"ย้อนรอยเกจิดัง"
ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย. 2566
"หลวงปู่ลือ ปุญโญ"วัดป่านาทามวนาวาส
อริยสงฆ์นามระบือ"พระลือผีย่าน(ผีกลัว)"
เกจิดังมุกดาหารสายกรรมฐานอาจารย์มั่น
"หลวงปู่ถิน"วัดคอนสาย/ศิษย์สืบทอดวิชา
"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ
"หลวงปู่ลือ สุขปุญโญ” หรือ “พระครูคัมภีร์ภาวนาจารย์” อดีตเจ้าอาวาสวัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พระสงฆ์ผู้ ทรงอภิญญา เคร่งกัมมัฏฐาน ศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์พระป่า ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่ขาว อนาลโย, พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และพระอาจารย์ชา สุภัทโท ฯลฯ
ท่านเกิดที่บ้านไร่ ต.บ้านไร่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2542 ปีระกา ขึ้น 10 ค่ำ ในตระกูล "ใจทัศน์" โยมบิดาชื่อ "จันทร์" โยมมารดาชื่อ "พัน" ท่านสละเพศฆราวาสเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์เมื่ออายุได้ 18 ปี ได้ร่ำเรียนวิชา สน-มูล-นาม ซึ่งเป็นพื้นฐานของวิชาบาลีไวยากรณ์ในเบื้องต้นจนแตกฉาน พออายุได้ 22 ปี จึงเปลี่ยนญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุต โดยมีหลวงพ่อดี วัดศิลามงคล จ.มุกดาหาร สอนกรรมฐานให้ท่านเป็นท่านแรก
หลวงปู่ลือท่านมีจิตใจแน่วแน่ที่ไม่สามารถหลอมให้กลายเป็นอย่างอื่นได้ ด้วยความตั้งมั่นของท่านถึงขนาดนั่งภาวนาหันหน้าลงเหว เพื่อฝึกปฏิบัติขัดเกลาจิตใจให้เป็นสมาธิ เป้าหมายคือความหลุดพ้นเป็นที่ตั้ง สถานที่วิเวกทุกแห่งที่อาจารย์สายกรรมฐาน ศิษย์หลวงปู่มั่นทุกท่านธุดงค์ไปปักกลดฝึกภาวนา ท่านก็ได้ธุดงค์ไปมาหมดแล้วทุกแห่ง
ครั้งหนึ่งท่านได้ทราบข่าวว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เดินธุดงค์มาจำพรรษาที่วัดเกาะแก้วอัมพวัน จ.นครพนม ใกล้วัดพระธาตุพนม จึงเดินทางไปกราบนมัสการ และขอปวารณาตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาแนวธรรมะจากท่าน
หลวงปู่ลือได้ธุดงค์ไปพร้อมกับหลวงปู่เสาร์, หลวงปู่มั่น และเพื่อนสหธรรมิกจำนวนมาก เช่น หลวงปู่สิม, หลวงปู่ชอบ, หลวงปู่ขาว, หลวงปู่จาม, พระอาจารย์จวน, พระอาจารย์ฝั้น, พระอาจารย์ชา, หลวงพ่อบุญมา ฯลฯ ปลีกวิเวกไปตามป่าเขา โปรดญาติโยมโดยทั่วแถบภาคอีสานและภาคเหนือ ขณะร่วมธุดงค์เมื่อถึงจุดหมายต่าง ๆ ก็แยกย้ายกันปักกลดฝึกกรรมฐาน พอถึงเวลา 4 โมงเย็นของทุกวันก็จะพร้อมเพรียงกันเพื่อรับฟังโอวาทธรรมจากหลวงปู่มั่น
ในระหว่างที่หลวงปู่มั่นอบรมกรรมฐาน ท่านมักจะกล่าวยกย่องหลวงปู่ลือเสมอว่าเป็น "พระใจเด็ดใจเพชร" สหธรรมิกที่ร่วมคณะมาด้วยจึงสมญานามว่า "พระลือโลก…ผีย่าน(ผีกลัว)"
มีสานุศิษย์ที่ได้ออกร่วมธุดงค์กับท่าน ได้กล่าวถึงอิทธิฤทธิ์อภิญญาของหลวงปู่ลืออีกว่า ขณะที่ธุดงค์จากที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งเป็นระยะทางยาวไกลมาก แต่หลวงปู่ก็สามารถไปถึงที่หมายก่อนใคร ซึ่งเชื่อกันว่า ท่านสามารถย่นระยะทางได้..?!
