top of page
ค้นหา

"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2566 "หลวงพ่อเพี้ยน"เกจิดังวัดเกริ่นกฐิน

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 23 ก.ค. 2566
  • ยาว 1 นาที

"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2566

"หลวงพ่อเพี้ยน"เกจิดังวัดเกริ่นกฐิน

"เทพเจ้าแห่งท้องทุ่งบ้านหมี่"ลพบุรี

เจ้าตำรับ"ผ้ายันต์แดง-ตะกรุดโทน"

"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ หนึ่งในตำนานยอดพระเกจิแห่งเมืองลิง...พระครูวิมลสมณวัตร หรือ"หลวงพ่อเพี้ยน อัคคธัมโม" อดีตเจ้าอาวาสวัดเกริ่นกฐิน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี สมญานาม"เทพเจ้าแห่งท้องทุ่งบ้านหมี่" เจ้าตำรับเครื่องรางของขลัง"ผ้ายันต์แดง-ตะกรุดโทน" อันเลื่องชื่อทางประสบการณ์แคล้วคลาดปลอดภัย นิรันตราย

ท่านเกิดในสกุล"ยอดวัด" เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล พุทธศักราช 2470 ที่บ้านเกริ่นกฐิน ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ชีวิตในวัยเยาว์ หลังจบการศึกษาภาคบังคับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต่อจากนั้นก็ช่วยเหลือครอบครัวในการประกอบอาชีพทำนา จวบกระทั่งถึงวัยแห่งการครองเรือน แต่ภายหลังเกิดความเบื่อหน่าย จึงหันหน้าเข้าสู่เส้นทางธรรม

ท่านเข้าอุปสมบทเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2519 ที่วัดกำแพง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี มีหลวงพ่อเจือ เจ้าอาวาสวัดกำแพง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "อัคคธัมโม" มีความหมายว่า "ผู้มีธรรมอันเป็นเลิศ" จากนั้นได้ย้ายไปอยู่วัดเกริ่นกฐินศึกษาทางธรรมและร่ำเรียนวิชาจาก "หลวงพ่อปาน"เจ้าอาวาสวัดเกริ่นกฐิน ในสมัยนั้น ไม่เพียงเท่านั้น ท่านยังใช้เวลาที่อยู่ในสมณเพศ ทบทวนสรรพวิชา ที่ได้จากบิดาซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิชาจากดินแดนกัมพูชา

สำหรับหลวงพ่อปานเป็นพระเกจิเรื่องอาคมที่สัญจรมาจากประเทศกัมพูชา หลวงพ่อเพี้ยน

ท่านได้ฝึกจิตตามแนวทางของหลวงพ่อปาน ทำให้การเรียนด้านวิชาอาคม บังเกิดความก้าวหน้า และได้รับความศรัทธาจากชาวบ้านที่ประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต่างๆ นานา โดยท่านได้ใช้อำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ รวมทั้งวิทยาคม ใครถูกคุณไสยมนต์ดำ อวิชชาชั้นต่ำ สรรพวิญญาณดุร้ายเข้าสิงร่าง ใช้มนต์คาถากำราบ ใครเจ็บป่วยเป็นไข้ป่าใช้ยาสมุนไพรรักษา สามารถพลิกผันเปลี่ยนขาวเป็นดำ บำบัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ ชื่อเสียงร่ำลือระบือไกล

กระทั่งในปี 2521 วัดเกริ่นกฐินไม่มีเจ้าอาวาสปกครอง ชาวบ้านญาติโยมจึงเข้าร้องขอต่อพระผู้ใหญ่ให้แต่งตั้งหลวงพ่อเพี้ยนเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน หลังจากหลวงพ่อเพี้ยนขึ้นเป็นเจ้าอาวาส วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อเพี้ยนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ยังคงดำรงตนอย่างสมถะ เป็นพระชาวบ้านธรรมดา แต่ว่าเข้าถึงจิตใจคนทุกระดับชั้น ไม่มีการเลือกชั้นวรรณะของผู้ที่เข้าไปกราบนมัสการ

