top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

รำลึกคล้ายวันเกิดเกจิดัง“หลวงปู่อด นารโท”


เมืองอุบลฯ แห่งบ้านคำสมิง วันนี้ วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นวันคล้ายวันเกิด “หลวงปู่อด นารโท” พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดเวฬุวนาราม บ้านคำสมิง ตำบลเกษม อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอร่วมรำลึกคุณงามความดีของท่านที่มีต่อพระพุทธศาสนิกชน และสาธารณประโยชน์อย่างมากมาย ขอบารมีบุญของท่านปกป้องดูแลบรรดาศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาให้สุขสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ เจริญในหน้าที่การงานสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีโชคมีลาภ ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีทุกท่าน สาธุ

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561 เวลา 09.16 น. วงการสงฆ์สูญเสียพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกรูป “หลวงปู่อด นารโท” เจ้าอาวาสวัดเวฬุวนาราม บ้านคำสมิง ตำบลเกษม อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี มรณภาพด้วยโรคชรา รวมสิริอายุ 97 ปี 76 พรรษา

กล่าวสำหรับ หลวงปู่อด วัดพระครูเขมกิจโสภิต (อด นารโท) ท่านเป็นขรัวเฒ่าเจ้าอาคมเเห่งเมืองตระการ ศิษย์ครูใหญ่สำเร็จตัน วัดสิงหาญ เรียนวิชาเพิ่มเติมจากญาท่านตู๋ ญาท่านฤทธิ์ เเละ ฝึกวิชากรรมฐาน เรียนธรรมสายปราบ จากหลวงลุงพัน ญาท่านพู วัดบ้านคำสมิง และอยู่ใต้ ร่มบารมี ของญาท่านภู วัดคำสมิง ศิษย์รุ่นใหญ่ของหลวงปู่ใหญ่สมเด็จลุน เจนจบครบทุกศาสตร์วิชาตั้งธาตุ ไล่ ขับ ถอด ถอน ป้องกัน เเละเมตตามหาเน่ห์ สีผึ้งอ้อเทศน์นางมัทรี นามเดิมชื่อ “อด ผลจันทร์” เป็นบุตร ของนายอ้ม ผลจันทร์ นางหลอดผลจันทร์ เป็นคนที่ 8 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 9 คน เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2465 (ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 8 เดือน 8 ปี จอ) เหตุที่ได้ชื่อว่า “อด”นั้น หลวงปู่เมตตาเล่าให้ศิษย์ฟังว่า เมื่อตอนคลอด โยมแม่เคยเล่าไว้ว่า ตอนคลอดท่านออกมานั้น ถือไข้ด้วยก็ได้อยู่ไฟรักษา และกินยาหม้อด้วย เกิดแสลงยา ทำให้น้ำนมที่เคยมีกลับหายไปด้วย ตอนคลอดนั้นอ้วนท้วนสมบูรณ์ ผิวพรรณผุดผ่องน่ารักน่าเอ็นดู โยมพ่ออ้ม ผลจันทร์ จึงได้ไปจ้าง นางเหง้า ที่มีบุตรรุ่นเดียวกัน มาเป็นแม่นม ด้วยจำนวนเงิน 6 บาท ยามเช้าแม่นมก็มาให้นมก่อนที่จะไปทำไร่ทำนา พอตกเย็นก็ถึงจะได้กินนมอีกครั้ง ก่อนนอน เมื่อหิวก็ร้องไห้กวน โยมแม่หลอด ผลจันทร์ ก็ปลอบประโลมพร้อมกับพูดว่า “อดทนเอานะลูก” เรื่อยไป จึงได้ชื่อ ว่า “อด” คือทั้งอด และต้องทน (หลวงปู่พูดไปยิ้มไป) ด้วยความกตัญญูต่อแม่เหง้าแม่นม