"พ่อท่านเขียว กิตติคุโณ"93ปี เทพเจ้าฝ่ายบู๊-วัดห้วยเงาะ ปัตตานี ผู้ร่วมสร้างปู่ทวดรุ่นแรกปี2497
ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอ ประวัติพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแดนใต้ "พ่อท่านเขียว กิตติคุโณ" หรือ พระครูอนุศาสน์กิจจาทร วัดอรัญวาสิการาม (วัดห้วยเงาะ) ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พระเกจิอาจารย์ดินแดน"ลังกาสุกะ" สมญานาม "เทพเจ้าฝ่ายบู๊" อายุ 93 ปี 72 พรรษา ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจชาวบ้านแถบนั้นมักเรียกท่านว่า "ตาหลวง"
สำหรับที่มาของฉายานาม "เทพเจ้าฝ่ายบู๊" ของพ่อท่านเขียว เพราะท่านได้ทำนายเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ก่อนล่วงหน้า พร้อมกับสร้างตะกรุดพิสมรหลวงปู่ทวด แจกพี่น้อง3จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนมีเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ยังไม่มีผู้ใดแขวนเครื่องรางของขลังของพ่อท่านเขียว แล้วสังเวยชีวิตให้แก่เหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แม้แต่คนเดียว ส่วนยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า ยิงไม่ถูก หรือแม้แต่โดนระเบิดไม่เป็นไร มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
พ่อท่านเขียวถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาใน จ.ยะลา เมื่อปีพ.ศ.2473 ที่ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา บิดาชื่อ"นายทอง" เพ็ชรภักดี มารดาชื่อ "นางกิ๊ม" นามสกุล"เพ็ชรภักดี" เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวนทั้งหมด 7 คน หลังจบชั้นป.4 ต้องออกจากบ้านหางานทำเลี้ยงแม่และน้องๆ เพราะบิดาได้ถึงแก่กรรม
เมื่ออายุ 20ปีได้อุปสมบท ณ วัดนางโอ (ปัจจุบันคือ วัดบุพนิมิตร) อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2492 โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแดง ธมฺมโชโต วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ท่านได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยใช้เวลาว่างจากกิจของสงฆ์ เล่าเรียนการสวดมนต์ในบทสำคัญต่างๆ รวมถึงการสวดภาณยักษ์ในแบบฉบับของภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก เหมือนก่อนแล้ว กระทั่งพรรษา 2 ได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา พรรษาที่ ๓ พ่อท่านเขียว ได้ย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆกับ “ตาเลี่ยม” ฆราวาสที่เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนา อีกทั้งสรรพวิชาจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมในเขตนั้นอีกหลายท่าน
ในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสามารถสวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5 ท่านได้รับตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา
ในช่วงนี้เองที่ท่านได้เป็นสหธรรมิกกับ พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม) เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ด้วยความสนิทสนม ชอบพออัธยาศัย ไปมาหาสู่กันเสมอ ระยะทางระหว่างวัดทั้งสองไม่ไกลกันนัก โดยได้ร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรมร่วมพิธีกรรมต่างๆกันเสมอ
โดยเฉพาะเมื่อคราวที่พระอาจารย์ทิมสร้างพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก เมื่อปี 2497 เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมสร้างอุโบสถวัดช้างให้ พ่อท่านเขียวเป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมงานโดยคลุกเนื้อผสมว่าน และร่วมอยู่ในพิธีกรรมเจริญพุทธมนต์ ระหว่าง ที่ท่านพระอาจารย์ทิมอัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เพื่อปลุกเสกพระเครื่องเนื้อว่าน รุ่นแรก ในปี2497 และร่วมพิธีกรรมปลุกเสกอีกหลายวาระ
เมื่อพระอาจารย์ทิมมรณภาพแล้ว ยังมีพิธีกรรมที่สำคัญอีก 1 วาระคือ พิธีปลุกเสกพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน รุ่นปี2524 ปัจจุบันเป็นที่เสาะหากันมาก เพราะมีประสบการณ์คุ้มภยันตรายแคล้วคลาดปลอดภัย นอกจากนี้ พ่อท่านเขียว ยังได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ในหลายพิธีตลอดมา ทั้งไกลและใกล้ จนถึงปัจจุบัน
ต่อมาพระอาจารย์ธีร์ เจ้าอาวาสวัดห้วยเงาะ ในเวลานั้นได้มานิมนต์พ่อท่านเขียวไปอยู่ด้วยกันที่วัดเนื่องด้วยพรรษาท่านมาก จะได้ดูแลและไม่ต้องพบกับภาระเหนื่อยหนักอีก
พ่อท่านเขียวท่านเป็นพระสงฆ์ที่มัธยัสถ์ อดออม และรักสันโดษ ท่านชอบการอ่านหมั่นศึกษาหาความรู้ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมายบ้านเมือง การเกษตรกรรม โหรา ศาสตร์ สมุนไพรกลางบ้าน รวมถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ในอันที่จะนำไปสงเคราะห์ผู้อื่นได้
นอกจากนี้ ยังเป็นพระเถระผู้มีเมตตาสูงกับเหล่าศิษยานุศิษย์ และผู้ที่ไปขอให้ท่านเสกเป่าบรรเทาทุกข์ แก้ไขสิ่งที่ขัดข้องในชีวิต ท่านเมตตาเสมอเหมือนกันหมด ไม่ว่ายากดีมีจนมาจากไหน ไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ โดยไม่แบ่งแยก ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด และท่านไม่จับหรือรับเงินที่มาถวายเลย พ่อท่านไม่เคยสนใจลาภสักการะต่างๆ ใครไปให้ท่านช่วย พอจะลากลับ หากถวายเงิน ท่านจะนิ่งเฉย และถามกลับว่า “เอามาให้เราทำไร เราเป็นพระ ไม่ต้องใช้ หากจะทำบุญ ก็เอาไปใส่ตู้บริจาคภายในวัดตรงไหนก็ได้”
นอกจากนี้แล้ว คำสอนหนึ่งที่ท่านชอบสอนทุกๆ คนที่ไปหาท่าน คือ ให้ทำดี ละเว้นชั่ว ตั้งมั่นในความซื่อสัตย์ กตัญญู อดออมทรัพย์สิน ใช้จ่ายอย่างประหยัด ที่สำคัญ คือ ท่านสอนให้เลิกใช้คำว่า “ทำมาหากิน” แต่ให้ใช้คำว่า “ทำมาหาไว้” แทน ในทำนองว่า ทำมาหาไว้ อย่ากิน อย่าใช้ จนหมด นั่นเอง
พ่อท่านเขียว ได้ตั้งปฏิปทามั่นในการอยู่ในพื้นที่อันตราย จ.ปัตตานี โดยไม่คิดย้ายที่อยู่ไปแห่งใหม่ที่ปลอดภัยกว่า ทั้งๆที่ท่านไม่ได้มีภาระใดๆเพราะไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ท่านยังคงอยู่เป็นขวัญกำลังใจของทหารหาญ และพล เรือนในพื้นที่นั้น รวมทั้งสั่งสอนธรรมะของพระพุทธองค์สืบไป
พระเครื่องของท่านมีหลายรุ่นหลายชนิด มีพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์ครบเครื่อง ทั้ง แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม โชคลาภ
Commentaires