top of page
ค้นหา

"หลวงตาสุ่ม สิรินฺธโร"วัดหนองหว้า

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

"หลวงตาสุ่ม สิรินฺธโร"วัดหนองหว้า

เกจิโคราชทายาทพุทธาคม"หลวงปู่คง"

อดีตอาจารย์สักยันต์-ตำนานสายเหนียว


พระดีเกจิดังแห่งเมืองย่าโมที่กราบไหว้ได้สนิทใจในยุคนี้อีกรูป...พระครูสิทธิธรรมธร (สุ่ม สิรินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดหนองหว้า อ.คง จ.นครราชสีมา อายุ83ปี ศิษย์พุทธาคมสายตรง

หลวงปู่คง ฐิติปัญโญ วัดตะคร้อ ทุกคนจะเรียกท่านว่า หลวงตาสุ่มบ้าง หลวงพ่อสุ่มบ้าง หลวงปู่สุ่มบ้าง บางท่านก็เรียก"หลวงเตี่ย" ทุกสรรพนามที่เรียกล้วนมาจากความรักและเคารพสุดหัวใจของศิษยานุศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อท่าน

ท่านเกิดเมื่อวันเสาร์แรม 3 ค่ำ เดือน 9 ปีพ.ศ.2482 ปีเถาะ ณ บ้านต.หนองมะนาว อ.คง จ.นครราชสีมา สำหรับที่มาของชื่อ"สุ่ม" มูลเหตุคือครอบครัวท่านมีอาชีพทำนา เมื่อบิดามารดาลงนาก็จะเอาท่านขังสุ่มไก่เอาไว้ เพื่อป้องกันอันตรายจากการเล่นซุกซน ท่านจึงถูกขนานนามว่า "สุ่ม"ตั้งแต่นั้นมา


เมื่อท่านเจริญเติบโตขึ้นบิดามารดาจึงนำท่านไปฝากเรียนที่วัดประคำอารามศรี ได้ศึกษาอักขระขอม ไทย บทมนต์ต่างๆจากพระอาจารย์พร และพระอาจารย์จี่ ต่อมาท่านได้ออกท่องเที่ยวหาความรู้ โดยเดินทางไปแถบจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ซึ่งแต่ก่อนไม่เจริญเต็มไปด้วยชุมโจร ไปจนถึงเขาลูกหนึ่งเรียกกันว่า "เขตสิงห์ป่าซุง" ซึ่งเขาลูกนี้ชุมเสือแบ่งกันปกครอง มี 4 ชุมเสือ โดยจะไม่ข้ามเขตกัน ใครหลงเข้าไปมีแต่ตายกับตาย

แต่ท่านอยากได้วิชาจึงข้ามไปจนถึงเขตจังหวัดชลบุรีเพื่อไปฝากตัวเป็นศิษย์"อาจารย์ปรั่ง" อาจารย์สักยันต์ชื่อดังแห่งเมืองชลบุรีในสมัยนั้น ซึ่งถือเป็นรอยสักแรกที่ท่านได้รับการประสิทธิประสาท

แม้ท่านจะมีของดีไว้ป้องกันตัว เที่ยวงานบ้านไหนไม่เคยมีเรื่องกับใคร นอกจากว่า จะมีคนมาหาเรื่องก็ไม่ยอมให้ใครมาหยามได้ จึงเป็นที่รักของเพื่อนๆ เพราะเป็นคนจริง มีสัจจะเป็นที่ตั้ง เที่ยวทำงานและเรียนวิชาตามที่ต่างๆ มาจนถึงระยะหนึ่งเกิดอาการเจ็บป่วยด้วยไข้ดง เนื่องจากตรากตรำงานในป่าดงเป็นเวลานาน รักษาอย่างไรก็ไม่หาย บิดามารดาจึงนำไปฝากตัวเข้าสู่บวรพุทธศาสนา กราบลาอุปสมบทในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2514 ณ อุโบสถวัดตะคร้อ โดยมีพระครูคงคนครพิทักษ์ (หลวงปู่คง) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาสมจิตร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาประเสริฐ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า"สิรินฺธโร"


หลังอุปสมบทปรากฏว่าโรคภัยต่างๆหายสิ้นจึงตัดสินใจถวายชีวิตเป็นพุทธบูชาตั้งแต่นั้นมา จากนั้นได้มาจำพรรษาอยู่กับพระครูประโชติธรรมพิทักษ์ (หลวงพ่อแสน) เจ้าอาวาสวัดหนองหว้า ซึ่งเปรียบเสมือนพี่ชายของท่าน และเป็นพระนักเทศน์ชื่อดังในสมัยนั้น โดยท่านเก็บตัวเงียบ อาศัยอยู่กุฏิเล็กในสวนป่าของวัด เร่งเพียรวิชา ฝึกฝนวิชาอาคมต่างๆ เมื่อสงสัยในธรรมะก็จะถามหลวงพ่อแสน เมื่อสงสัยในวิชาอาคมต่างๆ ก็จะไปสอบถามหลวงปู่คง พระอุปัชฌาย์ซึ่งถือเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศองค์หนึ่ง ซึ่งสมัยนั้นพระเกจิดังๆในโคราชก็ต้อง3รูปนี้คือ 1.หลวงปู่นิล วัดครบุรี 2.หลวงปู่คง วัดตะคร้อ 3.หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่