กล่าวกันว่า เมื่อสมัยที่หลวงปู่ลือยังมีชีวิตอยู่นั้น ทุกสถานที่ซึ่งหลวงปู่ลือได้เหยียบย่างไป ตรงไหนที่เล่าลือกันว่า เจ้าที่แรง ผีดุ แต่เมื่อท่านได้มาปักกลดลงยังที่ตรงนั้น สถานที่แห่งนั้นก็จะร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ท่านกลายเป็นที่นับถือบูชาของชาวจังหวัดมุกดาหารเรื่อยมาจวบจนถึงวันสุดท้ายก่อนที่ศิษย์หลวงปู่มั่นท่านนี้จะจากไป พร้อมกับความอาลัยของชาวมุกดาหารทุกคน
หลวงปู่ลือ เป็นผู้หยั่งรู้อนาคตได้ล่วงหน้า กรณีเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารโหม่งโลกที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2523 ครั้งนั้นมีพระเกจิกัมมัฏฐานรับนิมนต์ไปร่วมพิธีที่กรุงเทพฯ ร่วมโดยสารไป 5 รูป ได้แก่ 1.พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม
วัดสิริสาลวัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู 2.พระอาจารย์วัน อุตุตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร 3.พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ 4.พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร 5. พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม
วัดป่าประสิทธิ์สามัคคี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ทุกองค์มรณภาพทั้งหมด ครั้งนั้น เจ้าภาพได้นิมนต์หลวงปู่ลือด้วย แต่ท่านไม่รับ หลังนิมิตเห็นไฟไหม้หางเครื่องบินลำดังกล่าว
ในครั้งนั้นหลวงปู่ลือบอกว่า พระอาจารย์ทั้ง 5 รูปที่มรณภาพจากเหตุการณ์เครื่องบินตกนั้น แต่ละท่านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเป็นอย่างดี แต่ก็ยินยอมให้เป็นไปตามวิบากกรรม จิตของพวกท่านนั้น ฝึกฝนกันมาอย่างดีแล้ว จะได้รับเพียงแค่ทุกขเวทนาทางร่างกายเท่านั้น เพราะจิตกับกายนั้นได้แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง แตกดับไปก็แต่เฉพาะรูปขันธ์ทั้ง 5 เท่านั้น
วาระสุดท้าย วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2541 หลวงปู่ลือได้ละสังขารอย่างสงบ สิริอายุ 87 ปี พรรษาที่ 65 ในวันนั้นภายในวัดชุลมุนกันมาก เพราะไม่คาดคิดว่าหลวงปู่จะจากไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ท่านก็หายจากอาการเจ็บป่วยและกลับมาแข็งแรงเหมือนดังเดิมแล้ว ไม่นานนักบุคคลที่เกี่ยวข้องกับทางวัด ทั้งลูกศิษย์และหน่วยงานราชการ ตำบล อำเภอ ก็เดินทางกันมาที่วัดอย่างเนืองแน่น พร้อมทั้งเสนอข้อคิดเห็นต่างๆ นานาว่า "ควรจะเก็บสรีระสังขารของท่านเอาไว้ก่อน เพื่อให้สานุศิษย์ทั่วไปได้มีโอกาสมากราบสักการะ"
แต่พระอาจารย์เชื่อมศิษย์ของท่านได้กล่าวกับทุกคนว่า หลวงปู่มีคำสั่งเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งได้บันทึกเสียงของหลวงปู่ไว้ในเครื่องอัดเสียงเพื่อป้องเหตุวุ่นวายอันน่าจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งก็เป็นจริง เพราะหลายฝ่ายต่างมีความเห็นไม่ตรงกัน หลวงปู่ได้กล่าวไว้ในเครื่องอัดเสียงว่า ให้เผาทันทีหากท่านมรณภาพ และกำชับอย่างเด็ดขาดว่า “ตายเย็นให้เผาเช้า ตายเช้าให้เผาเย็น”
ทว่า พระอาจารย์เชื่อมได้ทักท้วงหลวงปู่ว่า ถ้าเผาทันทีจะเป็นที่ครหาต่อพระลูกวัดและผู้คนทั่วไปได้ ท่านกล่าวว่า “เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่ย่อมจะมีคนติเตียน ตายแล้วจะเก็บไว้ทำไม จะมาหากินกับศพหรือ จะเป็นบาปเป็นกรรม สังขารก็เป็นไปตามวัฏสงสารมีเกิดมีดับไปตามธรรมชาติ เป็นสมมุติสงฆ์ปุถุชนธรรมดามิใช่ศพพระพุทธเจ้าจะเก็บเอาไว้ทำไม อย่ามาทะเลาะกันเหมือนสุนัขแย่งของกันกิน คนมีปัญญาเขาจะมาหัวเราะเยาะเอา อย่าไปเรี่ยไรเงินเขา เป็นพระจะเอาเงินไปทำอะไร” แต่สุดท้ายหลวงปู่ลือก็ได้อนุญาตให้ทำพิธีได้ไม่เกิน 3 วัน
หลวงปู่ลือท่านอนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายรุ่นหลายรูปแบบ อาทิ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ปีพ.ศ.2535 แจกจ่ายเป็นที่ระลึกในงานฉลองอุโบสถ ปัจจุบันมีราคาค่านิยมสูง นอกจากนี้ ยังมีพระกริ่ง,พระสมเด็จ,พระปิดตา,พระผงรูปเหมือนรุ่นแรก ออกวัดลำผักชี กทม. ปี2530,รูปหล่อ,เครื่องรางของขลังต่างๆ เช่น รูปถ่ายห้อยคอ,ตะกรุด,ชานหมาก,ผ้ายันต์,ล็อกเก็ต ฯลฯ
ผู้ที่นำวัตถุมงคลของหลวงปู่ลือติดตัวจำนวนมากได้ประสบการณ์อภินิหารของวัตถุมงคลหลวงปู่หลายครั้ง โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด มหาอุด คงกระพัน และโชคลาภ จึงมีการกล่าวขานกันมาปากต่อปากว่า “มีหลวงปู่ลือ ไม่มีตายโหง และไม่มีจน”
ทั้งนี้ ศิษย์สืบทอดวิชาของท่านที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันคือ "หลวงปู่ถิน จันทธัมโม" อายุ105 ปี 39 พรรษา วัดคอนสาย อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร พระเถราจารย์เชี่ยวชาญกัมมัฏฐาน วัตรปฏิบัติดี ซึ่งสืบสายธรรมจากพระเกจิอาจารย์สายพระป่าหลายรูป โดยหลวงปู่ลือได้ถ่ายทอดวิชาปรอทธาตุกายสิทธิให้แก่ท่านจนแตกฉาน แต่ปัจจุปันหลวงปู่ถินเลิกทำเพราะอายุมากแล้ว
#ฉัตรสยาม
Comments