ย้อนตำนานชีวิต 98 ปี"หลวงปู่หา สุภโร"
อดีตเจ้าอาวาสวัดสักกะวัน จ.กาฬสินธุ์
พระเถระสายปู่มั่น/ฉายา“หลวงปู่ไดโนเสาร์”
ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์"คัมภีร์นิวส์" ร่วมย้อนตำนานชีวิต น้อมถวายความอาลัยในการจากไปของพระเทพมงคลวชิรมุนี หรือ"หลวงปู่หา สุภโร" อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ธ. อดีตเจ้าอาวาสวัดสักกะวัน มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา 17.52 น. ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ สิริอายุ 98 ปี
โดยจะมีพิธีสรงน้ำสรีระ เวลา 07.00-9.00 วันที่ 26 พ.ย. 2566 ณ ห้องพิธีชั้น1รพ.วิชัยยุทธตึกเหนือ เวลา 10.00น.เคลื่อนย้ายสรีระกลับวัดสักกะวัน
ท่านมีนามเดิมว่า "หา ภูบุตตะ" เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ก.ค.2468 ที่บ้านนาเชือก ต.เว่อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ บิดาชื่อ "นายสอ" มารดาชื่อ "นางบัวลา" วัยเยาว์สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านนาเชือกเหนือ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นทหารอาสา เพื่อไปร่วมรบในสงคราม และเข้ารับการฝึกซ้อมรบ แต่ปรากฏว่าสงครามยุติลงก่อนในปี พ.ศ.2488
ครั้นอายุย่าง 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดสว่างนิวรณ์นาแก ต.นาเชือก อ.ยางตลาดจ.กาฬสินธุ์ โดยมีหลวงปู่ลือ เป็นพระอุปัชฌาย์ สังกัดมหานิกาย แล้วไปอยู่จำพรรษาที่วัดสุวรรณชัยศรี ขณะนั้นการปกครองในคณะสงฆ์ยังไม่ทั่วถึงมากนัก การบวชของคณะธรรมยุตและคณะมหานิกายยังไม่แยกจากกัน ยังคงใช้พระอุปัชฌาย์รูปเดียวกัน
ต่อมาอายุ 22 ปี จึงญัตติเป็นธรรมยุต ที่สิมน้ำ วัดบ้านหนองโจด (ปัจจุบันเป็นที่นาชาวบ้าน) ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2490 พระครูประสิทธิ์สมณญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูปลัดอ่อน ขันติโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกาทองสุข สุจิตโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "สุภโร"
งานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2498 เป็นเจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ต.โนนศิลา อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ พ.ศ.2498 เป็นเจ้าคณะตำบลโนนศิลา พ.ศ.2502 เป็นเจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์- กุฉินารายณ์-ท่าคันโท พ.ศ.2539 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) พ.ศ.2548 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ)
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2505 รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่"พระครูวิจิตรสหัสคุณ" พ.ศ.2508 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม พ.ศ.2520 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม พ.ศ.2541 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่"พระญาณวิสาลเถร" พ.ศ. 2564 รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ขึ้น เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ในราชทินนามที่ "พระเทพมงคลวชิรมุนี วิ."
ย้อนไปในปีพ.ศ.2510 ท่านย้ายวัดสักกะวัน จากตำบลโนนศิลา มาอยู่พื้นที่ภูกุ้มข้าว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นพัฒนาวัดสักกะวัน โดยสร้างอุโบสถ วิหาร และตัดถนนรอบวัดจำนวน 5 สาย รวมทั้งก่อสร้างเมรุเผาศพ
ครั้งหนึ่งท่านนอนหลับฝันเห็นไดโนเสาร์ตัวใหญ่คอยาวเดินอยู่บริเวณเชิงเขาภูกุ้มข้าว ครั้นตื่นขึ้นจึงให้ลูกศิษย์ไปตรวจสอบพื้นที่ ดังกล่าว ขณะนั้นฝนตกหนัก พื้นดินสูงโดนน้ำเซาะจนเห็นกระดูกชิ้นใหญ่หลายสิบชิ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ท่านจึงสั่งให้คนเก็บกระดูกนั้นไว้และส่งข่าวไปยังนายอำเภอเพื่อตรวจสอบ
กระทั่งเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2537 เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีเข้ามาตรวจสอบบริเวณร่องน้ำ ข้างถนนเชิงเขาภูกุ้มข้าว ขุดพบซากฟอสซิลกระดูกไดโนเสาร์ จากการตรวจสอบปรากฏว่าเป็นไดโนเสาร์พันธุ์กินพืชที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบมา (ภายหลังตั้งชื่อว่า อีสานโนซอรัสสิรินธรเน่)
ต่อมามีการแจ้งว่าขอขุดค้นเพิ่มเติม จึงกราบเรียนหลวงปู่หาเพื่อขออนุญาต ปัจจุบันคือ “อาคารหลุมขุดค้นไดโนเสาร์พระญาณวิสาลเถร” เพื่อเป็นอนุสรณ์ อีกทั้งยังมีการรวบรวมฟอสซิลไดโนเสาร์จากทั่วสารทิศมารวมที่วัดสักกะวัน และก่อสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับสัตว์โลกล้านปี ได้รับพระราชทานนามว่า “พิพิธภัณฑ์สิรินธร”คณะศิษย์จึงถวายฉายานามท่านว่า “หลวงปู่ไดโนเสาร์”
ปัจจุบันกรมทรัพยากรธรณีพัฒนาแหล่งพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าวเป็นศูนย์วิจัยไดโนเสาร์ และมีพิพิธภัณฑ์สิรินธร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิชาการที่สำคัญและมีชื่อเสียง มีชื่อว่า “อุทยานโลกไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว”
สำหรับครูบาอาจารย์ที่ท่านฝากตัวเป็นศิษย์
ในช่วงออกธุดงค์กรรมฐานนั้น อาทิ 1.หลวงปู่พระครูประสิทธิสมณญาณ วัดสุวรรณชัยศรี จ.กาฬสินธุ์ ศิษย์อุปัฏฐาก หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต สมัยท่านจําพรรษาอยู่แถบจังหวัดเชียงใหม่ 2.พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่แดง ธมฺมรกฺขิโต) ผู้ก่อตั้งวัดประชานิยม จ.กาฬสินธุ์ ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต สมัยก่อนที่ท่านจะเดินทางไปเชียงใหม่ เป็นศิษย์ร่วมสมัยหลวงปู่มั่น, หลวงปู่ขาว 3.พระสุทธิธรรมรังสี (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
4.พระธรรมมงคลญาณ (หลวงปู่วิริยังค์ สิรินธโร) วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ 5.หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ํากลองเพล จ.หนองบัวลําภู 6.หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร 7.หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี จ.ร้อยเอ็ด 8.พระอริยเวที (หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล) วัดรังสีปาลิวัน จ.กาฬสินธุ์
Comments