top of page
ค้นหา

"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค. 2567 รำลึก"หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ”วัดเพชรบุรี

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 10 มี.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค. 2567

รำลึก"หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ”วัดเพชรบุรี

อดีตเกจินักพัฒนา-อาคมขลังแห่งอีสานใต้

อัศจรรย์วันเกิด-วันมรณภาพตรงกัน/5มี.ค.

เดือนมีนาคมของทุกปีเป็นห้วงเวลาแห่งการรำลึกถึง "หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ” หรือ พระครูปราสาทพรหมคุณ แห่งสุสานทุ่งมน อดีตเจ้าอาวาสวัดเพชรบุรี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งท่านเกิดและมรณภาพตรงกับวันที่ 5 มี.ค. อย่างน่าอัศจรรย์ "ย้อนรอยเกจิ"อาทิตย์นี้จึงขอนำประวัติของและพระเครื่องยอดนิยมของท่านมานำเสนออีกครั้ง

"หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ” หรือ พระครูปราสาทพรหมคุณ แห่งสุสานทุ่งมน อดีตเจ้าอาวาสวัดเพชรบุรี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ถือเป็นพระเถระที่มีอายุพรรษาสูงสุดรูปหนึ่งของภาคอีสานตอนล่าง บวชตั้งแต่อายุ 20 ปี ไม่เคยสึก เป็นพระที่มีเมตตาสูง และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของบรรดาศิษยานุศิษย์

ในด้านวิชาอาคมของขลังมานานหลายสิบปี โดยได้สร้างพระเครื่องวัตถุมงคลมากมายหลายร้อยรุ่น แต่ละรุ่นล้วนได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

ท่านมีนามเดิมว่า “สุวรรณหงษ์ จะมัวดี” เกิดเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2461 ที่บ้านทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดอุทุมพร บ้านทุ่งมน จนอายุ 18 ปี มารดาขอร้องให้บวชเณร เพราะเป็นช่วงวัยรุ่นอารมณ์ร้อน

ความตั้งใจเดิมจะบวชเพียง 7 วัน แต่เกิดมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เลยอยู่เรื่อยมาจนอายุครบ 20 ปี พระอุปัชฌาย์จึงอุปสมบทให้ ณ วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ มีพระอาจารย์แป้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายานาม “พรหมปัญโญ” แปลว่า “ผู้มีปัญญาดุจพรหม”

หลังอุปสมบทแล้ว ตั้งใจมั่นขยันหมั่นเพียรศึกษาพระปริยัติธรรม ด้วยเป็นผู้มีความวิริยะสูง จดท่องแม่นยำยิ่งนัก ทั้งฝักใฝ่หาความรู้ เพียรหาครูบาอาจารย์อย่างไม่ลดละแม้จะไกลไปยาก ก็อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไป

พ.ศ.2482 สอบได้นักธรรมชั้นตรี จากสำนักโรงเรียนวัดอุทุมพร พ.ศ.2483 เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนผู้ใหญ่เพิ่มเติม สอบได้ระดับชั้นปลายภาคจากวัดศรีลำยอง ต.สมุด อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

ในพรรษาที่3 กราบลาพระอุปัชฌาย์จาริกถือธุดงควัตร อาศัยอยู่ตามโคนไม้ นุ่งห่มใช้ผ้าเพียงสามผืน ถือที่สงบสัปปายะ เช่น ป่าช้าเป็นที่เจริญภาวนาเช้าค่ำ ขบฉันภัตตาหารเพียงมื้อเดียว เดินทางไปสู่เมืองขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เพราะเป็นเขตแห่งสรรพศาสตร์มนตรา จึงได้เข้าขอศึกษากับครูอาจารย์ที่เป็นทั้งฆราวาสก็ดี เป็นผู้ทรงศีลสมณะก็ตาม จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงขออนุญาตลากลับเพื่อจาริกธุดงค์สู่พนมเปญ กัมพูชา

เมื่อธุดงค์เข้าเขตประเทศกัมพูชา พบกับครูบาอาจารย์ศึกษาสรรพวิชา ทั้งคาถาเมตตา มหาเสน่ห์ กำบังภัยทั้งคุ้มครอง แคล้วคลาดกันอาวุธปืน หอก ดาบ เขี้ยว งา ช้างเสือ หุงสีผึ้ง กันยาเบื่อ ทั้งคุณไสย ทำน้ำมนต์รดอาบ สิชาทำตะกรุดดิน/น้ำ/ลม/ไฟ ฯลฯ

