top of page
ค้นหา

"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย. 2566 "หลวงปู่ลือ ปุญโญ"วัดป่านาทามวนาวาส

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 25 มิ.ย. 2566
  • ยาว 1 นาที

"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย. 2566

"หลวงปู่ลือ ปุญโญ"วัดป่านาทามวนาวาส

อริยสงฆ์นามระบือ"พระลือผีย่าน(ผีกลัว)"

เกจิดังมุกดาหารสายกรรมฐานอาจารย์มั่น

"หลวงปู่ถิน"วัดคอนสาย/ศิษย์สืบทอดวิชา

"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ

"หลวงปู่ลือ สุขปุญโญ” หรือ “พระครูคัมภีร์ภาวนาจารย์” อดีตเจ้าอาวาสวัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร พระสงฆ์ผู้ ทรงอภิญญา เคร่งกัมมัฏฐาน ศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์พระป่า ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่ขาว อนาลโย, พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และพระอาจารย์ชา สุภัทโท ฯลฯ

ท่านเกิดที่บ้านไร่ ต.บ้านไร่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2542 ปีระกา ขึ้น 10 ค่ำ ในตระกูล "ใจทัศน์" โยมบิดาชื่อ "จันทร์" โยมมารดาชื่อ "พัน" ท่านสละเพศฆราวาสเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์เมื่ออายุได้ 18 ปี ได้ร่ำเรียนวิชา สน-มูล-นาม ซึ่งเป็นพื้นฐานของวิชาบาลีไวยากรณ์ในเบื้องต้นจนแตกฉาน พออายุได้ 22 ปี จึงเปลี่ยนญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุต โดยมีหลวงพ่อดี วัดศิลามงคล จ.มุกดาหาร สอนกรรมฐานให้ท่านเป็นท่านแรก

หลวงปู่ลือท่านมีจิตใจแน่วแน่ที่ไม่สามารถหลอมให้กลายเป็นอย่างอื่นได้ ด้วยความตั้งมั่นของท่านถึงขนาดนั่งภาวนาหันหน้าลงเหว เพื่อฝึกปฏิบัติขัดเกลาจิตใจให้เป็นสมาธิ เป้าหมายคือความหลุดพ้นเป็นที่ตั้ง สถานที่วิเวกทุกแห่งที่อาจารย์สายกรรมฐาน ศิษย์หลวงปู่มั่นทุกท่านธุดงค์ไปปักกลดฝึกภาวนา ท่านก็ได้ธุดงค์ไปมาหมดแล้วทุกแห่ง

ครั้งหนึ่งท่านได้ทราบข่าวว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เดินธุดงค์มาจำพรรษาที่วัดเกาะแก้วอัมพวัน จ.นครพนม ใกล้วัดพระธาตุพนม จึงเดินทางไปกราบนมัสการ และขอปวารณาตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาแนวธรรมะจากท่าน

หลวงปู่ลือได้ธุดงค์ไปพร้อมกับหลวงปู่เสาร์, หลวงปู่มั่น และเพื่อนสหธรรมิกจำนวนมาก เช่น หลวงปู่สิม, หลวงปู่ชอบ, หลวงปู่ขาว, หลวงปู่จาม, พระอาจารย์จวน, พระอาจารย์ฝั้น, พระอาจารย์ชา, หลวงพ่อบุญมา ฯลฯ ปลีกวิเวกไปตามป่าเขา โปรดญาติโยมโดยทั่วแถบภาคอีสานและภาคเหนือ ขณะร่วมธุดงค์เมื่อถึงจุดหมายต่าง ๆ ก็แยกย้ายกันปักกลดฝึกกรรมฐาน พอถึงเวลา 4 โมงเย็นของทุกวันก็จะพร้อมเพรียงกันเพื่อรับฟังโอวาทธรรมจากหลวงปู่มั่น

ในระหว่างที่หลวงปู่มั่นอบรมกรรมฐาน ท่านมักจะกล่าวยกย่องหลวงปู่ลือเสมอว่าเป็น "พระใจเด็ดใจเพชร" สหธรรมิกที่ร่วมคณะมาด้วยจึงสมญานามว่า "พระลือโลก…ผีย่าน(ผีกลัว)"

มีสานุศิษย์ที่ได้ออกร่วมธุดงค์กับท่าน ได้กล่าวถึงอิทธิฤทธิ์อภิญญาของหลวงปู่ลืออีกว่า ขณะที่ธุดงค์จากที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งเป็นระยะทางยาวไกลมาก แต่หลวงปู่ก็สามารถไปถึงที่หมายก่อนใคร ซึ่งเชื่อกันว่า ท่านสามารถย่นระยะทางได้..?!

กล่าวกันว่า เมื่อสมัยที่หลวงปู่ลือยังมีชีวิตอยู่นั้น ทุกสถานที่ซึ่งหลวงปู่ลือได้เหยียบย่างไป ตรงไหนที่เล่าลือกันว่า เจ้าที่แรง ผีดุ แต่เมื่อท่านได้มาปักกลดลงยังที่ตรงนั้น สถานที่แห่งนั้นก็จะร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ท่านกลายเป็นที่นับถือบูชาของชาวจังหวัดมุกดาหารเรื่อยมาจวบจนถึงวันสุดท้ายก่อนที่ศิษย์หลวงปู่มั่นท่านนี้จะจากไป พร้อมกับความอาลัยของชาวมุกดาหารทุกคน

หลวงปู่ลือ เป็นผู้หยั่งรู้อนาคตได้ล่วงหน้า กรณีเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารโหม่งโลกที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2523 ครั้งนั้นมีพระเกจิกัมมัฏฐานรับนิมนต์ไปร่วมพิธีที่กรุงเทพฯ ร่วมโดยสารไป 5 รูป ได้แก่ 1.พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม

วัดสิริสาลวัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู 2.พระอาจารย์วัน อุตุตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร 3.พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ 4.พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร 5. พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม

วัดป่าประสิทธิ์สามัคคี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ทุกองค์มรณภาพทั้งหมด ครั้งนั้น เจ้าภาพได้นิมนต์หลวงปู่ลือด้วย แต่ท่านไม่รับ หลังนิมิตเห็นไฟไหม้หางเครื่องบินลำดังกล่าว

ในครั้งนั้นหลวงปู่ลือบอกว่า พระอาจารย์ทั้ง 5 รูปที่มรณภาพจากเหตุการณ์เครื่องบินตกนั้น แต่ละท่านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเป็นอย่างดี แต่ก็ยินยอมให้เป็นไปตามวิบากกรรม จิตของพวกท่านนั้น ฝึกฝนกันมาอย่างดีแล้ว จะได้รับเพียงแค่ทุกขเวทนาทางร่างกายเท่านั้น เพราะจิตกับกายนั้นได้แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง แตกดับไปก็แต่เฉพาะรูปขันธ์ทั้ง 5 เท่านั้น

วาระสุดท้าย วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2541 หลวงปู่ลือได้ละสังขารอย่างสงบ สิริอายุ 87 ปี พรรษาที่ 65 ในวันนั้นภายในวัดชุลมุนกันมาก เพราะไม่คาดคิดว่าหลวงปู่จะจากไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ท่านก็หายจากอาการเจ็บป่วยและกลับมาแข็งแรงเหมือนดังเดิมแล้ว ไม่นานนักบุคคลที่เกี่ยวข้องกับทางวัด ทั้งลูกศิษย์และหน่วยงานราชการ ตำบล อำเภอ ก็เดินทางกันมาที่วัดอย่างเนืองแน่น พร้อมทั้งเสนอข้อคิดเห็นต่างๆ นานาว่า "ควรจะเก็บสรีระสังขารของท่านเอาไว้ก่อน เพื่อให้สานุศิษย์ทั่วไปได้มีโอกาสมากราบสักการะ"

แต่พระอาจารย์เชื่อมศิษย์ของท่านได้กล่าวกับทุกคนว่า หลวงปู่มีคำสั่งเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งได้บันทึกเสียงของหลวงปู่ไว้ในเครื่องอัดเสียงเพื่อป้องเหตุวุ่นวายอันน่าจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งก็เป็นจริง เพราะหลายฝ่ายต่างมีความเห็นไม่ตรงกัน หลวงปู่ได้กล่าวไว้ในเครื่องอัดเสียงว่า ให้เผาทันทีหากท่านมรณภาพ และกำชับอย่างเด็ดขาดว่า “ตายเย็นให้เผาเช้า ตายเช้าให้เผาเย็น”

ทว่า พระอาจารย์เชื่อมได้ทักท้วงหลวงปู่ว่า ถ้าเผาทันทีจะเป็นที่ครหาต่อพระลูกวัดและผู้คนทั่วไปได้ ท่านกล่าวว่า “เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่ย่อมจะมีคนติเตียน ตายแล้วจะเก็บไว้ทำไม จะมาหากินกับศพหรือ จะเป็นบาปเป็นกรรม สังขารก็เป็นไปตามวัฏสงสารมีเกิดมีดับไปตามธรรมชาติ เป็นสมมุติสงฆ์ปุถุชนธรรมดามิใช่ศพพระพุทธเจ้าจะเก็บเอาไว้ทำไม อย่ามาทะเลาะกันเหมือนสุนัขแย่งของกันกิน คนมีปัญญาเขาจะมาหัวเราะเยาะเอา อย่าไปเรี่ยไรเงินเขา เป็นพระจะเอาเงินไปทำอะไร” แต่สุดท้ายหลวงปู่ลือก็ได้อนุญาตให้ทำพิธีได้ไม่เกิน 3 วัน

หลวงปู่ลือท่านอนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายรุ่นหลายรูปแบบ อาทิ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ปีพ.ศ.2535 แจกจ่ายเป็นที่ระลึกในงานฉลองอุโบสถ ปัจจุบันมีราคาค่านิยมสูง นอกจากนี้ ยังมีพระกริ่ง,พระสมเด็จ,พระปิดตา,พระผงรูปเหมือนรุ่นแรก ออกวัดลำผักชี กทม. ปี2530,รูปหล่อ,เครื่องรางของขลังต่างๆ เช่น รูปถ่ายห้อยคอ,ตะกรุด,ชานหมาก,ผ้ายันต์,ล็อกเก็ต ฯลฯ

ผู้ที่นำวัตถุมงคลของหลวงปู่ลือติดตัวจำนวนมากได้ประสบการณ์อภินิหารของวัตถุมงคลหลวงปู่หลายครั้ง โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด มหาอุด คงกระพัน และโชคลาภ จึงมีการกล่าวขานกันมาปากต่อปากว่า “มีหลวงปู่ลือ ไม่มีตายโหง และไม่มีจน”

ทั้งนี้ ศิษย์สืบทอดวิชาของท่านที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันคือ "หลวงปู่ถิน จันทธัมโม" อายุ105 ปี 39 พรรษา วัดคอนสาย อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร พระเถราจารย์เชี่ยวชาญกัมมัฏฐาน วัตรปฏิบัติดี ซึ่งสืบสายธรรมจากพระเกจิอาจารย์สายพระป่าหลายรูป โดยหลวงปู่ลือได้ถ่ายทอดวิชาปรอทธาตุกายสิทธิให้แก่ท่านจนแตกฉาน แต่ปัจจุปันหลวงปู่ถินเลิกทำเพราะอายุมากแล้ว

#ฉัตรสยาม



 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page