สำหรับวิชาที่ท่านได้มามากที่สุดคือวิชาของหลวงปู่คง วัดตะคร้อ อีกทั้งได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับพระเถราจารย์ผู้เชี่ยวชาญในสมัยนั้นคือ เจ้าคุณพระปทุมญาณมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาในขณะนั้นและหลวงพ่อพระมหาธนิต ปัญญาปสุตโต ปธ.9 นอกจากนี้ยังได้ร่วมธุดงค์พระวิปัสสนาจารย์แห่งประเทศไทยกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ)วัดมหาธาตุอีกด้วย


ท่านมุ่งมั่นศึกษาวิชาอาคมจากพระเกจิอาจารย์และฆราวาสผู้เรืองเวทย์ในสถานที่ต่างๆทางไปจนถึงสระบุรี วนมาถึงหนองคาย แล้วขึ้นเหนือไปเชียงรายแล้วกลับมายังวัดหนองหว้า ศึกษาวิชาอาคมต่อกับหลวงปู่ก่ำ วัดบ้านไร่ หลวงปู่ธัมมา ซึ่งทั้ง2รูปนี้เป็นทายาทศิษย์เอกหลวงปู่เสี่ยง วัดเสมาใหญ่ โดยได้รับถ่ายทอดวิชาถ่ายรูปให้รูปขลัง วิชาเสกด้าย และพระคาถาต่างๆ


ครั้งหนึ่งสมัยที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ จำพรรษาอยู่ที่วัดสระแก้ว อ.เมือง จ.นครราช สีมา ท่านได้ไปกราบขอบารมี หลวงพ่อคูณถามท่านว่า “พระสูบยาเป็นไหม” ท่านตอบว่า “เป็นครับ” แล้วก็นั่งสูบยาอยู่ด้วยกัน จากนั้นหลวงพ่อคูณจึงทำพิธีฝังตะกรุดทองคำให้ และได้ศึกษาตำราพระครูสิทธิบริหาร (หลวงปู่ขุน) ศึกษาตำราหลวงปู่เขียว วัดปอบิด

หลวงปุ่สุ่มท่านเป็นอาจารย์สักยันต์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ในหมู่ชายชาตรี มักกล่าวกันว่า สักยันต์กับพระอาจารย์สุ่มเหนียวจนหมากัดไม่เข้า โดยท่านเล่าถึงมูลเหตุแรกเริ่มก่อนที่จะได้มาสักยันต์ เริ่มจาก"อาจารย์สี"จังหวัดเชียงรายเป็นผู้ทรงคาถามาก ท่านมีลูกศิษย์ชื่อ"สี" เหมือนกัน (หมอลำสี หาเหตุ) ได้นำหมอลำไปแสดงที่เชียงรายแล้วเกิดมีเรื่องกับนักเลงเจ้าถิ่นต่างคนต่างไม่ยอมกัน ทั้งยิงกัน ฟันกัน แต่ไม่มีใครทำอะไรกันได้ ต่างคนต่างเหนียว จึงสอบถามปรากฏว่าเป็นศิษย์ครูเดียวกัน เช้าวันต่อมาจึงไปกราบอาจารย์สี และเป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา


ด้วยเหตุนี้"หมอลำสี"จึงนำคาถาที่อาจารย์สี มอบให้ นำมาพร้อมหมู่เพื่อนจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถเดินทางไปถึงจังหวัดเชียงรายได้ แต่อยากมีลายสักเหมือนหมอลำสีบ้าง มาขอร้องและมอบคาถาอาจารย์สี ให้หลวงปู่สุ่มทำพิธีสักให้ ท่านพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นวิชาที่ขลังมาก จึงทำพิธีขอวิชาท่านเจ้าของตำราและทำพิธีสักให้บนโรงลิเกเก่า วัดหนองหว้า ปรากฏว่าพวกที่สักไปได้พบเจอกับปฏิหาริย์ต่างๆ ทั้งหมากัดไม่เข้า เข็มฉีดไม่เข้า ฟันแทงไม่เข้า ทำให้ชายหนุ่มทั้งหลายต่างแห่มาขอสัก กล่าวได้ว่า หากเจอคนอายุสัก40-60 ปี เกือบทั้งหมดในหมู่บ้านล้วนมีลายสักยันต์หลวงปู่สุ่มกันทั้งนั้น แต่ปัจจุบันท่านเลิกสักแล้ว