มีเรื่องราวของกลุ่มโจรในประเทศกัมพูชาที่มีวิชาอาคมแก่งกล้าออกปล้นสะดมภ์จนทางการกัมพูชาต้องมาร้องขอให้หลวงปู่หงษ์ช่วยจับกุม จนกระทั่งกลุ่มโจรนี้กว่า 50 คนต่างก็ขอหลวงปู่หงษ์เป็นศิษยานุศิษย์ร่วมเดินรอยตามพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกที่มีทั้งลูกระเบิด ลูกปืนใหญ่ตกใส่ในพื้นที่ที่หลวงปู่หงษ์อยู่กับชาวบ้านในหมู่บ้านกรูกลับไม่ระเบิด จนทำให้ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสและศรัทธากันเป็นจำนวนมาก

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2516 เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดเพชรบุรี พ.ศ.2519 รับตราตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทุ่งมน พ.ศ.2525 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2542 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลทุ่งมน

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2523 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในราชทินนามที่ "พระครูประสาทพรหมคุณ" พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม

หลวงปู่หงษ์สร้างคุณูปการให้กับสังคมมากมาย โดยเฉพาะด้านสังคมสงเคราะห์ ท่านบริจาคทรัพย์สร้างสถานีอนามัยและสถานเลี้ยงเด็ก รวมทั้งมอบเงินช่วยเหลือโรงเรียน ปรับปรุงสถานีตำรวจ จัดตั้งมูลนิธิหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ, บริจาคเพื่อขุดแหล่งน้ำ บ่อน้ำ และฝายกั้นน้ำ

ด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลวงปู่หงษ์ บริจาคเงินเพื่ออนุรักษ์ป่า ปลูกป่า เสริมสร้างป่าชุมชน บริจาคเงินและตั้งกองทุนเพื่อซื้อและไถ่ชีวิตสัตว์

พ.ศ.2535 รับโล่รางวัลชนะเลิศด้านสิ่งแวดล้อมดีเด่นจากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ.2536 รับรางวัล ชนะเลิศวัดพัฒนาตัวอย่าง พ.ศ.2537 รับรางวัลชนะเลิศด้านบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และรับพระราชทานเสมาธรรมจักรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง ช่วงเช้าวันที่ 5 มีนาคม 2557 ท่านมรณภาพด้วยโรคชราที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กรุงเทพฯ สิริอายุ 97 ปี พรรษา 77 ที่น่าอัศจรรย์คือ หลวงปู่หงษ์เกิดวันที่ 5 มีนาคม 2460 ตรงกับวันมรณะ คือวันที่ 5 มีนาคม 2557

หลวงปู่หงษ์เป็นพระผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตา มหาบารมี แม้แต่แก้วใส่นมใบเดียวกันที่ท่านฉันใช้ทุกวัน ก็นำมาให้หมาและแมวภายในสุสานฉันด้วย โดยไม่เคยรังเกียจ แบ่งชั้น วรรณะ อีกทั้งเมตตา สงเคราะห์ ช่วยเหลือ ลูกศิษย์เสมอเหมือนกันทุกคน

เมื่อครั้งหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยองยังมีชีวิตอยู่ ยังออกปากชมหลวงปู่หงษ์ เมื่อลูกศิษย์ถามว่า “ ยังมีพระอาจารย์องค์ใดที่มีวิชาอาคมแก่กล้า พอจะเป็นที่พึ่งอีกหรือไม่ ” ท่านว่า “ มีอยู่องค์หนึ่ง ชื่อพระหงษ์ ( หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ) ลงตะกรุดได้ไม่แพ้นี่ (ข้า) ” …

ในด้านวัตถุมงคลท่านอนุญาตให้จัดสร้างและอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้หลายรุ่นหลายรูปแบบ

ทั้งที่ออกในนามวัดเพชรบุรีและวัดอื่นๆขอจัดสร้าง โดยวัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง ท่านมีบุญญาบารมีมากเป็นที่เคารพบูชา เป็นที่พึ่งของ ของเหล่าบรรดายานุศิษย์และประชาชนทั่วประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านเลย เคยมีผู้สามารถสัมผัส และจับพลังจิตได้ลองสัมผัสพลังจิตวัตถุมงคลของหลวงปู่ หลายท่านบอกว่ามีพลังจิตสูงมาก

เหรียญรูปไข่รุ่นแรก ฉลองอายุ 80 ปี สร้างปี2541ด้านหลังมี 3 แบบคือ 1.หลังยันต์ครู 2.หลังพระแม่โพสพ 3.หลังพระแม่ธรณี ( พบเจอน้อยสุด ) เหรียญยุคต้น มีประสบการณ์ หลวงปู่หงษ์ได้ฤกษ์พิธีมหาพุทธาอธิษฐานจิตปลุกเสก ประจุ พระคาถาและประจุธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้าสู่วัตถุมงคล เพื่อความสมบูรณ์ตามประเพณี และความศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลัง ถูกต้อง

พระเครื่องหลวงปู่หงษ์มีพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะคงกระพันชาตรี...แคล้วคลาด...เมตตามหานิยม...โชคลาภ..มีผู้ได้รับประสบการณ์มากมาย

#ฉัตรสยาม


 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Opmerkingen


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page