top of page
ค้นหา

"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566 "หลวงปู่ย้อย วิจารโณ"วัดทรงเสวย ชัยนาท

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 2 ก.ค. 2566
  • ยาว 1 นาที

"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566

"หลวงปู่ย้อย วิจารโณ"วัดทรงเสวย ชัยนาท

เกจิวาจาสิทธิ์/ศิษย์พุทธาคม"ปู่คล้อย-ปู่ศุข"

เจ้าตำรับวิชา"แมงมุมขยุ้มทรัพย์-คันธนูคต"

"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ

"หลวงปู่ย้อย วิจารโณ" (พระครูวิชัยสาธุกิจ)

อดีตเจ้าอาวาสรูปที่2 วัดทรงเสวย ต.หนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของจ.ชัยนาทอีกองค์ที่สืบสายพุทธาคมจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และท่านเป็นศิษย์เอกของ “หลวงปู่คล้อย ธัมมนิยัง” เจ้าอาวาสองค์แรกวัดทรงเสวย ชาวบ้านขนานนามให้ว่า “เทพเจ้าวาจาศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำท่าจีน” และเป็นต้นตำรับวิชา “แมงมุมขยุ้มทรัพย์ “ ที่บรรดาลูกศิษย์ต่างเคารพและศรัทธาในความเข้มขลังและแก่กล้าวิชาอาคม

ท่านมีนามเดิมว่า “ย้อย” เป็นบุตรของนายฉาย และนางจันทร์ นามสกุล"แสงขำ" เกิดเมื่อวันพุธที่ 5 มิถุนายน 2444 ที่บ้านหนองแค หมู่ 1 ต.หนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 8 คน ท่านเติบโตมาในชุมชนข้างวัด ตั้งแต่เป็นเด็ก

ได้ไปฝากตัวเล่าเรียนวิชาความรู้กับหลวงปู่ศุข พระเกจิชื่อดังที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ใน ต.ปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลนัก

เมื่ออายุ 22 ปี ได้อุปสมบท ณ วัดนางลือ อ.เมือง จ.ชัยนาท พระชัยนาทมุนี เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุและอดีตเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นไปอยู่จำพรรษา ณ วัดทรงเสวย โดยไม่เคยไปอยู่วัดใดและจำพรรษาที่วัดอื่นใดทั้งสิ้น หลังอุปสมบทได้ตั้งหน้าศึกษาเล่าเรียนหัดอ่าน หัดเขียนภาษาไทย และต่อหนังสือกับผู้รู้สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วและจดจำได้อย่างแม่นยำมาก โดยครูผู้สอนและต่อหนังสือให้ก็คือ หลวงปู่คล้อย

ปีพ.ศ.2488 หลวงปู่คล้อยมรณภาพ ทางคณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการแทน จากนั้นในปีพ.ศ.2489 จึงเป็นเจ้าอาวาสวัดทรงเสวยรูปที่2 และพ ศ.2490 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2509 เป็นพระครูสัญญาบัติชั้นตรี มีราชทินนามว่า “พระครูวิชัยสาธุกิจ” พ.ศ.2516 เลื่อนเป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม

หลวงปู่ย้อยเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดอยู่ในระเบียบวินัย มีวาจาสิทธิ์ นอกจากนี้ ยังเป็นพระที่สงเคราะห์สังคมอย่างพร้อมมูลแผ่เมตตาแก่ชนทุกชั้น แก้ปัญหาชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม ที่มืดมนไม่สามารถจะแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ มีความเมตตาต่อสัตว์ เช่น สุนัข แมว ปลา

ด้านที่มาของฉายา “เทพเจ้าวาจาศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำท่าจีน” คนเก่าแก่ของชุมชนเล่าว่า หากหลวงปู่ย้อยเอ่ยปากเรื่องใดออกไปแล้ว ก็มักจะเกิดเหตุการณ์ตามที่ท่านได้เอ่ย ใครที่ท่านเอ่ยปากทักว่าจะมีเหตุเพทภัย ก็มักจะประสบอันตรายจนบาดเจ็บล้มตายขึ้นจริง

ผู้คนจึงกลัววาจาท่านมาก ทุกคนจะพยายามไม่ให้ท่านพูดในสิ่งที่ไม่ดีแก่ตน

หลวงปู่ย้อยมีความเข้มขลังด้านวิชาอาคมที่ได้รับการถ่ายทอดจากทั้งหลวงปู่ศุข และหลวงปู่คล้อยมากมายหลายด้าน แต่ที่เด่นดังอย่างที่สุดคือวิชา “แมงมุมขยุ้มทรัพย์” ที่มีพุทธานุภาพด้านช่วยเรื่องโชคลาภ เงิน ทอง การค้าการขายเจริญก้าวหน้า กำไรดี ดอกผลเจริญงอกงาม