ลูกศิษย์รุ่นแรกๆที่เป็นที่รู้จักและมักพูดถึงอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือนายดี บ้านโนนแดง ศิษย์ผู้ได้รับการสักจากท่าน นายดีผู้นี้ไม่ธรรมดา ตีรันฟันแทงรอดทุกครั้ง เป็นคนใจนักเลง ครั้งหนึ่งถูกรุมจากคู่อริ ชาวบ้านต่างพูดกันว่ายังไงก็ไม่รอด เมื่อคู่อริหนีไปแล้ว นายดีไม่มีเลือดออกแม้แต่หยดเดียว ยกมือขึ้นหัว ลูบหัว แล้วเดินกลับบ้านแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างร่ำลือถึงวิชาในตัวนายดี แต่สุดท้ายก็เสียชีวิต เพราะไปสักทับรอยที่ท่านเคยสักให้ จึงทำให้วิชาอ่อนลงและศัตรูสามารถทำร้ายได้ ท่านพูดด้วยความสงสารศิษย์ที่ไม่ฟังคำท่านที่เคยบอกไว้ว่า ห้ามสักทับรอย


หลวงปู่สุ่มท่านให้ความเมตตาแก่คนทุกชนชั้น เมื่อลูกหลานไม่สบาย ค้าขายไม่ดี จะเดินทางใกล้ไกล ตั้งแต่เกิดจนตายเมื่อมีความเดือดร้อนก็จะมาให้ท่านช่วยปัดเป่าให้ทุกรายไป โดยท่านจะให้หันหน้าเข้าฝา เป่าๆ เสกๆ เป็นอันใช้ได้ จึงมีฉายาที่เรียกกันว่า “หลวงพ่อแสนชอบสวด หลวงพ่อสุ่มชอบเสก” ความหมายคือ หลวงพ่อแสน ท่านเป็นพระที่ทรงภูมิความรู้ สวดบทไหนเป็นล้มบท ไม่มีการตัดบทแม้แต่บทเดียว พระในวัดต่างให้ความเคารพและเกรงใจท่านมาก ถ้าท่านพูดคำเดียวไม่ว่าชาวบ้านหรือพระก็ต้องฟังท่านหมด ส่วนหลวงปู่สุ่มเป็นผู้ช่วยเป็นผู้ทรงเวทย์วิทยาคม เก่งในด้านการปลุกเสกเครื่องรางของขลังต่างๆ เริ่มจากการเป็นอาจารย์สักยันต์ ทำตะกรุด ผ้ายันต์ พระผง ตามโบราณจารย์ท่านเคยทำมา


ครั้งหนึ่งท่านเล่าว่า ได้นั่งอยู่ในโบสถ์วัดแห่ง หนึ่งได้เห็นกระดาษเป็นรูปยันตจึงจดจำวิธีลงและเสกยันต์นั้นได้จนขึ้นใจ แล้วนำมาทำตะกรุด ลองให้ลูกศิษย์ยิง ปราฏกว่า ยิงไม่ออก ท่านว่าวิชานี้ใช้ได้จึงถือมาตั้งแต่นั้น


ในปี พ.ศ.2542พระครูประโชติธรรมพิทักษ์ (หลวงพ่อแสน) เจ้าคณะอำเภอคง เจ้าอาวาสวัดหนองหว้า อาพาธหนัก และมรณภาพในเวลาต่อมา ภาระงานต่างๆจึงตกมาที่หลวงปู่สุ่ม ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันนิมนต์ท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน โดยท่านกล่าวว่า “ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ปรารถนาเลย เพราะภาระมาก ต้องรับผิดชอบ แต่เมื่อชาวบ้านไม่มีที่พึ่งก็ต้องเป็นที่พึ่งให้เขา” ต่อมาในปีพ.ศ.ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น"พระครูสิทธิธรรมธร"


ท่านได้สืบสานงานที่หลวงพ่อแสนเคยทำไว้ ทั้งการก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่,สืบสานงานปริวาสกรรม พัฒนาจนเป็นที่รู้จักกันดีว่าระหว่างวันที่ 1-10 เมษายนทุกปี จะมีพระภิกษุมาร่วมงานจากทั่วประเทศ และมีอุบาสกอุบาสิกาเดินทางมาจำนวนมากเพื่อมาชำระศีลให้บริสุทธิ์


หลวงปู่สุ่มท่านเป็นพระที่มีดีในตัว แต่ท่านจะสงบนิ่งไม่โอ้อวด หลายสรรพวิชาที่ท่านใช้เวลาศึกษาหลายสิบปีและทดลองจนแน่ใจจึงออกมาเป็นคาถาบทต่างๆ ออกมาเป็นวัตถุมงคลแบบต่างๆ ถ้าไม่มีคนถาม ท่านจะไม่พูดเลยว่ามีวิชาอะไร เรียนมาจากใคร แม้แต่ถามท่านก็ไม่ค่อยจะเปิดเผยเพราะท่านคมในฝักแก่กล้าในวิชาอาคม


ทั้งนี้ หากกล่าวถึงท่าน ลูกศิษย์ลูกหาหลายคนส่วนใหญ่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า นึกถึงของขลัง บรรดาแม่ค้าก็จะบอกว่าของหลวงตาสุ่มเป็นเมตตามหานิยมดี พวกไหนชอบนักเลงก็จะบอกว่าของหลวงพ่อสุ่มเหนียวดี! ใครชอบเสี่ยงโชคก็จะบอกว่าของหลวงเตี่ยโชคลาภดีตามความศรัทธาของแต่ละคน




 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page