เมื่อท่านสิ้นชีวิตก็จัดงานฌาปนกิจในฐานะลูกอีกคนหนึ่งด้วย เมื่อเรียนจบชั้น ประถม 4 โยมพ่ออ้ม ผลจันทร์ ก็พามาฝากเป็นเด็กวัด เพื่อเรียนเขียนอ่านเพิ่มเติมและเรียนวิชาช่าง จาก “หลวงพ่อพัน บ้านกระ เดียน” ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง “หลวงพ่อพัน” นั้นเป็นศิษย์ของ “สำเร็จตัน บ้านสะพือ” ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของ “หลวงปู่สมเด็จลุน วัดเวินไชย จำปาสัก” หลวงพ่อพันเชี่ยวชาญชำนาญวิชาช่างและเป็นหมอธรรมรักษาผู้คนวิกลจริต จากผีไร่ผีนา และ ไปมาหาสู่กับญาท่านตู๋ ธัมมสาโร วัดสุขาวาส ญาท่านฤทธิ์ โสภิโต วัดสระกุศกร ประจำ เมื่อปี พ.ศ.2483 อายุได้ 18 ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และได้ออกธุดงค์ไปพร้อมกับหลวงพ่อพัน ตะพายหนังประจำวัน (อาสนะหนังหมี) พร้อมอัฏฐะ บริขาร ไปตามเขาลำเนาไพร ฝึกจิต และได้ศึกษาวิชาอาคมพอได้ป้องกันตัว เมื่อใกล้เข้าพรรษก็กลับมาที่บ้านคำสมิง อายุครบบวช 20 ปี ในปี พ.ศ.2485 แต่ไม่ได้เข้าพรรษา เพราะเกณฑ์ทหารจับใบแดงได้ ต้องไปเป็นทหารช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (สงครามญี่ปุ่น) หลังจากปลดประจำการเมื่อปี พ.ศ.2487 จึงได้อุปสมบทเป็นครั้งที่ 2 โดยมี ญาท่านช่วย วัดบ้านคอนสาย เจ้าสำนักเรียนเทศน์มัทรี เป็นพระอุปัชฌาย์ มีหลวงพ่อภู ถาวโร วัดคำสมิง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อผู๋ ตนังกโร วัดบ้านคอนสาย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “นารโท” เมื่ออุปสมบทเสร็จจึงได้ไปเทศน์มัทรี ที่บ้านคอนสาย และอยู่จำพรรษกับพระอุปัชฌาย์ถึง 7 ปี “พระอด นารโท” พระหนุ่มรูปงาม นักเทศน์มัทรี ชื่อดังในสมัยนั้น ได้ตระเวนเทศน์เสียงในเขตอำเภอตระการพืชผล และชื่อเสียงโด่งดังข้ามอำเภอถึงอำเภอพนา อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และชื่อเสียงโด่งดังไปถึง สปป.ลาว ได้รับนิมนต์ไปเทศน์หลายต่อหลายครั้ง ขี่ม้าตระเวนเทศน์ มีแม่ยกติดตามฟังมาก เชื่อว่าท่านมีวิชา “สีผึ้ง” ดีจากครูบาอาจารย์ จึงเป็นที่อิจฉาของนักเทศน์ด้วยกัน เมื่อไปเทศน์ต่างถิ่น ก็ต้องระวังตัว นอกจากเทศน์แล้ว วิชาอาคมเรื่องป้องกันตัวก็ต้องชำนาญก่อนที่จะขึ้นธรรมมาสน์เทศน์ต้องไหว้ครูดูอาสนะที่นั่ง ป้องกันภัย ถึงกระนั้นเมื่อท่านเทศน์ไปสักพักก็รู้สึกมีอะไรมาวนเวียนรอบตัว ท่านกำหนดจิตบริกรรมคาถา แล้วยกมือกำ และก็เอาวางที่อาสนะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเทศน์จบ แถมสมภารเสร็จ ท่านจึงพิจารณาดูว่า เป็นอะไร ถึงกับตะลึงเมื่อสิ่งที่มองเห็นนั้นคือ เศษผมคน เป็นกระจุกเท่าลูกมะนาว พอลงจากธรรมมาสน์ ท่านก็กวาดตา มองรอบๆก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อทายกประกาศเรียกชื่อนักเทศน์ อีกวัดที่จะเทศน์ต่อกลับไม่เห็น ซึ่งท่านก็รู้ว่าเป็นใครแต่ ไม่ได้ติดใจเอาความ (ท่านเล่าว่าวิชาเหล่านี้หากใช้ในทางที่ถูกก็เป็นคุณมากเช่นการรักษาคนป่วยที่ไม่ค่อยแข็งแรงใช้วิชาธาตุพยุงสังขารให้เบาตัว) ท่านเป็นพระหนุ่มรูปงามมีอัธยาศัยดี จึงเป็นที่รักของพระผู้ใหญ่ เช่น ญาท่านบุตร วัดหนองไข่นก อ.