ระหว่างพรรษาที่3 ท่านได้รับกิจนิมนต์ เดินทางไปที่อ.ท่าวุ้ง ท่านได้เดินทางผ่านทุ่งนา ในช่วงที่เป็นป่าละเมาะรกชัฏ ได้พบเห็นการกระทำอย่างหนึ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือ มีโจรดักปล้นชาวบ้าน แต่ชาวบ้านที่เป็นเจ้าทรัพย์นั้นต่อสู้ จึงถูกคนร้ายแทงตายต่อหน้าท่าน

เมื่อท่านเดินทางกลับมาถึงวัด จึงเกิดความเวทนาต่อชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น และได้ทบทวนไปว่า หากชาวบ้านคนนั้น มีวัตถุมงคลคุ้มครองป้องกันตัว อาจจะเกิดความแคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวงก็เป็นได้

ดังนั้น หลวงพ่อเพี้ยนจึงตั้งใจทบทวนศึกษาตำราเล่าเรียนทั้งวิชาจากบิดา และหลวงพ่อปาน แล้วสร้างเป็นวัตถุมงคลชิ้นแรกออกมา นั่นคือ "ตะกรุดโทน" โดยใส่ทั้งวิชาคาถาอาคม และจิตที่มุ่งมั่นที่อยากให้คนที่พกติดตัวไว้นั้น แคล้วคลาดปลอดภัย

ทั้งนี้ กว่าจะสำเร็จออกมาเป็นตะกรุดโทนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จะต้องมีการจารอักขระเลขยันต์ และมีการผ่านพิธีอันสำคัญอย่างหนึ่งนั่นก็คือ การจารตะกรุดใต้น้ำ โดยท่านต้องดำน้ำลงไปจารอักขระบนแผ่นโลหะ ซึ่งคาถาที่ลงไปนั้นเน้นด้านคงกระพันชาตรี และมหาอุด

ไม่เพียงแต่ตะกรุดโทนเท่านั้น วัตถุมงคลและ พระเครื่องอื่นๆที่ท่านได้ทำออกมาด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ จึงสร้างประสบการณ์เป็นที่ปรากฎไว้มากมายด้านแคล้วคลาดปลอดภัย

อาทิ เสือ/สิงห์,มีดหมอ,เหรียญรูปเหมือน,พระสมเด็จ,พระกริ่ง-ชัยวัฒน์

โดยปัจจัยที่ได้จากการให้เช่าวัตถุมงคลนั้น ทุกบาททุกสตางค์ ท่านนำไปใช้ในการทำนุบำรุงวัดวาอาราม ศาสนสถาน ซึ่งไม่เพียงแต่พัฒนาวัดเกริ่นกฐินเท่านั้น ท่านยังมีวิสัยทัศน์ มองไปถึงความยากลำบากของชุมชนด้วยจึงสร้างสาธารณประโยชน์ไว้มากมาย เช่น ถนนลาดยางจากถนนสายหลักท่าโขลง บ้านหมี่ เข้าสู่หมู่บ้าน เป็นต้น

วันที่ 5 ธันวาคม 2548 เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หลวงพ่อเพี้ยน ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนาม "พระครูวิมลสมณวัตร" เข้ารับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ณ วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2548

บั้นปลายชีวิตในช่วงที่ท่านอายุมากเกิดอาพาธบ่อยครั้ง โดยครั้งสุดท้ายฉันอาหารไม่ได้ ปัสสาวะไม่ออก ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ที่โรงพยาบาลทรวงอก อ.เมือง จ.นนทบุรี จนกระทั่งวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 เวลาประมาณ 03:25 น. ท่านได้ละสังขารไปอย่างสงบ สิริอายุ 91 ปี พรรษา 41

แม้หลวงพ่อเพี้ยน อคฺคธมฺโม จะละสังขารไปแล้6ปีแล้ว ยังคงมีรูปหล่อองค์หลวงพ่อเพี้ยนเท่าองค์จริงตั้งไว้ที่วัดเกริ่นกฐิน และรูปหล่อหลวงพ่อปาน พระอาจารย์ของท่านอยู่คู่กัน เพื่อให้ประชาชนผู้มีศรัทธาเลื่อมใสมากราบไหว้ขอพร

#ฉัตรสยาม




 
 
 

Kommentare


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page