top of page
ค้นหา

"หลวงปู่คำจันทร์ ปัญญาโภ"เกจิวัดบ้านเมย จ.กาฬสินธุ์ตะกรุดสุดยอดแคล้วคลาด18ล้อพลิกทับฟอร์จูนเนอร์

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

"หลวงปู่คำจันทร์ ปัญญาโภ" เกจิวัดบ้านเมย จ.กาฬสินธุ์ ตะกรุดสุดยอดแคล้วคลาด 18ล้อพลิกทับฟอร์จูนเนอร์ หนุ่มบินไทยรอดปาฏิหาริย์

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอ พระดีเกจิดังแห่งเมืองน้ำดำ...พระครูปริยัตยานุวัตร หรือ “หลวงปู่คำจันทร์ ปัญญาโภ” วัดบ้านเมย ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ได้รับการยกย่องว่าเคร่งครัดระเบียบวินัย ใส่ใจด้านการปฏิบัติกรรมฐานเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน มีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ปัจจุบันอายุ 89 ปี พรรษา 68

ท่านมีนามเดิม "คำจันทร์ ทองห้า" เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ส.ค.2475 ที่บ้านสวนโคก ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ บิเาชื่อ นายพรหมและมารดาชื่อนางคำมา มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 5 คน ช่วงวัยเยาว์ มีนิสัยชอบสันโดษ ไม่ค่อยซุกซนเหมือนเด็กวัยเดียวกัน บิดามารดาพาไปทำบุญที่วัดบ้านสวนโคกอยู่เสมอ ต่อมาเข้าเรียนที่โรงเรียนสวนโคกเมยวิทยา (ชื่อเดิม) จนจบชั้น ป.4 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนในตอนนั้น

ท่านเป็นคนเรียนเก่ง ฉลาดเฉลียว เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ชอบช่วยเหลืองานการของบิดามารดาอย่างดี หลังจากจบชั้นป.4 ไม่ได้เรียนต่อด้วยฐานะทางบ้านยากจน จึงออกมาช่วยทำนา กระทั่งอายุ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2497 ที่วัดบ้านเมย อ.กมลาไสย จ.กาฬ สินธุ์ มีพระครูสถิตปุญญาคม เจ้าอาวาสวัดบ้านสวนโคก และเจ้าคณะตำบลดงลิง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์มี ปภากโร วัดบ้านโนนเมือง และพระอาจารย์สุวิทย์ วัดบ้านดอนหวาย เป็นพระกรรมวาจาจารย์

พ.ศ.2503 สอบได้นักธรรมชั้นตรี–โท–เอก พ.ศ.2505 ได้รับแต่งตั้ง เจ้าอาวาสวัดบ้านเมย และแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลดงลิง พ.ศ.2511 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2516 ได้พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรี ในราชทินนามที่ "พระครูปริยัตยานุวัตร" พ.ศ.2538 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม ซึ่งตอนนั้นจำพรรษาที่วัดสมัยสำราญ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย

นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจด้านวิทยาคม โดยไปฝากตัวเป็นศิษย์กับพระเกจิดังหลายรูป อาทิ พระครูสถิตย์ปุญญาคม เจ้าอาวาสวัดบ้านสวนโคก, หลวงปู่แพง วัดโพธิ์ร้อยต้น อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด, หลวงปู่ปัน วัดโพธิ์ศรีบึงไฮ ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬ สินธุ์,หลวงปู่ศรี ถ้ำภูเขาควาย ประเทศลาว, หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี, หลวงพ่อเก้า วัดบ้านโพนงาม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์, หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างทาสี อ.เสลภูมิ จ.ร้อย เอ็ด เป็นต้น

พ.ศ.2520 ธุดงค์ไปจำพรรษาที่วัดสมัยสำราญ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย 12 ปี แล้วออกธุดงค์ไปยังสถานที่อื่นๆหลายต่อหลายแห่ง จำพรรษาอยู่ที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ 1 ปี หลังจากนั้นได้ธุดงค์กลับมาภาคอีสาน จำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยพรหม อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมากับพระครูประโชติสังฆกิจ และที่วัดแห่งนี้ได้เรียนวิชาแพทย์แผนไทย การใช้สมุนไพรรักษาคนป่วยจนมีชื่อเสียง

จากนั้นออกธุดงค์หาที่สงบเพื่อจำพรรษาไปอีกหลายที่ จนมาถึงบ้านฝาง อ.กระนวน จ.ขอน แก่นได้เข้าจำพรรษาที่วัดศูนย์ปฏิบัติธรรมอยู่ 12 ปี พัฒนาจนวัดมีความเจริญรุ่งเรือง นำญาติโยม สร้างอุโบสถ และศาลาการเปรียญจนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นชาวบ้านเมยเห็นว่าท่านอายุมากแล้ว จึงนิมนต์ให้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเมย

ด้วยความเมตตาของท่านที่คอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มที่ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จนชื่อเสียงของหลวงปู่โด่งดังขจรขจายไปทั่วทุกทิศ ทำให้มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากเข้ามากราบฝากตัวเป็นศิษย์ และขออนุญาตสร้างวัตถุมงคลหลายรุ่น เช่น เหรียญรูปไข่ครึ่งองค์ เหรียญรูปทรงน้ำเต้า, ล็อกเก็ต, ตะกรุด,พระอุปคุต ฯลฯเพื่อแจกจ่ายญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด

วัตถุมงคลของหลวงปู่คำจันทร์ทุกรุ่น ล้วนมีประสบการณ์กับผู้ที่ติดตัวบูชา ทั้งแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตา ค้าขาย เมตตามหานิยม โชคลาภ เรียกได้ว่าพุทธคุณครอบจักรวาล

ทั้งนี้ หลวงปู่คำจันทร์ ได้รีบการเรียกขานว่า"หลวงปู่ฟอร์จูนเนอร์" สืบเนื่องจากเหตุการณ์รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเมล็ดถั่วเหลืองมาเต็มคันรถพลิกตะแคงทับรถฟอร์จูนเนอร์ ขณะที่กำลังขับเข้ามาในถนนประชาพัฒนา ช่วงโค้งโรงเรียนวัดพลมานีย์ เขตลาดกระบัง จนรถฟอร์จูนเนอร์แบนติดพื้น โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 แต่คนขับรถคือนายวรวุฒิ อยู่ญาติมาก ซึ่งเป็นลูกเขยบ้านเมย ทำงานที่การบินไทยกลับไม่เป็นอะไรเลย โดยมีตะกรุดของหลวงปู่คำจันทร์ติดรถบูชา จึงเป็นที่มาของ"หลวงปู่ฟอร์จูนเนอร์" ตั้งแต่นั้นมา








 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page