ระลึก28ปีมรณกาล"พุทธทาสภิกขุ" มหาปราชญ์นักปฏิรูปพระพุทธศาสนา
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ รายงานว่า หากเอ่ยถึงนามของ "ท่านพุทธทาสภิกขุ" เชื่อว่าคงไม่มีพุทธศาสนิกชนคนใดในประเทศไทยที่ไม่ทราบนามของท่าน ผู้อุทิศตนให้กับศาสนาจนขนานนามตัวท่านเป็น "พุทธทาส" นำธรรมะมาสู่ชีวิตพร้อมร่วมเผยแผ่ธรรมะออกไปสู่ประชาชนอย่างสร้างสรรค์และเข้าใจง่าย ตลอดจนเรียงร้อยภาษาธรรมออกมาในรูปแบบร้อยกรองอย่างไพเราะ
พระธรรมโกศาจารย์ นามเดิม เงื่อม พานิช ฉายา อินทปญฺโญ หรือรู้จักในนาม พุทธทาสภิกขุ — 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2536) เป็นชาวอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 เริ่มบวชเรียนเมื่ออายุได้ 20 ปี ที่วัดบ้านเกิด จากนั้นได้เข้ามาศึกษาพระธรรมวินัยต่อที่กรุงเทพมหานคร จนสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค
แต่แล้วท่านพุทธทาสภิกขุก็พบว่าสังคมพระพุทธศาสนาแบบที่เป็นอยู่ในขณะนั้นแปดเปื้อนเบือนบิดไปมาก และไม่อาจทำให้เข้าถึงหัวใจของศาสนาพุทธได้เลย ท่านจึงตัดสินใจหันหลังกลับมาปฏิบัติธรรมที่อำเภอไชยา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของท่านอีกครั้ง พร้อมปวารณาตนเองเป็น "พุทธทาส" เนื่องจากต้องการถวายตัวรับใช้พระพุทธศาสนาให้ถึงที่สุด โดยเริ่มก่อตั้งสวนโมกขพลาราม ที่ อ.ไชยา เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2475 และหันมาใช้นามปากกา "พุทธทาส" แทนนามเดิมนับแต่นั้นมา
ท่านพุทธทาสภิกขุอุทิศตนเผยแผ่พระพุทธศาสนาจนกระทั่งถึงแก่มรณภาพอย่างสงบ ณ สวนโมกขพลาราม เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2536 สิริรวมอายุ 87 ปี 67 พรรษา
คำสอนอันโดดเด่นของท่านคือเรื่อง "การปล่อยวาง" ผลงานอันยิ่งใหญ่ของท่านคืองานนิพนธ์ชุด "ธรรมโฆษณ์" และงานนิพนธ์อีกไม่น้อยกว่า 350 เล่ม ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ และเป็นสงฆ์ไทยรูปแรกที่บุกเบิกการใช้โสตทัศนูปกรณ์สมัยใหม่สำหรับการเผยแพร่ธรรมะ และท่านมีสหายธรรมคนสำคัญ คือ พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ"หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ" วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี
ท่านพุทธทาสภิกขุได้รับการสดุดีว่าเป็นมหาปราชญ์แห่งพุทธธรรมทางบูรพาทิศ ที่มีเกีตรติคุณไม่น้อยไปกว่าท่านนาคารชุน ปราชญ์ใหญ่ฝ่ายมหายานในอดีต ปัญญาชนทั้งไทยและต่างประเทศถือว่า ท่านเป็นนักปฏิรูปพระพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดรูปหนึ่งของเมืองไทย
留言