ม่วงสามสิบ ญาท่านกร อ.พนา หลังจากอยู่กับพระอุปัชฌาย์ 7 ปี แล้ว ท่านจึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดคำสมิงบ้านเกิด ได้เรียนวิชาเพิ่มเติมจาก ญาท่านภู ถาวโร พระกรรมวาจาจารย์ท่าน ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นยุคต้นของสมเด็จลุน และไปมาหาสู่ต่อ วิชาธรรมรักษาคน และขับไล่ภูตผีปีศาจ จากหลวงพ่อพันลุงของท่าน และยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์สำเร็จตัน วัดสะพือ หลวงปู่ญาท่านตู๋ ธัมมสาโร วัดสุขาวาส ญาท่านฤทธิ์ โสภิโต วัดสระกุศกร อำเภอตระการพืชผล แหล่งรวมสรรพวิทยา อาคมอีกสายหนึ่งของสมเด็จลุนเป็นสถานที่มีครูบาอาจารย์พระผู้ใหญ่สืบทอดไม่ขาดสาย ด้านวิชาช่างสงเคราะห์ ท่านเป็นผู้ที่มีความชำนาญในด้านการสับลาย ติดกระดาษประดับ นับตั้งแต่ประดับโบสถ์ ศาลา บั้งไฟ แม้กระทั่งงานติด ประดับ โลงศพ ของพระเถระผู้ใหญ่ที่มรณภาพ นำพาชาวบ้านพัฒนาจนรุ่งเรือง และสืบต่อตำแหน่งเจ้าอาวาสจาก ญาท่านภู ถาวโร อาจารย์ของท่านเอง หลวงปู่อด นารโท ขรัวเฒ่าเจ้าอาคมแห่งเมืองตระการพืชผล สืบทอดวิชาอาคมของครูรุ่นใหญ่ หลวงปู่สำเร็จตัน หลวงปู่ญาท่านภู ญาท่านตู๋ ญ่าท่านฤทธิ์ เจนจบครบทุกศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นวิชา วิชาตั้งธาตุ ไล่ ขับ ถอด ถอน ป้องกัน เเละเมตตามหาเสน่ห์ สีผึ้งอ้อเทศน์นางมัทรี นับวันที่จะหายากและสูญสลายไปตามการเวลา เหมือนกับ สหธรรมิก ของท่าน หลวงปู่สอน สุภัทโท วัดลาดควาย หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู ที่ยังเหลือก็มีไม่มาก หลวงปู่บรรยงค์ ทัสสนะธัมโม วัดตุงลุง อ.โขงเจียม หลวงปู่เก่ง ธนวโร อ.พิบูลมังสาหาร และศิษย์รุ่นน้องหลวงปู่คล้าย อธิเตโช หลวงปู่อ่อง ฐิตะธัมโม สองพระเถระจากอ.ตระการพืชผล พอที่จะได้เป็นที่พึ่งของญาติโยม วัดเวฬุวนาราม วัดเก่าแก่ดั้งเดิม อายุการ ก่อตั้งมายาวนาน มีครูบาอาจารย์สืบทอดไม่เคยร้างจากพระเถระผู้ใหญ่ ในปี 2559 วาระครบ 172 ปีวัดเวฬุวนาราม บ้านคำสมิง ท่านได้เมตตาให้ “นายศุภฤทธิ์ พิมพระวัตร” ได้จัดสร้างวัตถุมงคลอย่างเป็นทางการครั้งแรกเพื่อหาปัจจัย มาก่อสร้างกำแพง วัดที่ชำรุดทรุดโทรม จัดตั้งเป็นกองทุนสุขภาพ และหาทุนบูรณะวัดให้เจริญมั่นคงวัฒนาถาวรสืบต่อไป ร่วมเนื้อนาบุญกับหลวงปู่อดไม่มีคำว่า “อด” เพราะท่านย้ำเสมอ “อดทนแล้วจะร่ำรวย”

การละสังขารของท่านสร้างความอาลัยแห่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาอย่างมาก

ดู 93 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page