วิชาที่เป็นตำนานอีกหนึ่งของหลวงพ่อย้อย คือ “คันธนูคต” เป็นวิชาที่ศักดิ์สิทธิ์ เล่าสืบต่อกันมาว่า หากท่านยิงกระสุนที่ปล่อยจากคันธนูออกไป หากไปแอบหรือหลบซ่อนที่ใด เมื่อกระสุนปล่อยออกไปแล้ว กระสุนก็จะวิ่งผ่านกำบังไปโดนตัวทันที

การสร้างวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังนั้น ท่านไม่มีการจำหน่ายหรือให้เช่า แต่จะแจกกับทุกคนที่ไปหาและมีความต้องการ จะไปกี่คนก็ตาม ถ้าเอ่ยปากขอเพียงคนเดียว ท่านก็แจกให้จนครบทุกคน แต่ถ้าขอไปฝากพวกพ้องทางบ้านนั้น ท่านไม่ยอมให้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าท่านไปแห่งหนตำบลใดก็ตามจะไม่นำติดตัวไปด้วย เพราะถือคติว่า ถ้าผู้ใดนับถือท่านและมีความประสงค์อยากจะได้จริงๆ ก็ต้องไปรับที่วัด

วาระสุดท้าย เวลา 01.06 น. ของวันที่ 6 ธันวาคม 2523 ท่านมรณภาพด้วยอาการสงบ ณ ห้องพิเศษ โรงพยาบาลชัยนาท ต่อมา วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2524 ได้จัดงานพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดทรงเสวย

มีเรื่องเล่าว่า หลังจากหลวงพ่อย้อยมรณภาพลงในปี2523 ลูกศิษย์ตกลงกันว่าจะไม่เก็บศพท่านไว้ จึงจัดงานฌาปนกิจภายในปีนั้น ปรากฎว่า ขณะทำการฌาปนกิจ เกิดปาฏิการิย์ร่างของหลวงพ่อย้อยไม่ไหม้ ในขณะที่พยายามเผาแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้ร่างหลวงพ่อย้อยไหม้สลายได้ ทางด้านลูกศิษย์จึงเกิดความคิดอยากได้ร่างของหลวงพ่อย้อย มาครอบครองเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เลยเกิดการแย่งชิงทั้งเนื้อ กระดูก อัฐิ จีวร ซึ่งปัจจุบันลูกศิษย์บางกลุ่มยังมีกระดูก เนื้อ อัฐิ ของหลวงพ่อย้อยครอบครองไว้

แม้ท่านละสังขารไปแล้ว ความเข้มขลังก็ยังไม่เสื่อมคลาย ใครที่มาบนบานขอพรสิ่งใดก็จะสมหวัง หลายรายที่ของหาย ถูกลักทรัพย์ ถูกขโมย เมื่อมาขอพร ของที่ว่าก็จะมีเหตุให้ได้กลับคืนมาภายใน3วัน7วัน นำมาสู่ความเลื่อมใสศรัทธาแก่ลูกศิษย์และประชาชนทั่วไป ซึ่งเมื่อมาที่วัดทรงเสวยก็จะหาเช่าพระเครื่อง และเครื่องรางของขลังวิชาแมงมุมขยุ้มทรัพย์ของหลวงปู่ย้อยกลับไปทุกคน

สำหรับวัดทรงเสวยแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในวัดที่สายมูต้องไม่พลาด เพราะมี"ไอ้ส้มฉุน" สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังประจำวัด ซึ่งกล่าวขานกันมามีผู้ที่มากราบไหว้ขอโชคไอ้ส้มฉุน แล้วถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรวมกันมากกว่า 30 งวดติดๆ จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้

ตามประวัติที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมานั้น หลวงปู่คล้อยเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดทรงเสวย จ.ชัยนาท มีลูกศิษย์วัดคนโปรดอยุ่คนหนึ่งชื่อว่าเจ้าส้มฉุน เป็นเด็กกำพร้าที่หลวงปู่เก็บมาเลี้ยงไว้ จนอายุ 10 ขวบด้วยความซุกซนส้มฉุนได้แอบไปเล่นน้ำและเป็นตะคริวจนจมน้ำตาย และหลังจากนั้นเมื่อมีใครมาบวชใหม่ที่วัดนนี้ก็มักจะเจอเจ้าส้มฉุนมาช่วยเล่นด้วย ขอขนมกิน หรือดึงขาเวลานอนกันเป็นประจำ จึงได้มีการตั้งศาลและรูปปั้นแทนตัวของเจ้าส้มฉุนเอาไว้ กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้การเคารพนับถือมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเชื่อกันว่า หากใครอยากมีลูก หรืออยากให้ลูกไม่ดื้อ ฉลาด เลี้ยงง่าย ให้มาขอพรกับเจ้าสมฉุน หรือจะมาขอพร ขอโชค ขอลาภก็ได้เช่นกัน

#ฉัตรสยาม



 
 
 

Opmerkingen


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page