที่ฮือฮาเมื่อหลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดินเทพเจ้าแห่งละลมที่เดินทางมาปลุกเสกตั้งแต่ตอนกลางคืนก่อนวันงาน ด้วยการเสกม้วนสายสิญจน์ที่โยงไปยังวัตถุมงคลที่เตรียมไว้เข้ากองไฟ ปรากฏว่า ม้วนสายสิญจน์ไม่ไหม้ไฟ

วาระที่ 1 วัดป่าหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว(27กุมภาพันธ์2543) หลวงปู่หมุนอธิษฐานจิตเดี่ยว

วาระที่ 2 วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ (16 มีนาคม 2543) หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน, หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน,หลวงปู่หลุย วัดราชโยธา,หลวงปู่ผล วัดโนนทอง,หลวงพ่อจันทร ์วัดนางหนู หลวงพ่อสินชัย วัดโพธิ์เย็น หลวงพ่อถนอม วัดสุทัศน์อธิษฐานจิต

วาระที่ 3 วัดป่าหนองหล่ม (8 เมษายน 2543 วันเสาร์ 5)หลวงปู่หมุน เป็นประธานร่วมกับ หลวงปู่กอง วัดสระมณฑล จ.พระนครศรี อยุธยา มีหลวงปู่ละมัย ฐิตมโน วัดโพธิ์เย็น หลวงพ่ออินทร์ วัดบ้านด่าน,หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน (มาตั้งกสิณไฟปลุกเสกในเวลาตี 3)

วาระที่ 4 วัดซับลำใย (9 เมษายน 2543)หลวงปู่หมุนอธิษฐานจิตปลุกเสก ตั้งธาต ุหนุนธาตุ ชักยันต์กลางอากาศ ครอบมณฑลพิธี

วาระที่ 5 วัดสุทัศน์ วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2543 พิธีพุทธาภิเษกเวลา 09.19 น. ในการทำพิธีครั้งสุดท้ายนี้นับว่าสำคัญมาก หลวงปู่หมุนบอกว่าจัดพิธีได้อย่างถูกต้องครบถ้วน พระอาจารย์ตั้ว วัดซับลำใยท่านได้เรียนถามกับหลวงปู่หมุนว่า สมเด็จพระสังฆราช(แพ) ท่านได้มาอธิษฐานจิตรับรู้พิธีกรรมนี้หรือเปล่า หลวงปู่หมุนท่านตอบว่า มาพร้อมท่านมหาสนธิ์ กับ หลวงพ่อกวย

ในตอนที่หลวงปู่หมุนท่านเดินขึ้นอาสนะสงฆ์ เพื่อนั่งปรกปลุกเสก ท่านเริ่มใช้ไม้เท้าไปข้างหน้าชักยันต์เป็นวงกลม หลังจากนั้นราวชั่วโมงกว่า ท่านได้แสดงกิริยาอาการมาใช้ปากเป่าไปยังมณฑลพิธีเป็นการเป่ายันต์ธาตุโภค ทรัพย์ตามตำราสมเด็จลุน พอพระพิธีธรรมของวัดสุทัศน์สวดมนต์พุทธาภิเษกถึงช่วงบทสวด"อาฏานาฏิยปริตร"ซึ่งเป็นบทที่มีทำนองน่าสะพรึงกลัวมาก ทุกคนเกิดอาการสะดุ้งขนหัวลุก เพราะเป็นการกล่าวถึงชื่อ อินทร์พรหม ยม ยักษ์ต่างๆ หลวงปู่หมุนได้ใช้นิ้วชี้ชักยันต์กลางอากาศ ครอบมณฑลพิธีอีกครั้ง

พระผงดวงเศรษฐีเชื่อว่ามีพุทธคุณสูงทางด้านโชคลาภเงินทอง เมตตาค้าขาย ธุรกิจการงานร่ำรวยราบรื่นเห็นผล










 
 
 

Comentarios


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page