top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

สิ้น!เกจิดังหลวงพ่อมาลัย อุทโย


มรณภาพด้วยโรคชราสิริอายุ80ปี

ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ รายงานว่า แวดวงสงฆ์สูญเสีย พระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกรูป พระครูอุทัยธรรมสาคร หรือหลวงพ่อมาลัย เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร มรณภาพด้วยโรคชราที่ โรงพยาบาลสมุทรสาคร วันที่ 15 กันยายน​ พ.ศ.2563เมื่อเวลา17.08 น. รวมสิริอายุ 80 ปี 7 วัน 55 พรรษา ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ น้อมถวายความอาลัยหลวงพ่อสู่นิพพาน

หลวงพ่อมาลัย เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ได้รับการยกย่องเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า จัดสร้างเครื่องรางวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม และแคล้วคลาด หลายต่อหลายรุ่น มาแล้ว

วัตถุมงคลที่เป็นที่ร่ำลือกันมากของ หลวงพ่อมาลัย คือ สมเด็จไผ่ และตะกรุดผงว่าน ใบลาน หรือที่รู้จักกันดี คือ ตะกรุดตี๋ใหญ่ ที่ทำให้หลวงพ่อมาลัยมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เป็นพระที่มีความมุมานะ อุตสาหะ ฝักใฝ่เรียนรู้ ครั้งเมื่อบวชเป็นพระ ในพรรษาแรก หลวงพ่อมาลัยท่านก็สามารถสวดบทสวดพระปาฏิโมกข์เป็นแบบภาษารามัญได้อย่างชัดเจน

เครื่องรางของขลัง "ตะกรุดตี๋ใหญ่" เป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับกล่าวขานมากเช่นกัน มีที่มา คือ ในยุคที่จอมโจรชื่อดังตี๋ใหญ่ ได้เดินทางมาเที่ยวที่ท่าฉลอม ได้เข้ามาขอพึ่งใบบุญจากหลวงพ่อมาลัย ตี๋ใหญ่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อมาลัยเก่งมาก" อยากศึกษาวิชาด้วย และฝาก ตัวเป็นศิษย์ สมัยนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมักจะพูดว่า ตี๋ใหญ่เป็นผีไม่ใช่คนธรรมดา เพราะสามารถหายตัวล่องหนได้ ซึ่งเชื่อว่าตี๋ใหญ่มีวิชาคาถามหากำบัง

ตี๋ใหญ่ มาพบหลวงพ่อมาลัยประมาณ 3 ครั้ง ทั้งขอเครื่องรางของขลังจากหลวงพ่อมาลัย และฝากตัวเป็นศิษย์ อีกทั้งยังได้รับปากว่าจะกลับตัวเป็นคนดี หลวงพ่อจึงได้มอบตะกรุดผงว่านใบลาน ซึ่งเป็นตะกรุดที่คลึงจากมือ ทำให้ตี๋ใหญ่รอดพ้นแคล้วคลาดจากการถูกจับกุมอย่างเหลือเชื่อ จนเป็นที่มาของตะกรุด ชาวบ้านขนานนามว่า "ตะกรุด ตี๋ใหญ่"

นามเดิม “มาลัย แตงอ่อน” เกิดวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2483 ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 10 ณ บ้านเลขที่ 63 หมู่ 8 ต.แสมดำ อ.บางขุนเทียน กรุงเทพฯ มีพี่น้องร่วมกัน 6 คน ท่านเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ในช่วงวัยเยาว์ ท่านมีความผูกพันกับพระพุทธศาสนา ติดตามผู้ใหญ่เข้าวัดฟังธรรม ทำให้ได้รับการปลูกฝังให้ใกล้ชิดกับพระศาสนาไปในตัว

เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2509 เวลา 13.00 น. ณ พัทธสีมาวัดบางกระดี่ แสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ โดยมีพระเทพญาณมุนี วัดราชโอรสาราม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์สง่า การวิโก วัดบางกระดี่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูสงวน อาสโภ วัดกำพร้า เป็นพระอนุสาวนาจารย์

กล่าวกันว่าในสมัยนั้นที่วัดบางหญ้าแพรก มีพระจำพรรษาอยู่ไม่มากนัก พื้นที่ของวัดรกร้างเต็มไปด้วยป่าโกงกาง ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2517 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ปีขาล พระเทพสาครมุนี (หลวงปูแก้ว) วัดสุทธิวาตวราราม (ช่องลม) ได้มอบตราตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส

จากนั้น จึงเริ่มบูรณปฏิสังขรณ์ พัฒนาทุกสิ่งทุกอย่าง นำความรู้ความสามารถมาพัฒนาวัด จนทัดเทียมวัดอื่นในละแวกนั้น ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลท่าฉลอม

สำหรับสมณศักดิ์เริ่มจากพระฐานานุกรม เป็นพระครูวินัยธร พระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์ และได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนาม พระครูอุทัยธรรมสาคร ในปัจจุบัน

หลวงพ่อมาลัย มีวัตรปฏิบัติมิด่างพร้อย ท่านเป็นพระเถระที่เคร่งครัดพระธรรมวินัย มีความเมตตากรุณาเป็นหลัก ยึดมั่นอยู่ในศีลธรรม อันดี มีจิตใจเมตตา

อีกทั้งท่านยังช่วยเหลืออุปถัมภ์โรงเรียนบางหญ้าแพรก ในเรื่องการสนับสนุนด้านทุนการศึกษา โครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ส่งเสริมให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษาแก่เด็กนักเรียนในพื้นที่ ประมาณปี พ.ศ.2523 หลวงพ่อมาลัย ได้เดินทางไปงานมุทิตาสักการะหลวงพ่ออุตตมะ ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

ครั้นเมื่อไปถึงหลวงพ่อมาลัย ได้พบสิ่งแปลกประหลาด คือ มีกอไผ่ที่ไฟไม่ไหม้ มีอยู่เพียง 1 กอเท่านั้น ที่บริเวณวัดของหลวงพ่ออุตตมะ ส่วนกอไผ่กออื่นๆ ล้วนโดนไฟไหม้หมด

สิ่งนี้เองทำให้หลวงพ่อเกิดประหลาดใจ จึงได้ขอไผ่กอนั้นจากหลวงพ่ออุตตมะ และได้นำไผ่กอนั้นกลับมาที่วัดบางหญ้าแพรก เพื่อที่จะเอาเนื้อของไผ่ชนิดนี้ มาบรรจุผสมเข้าเพื่อจัดสร้างวัตถุมงคลอันประกอบไปด้วยไผ่มงคลทั้ง 9 ชนิด ซึ่งเป็นที่มาของ 'สมเด็จไผ่' ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านแคล้ว คลาด คงกระพันชาตรี

ดู 34 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page