top of page
ค้นหา

"หลวงปู่หล่ำ สิริธัมโม"วัดสามัคคีธรรม เจ้าตำรับเครื่องราง"ตุ๊กแก"เมืองกรุง ศิษย์เอกหลวงพ่อเผย-หลวงพ่อครื้น

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 1 มี.ค. 2567
  • ยาว 2 นาที

"หลวงปู่หล่ำ สิริธัมโม"วัดสามัคคีธรรม

เจ้าตำรับเครื่องราง"ตุ๊กแก"เมืองกรุง

ศิษย์เอกหลวงพ่อเผย-หลวงพ่อครื้น

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอเรื่องราวพระเกจิอาจารย์ชื่อดังกลางกรุง อดีตสมภาร "วัดสามัคคีธรรม" ซึ่งเป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว64 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ เดิมมีชื่อว่า วัดใหม่ ได้รับอนุญาตสร้างวัดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ประกาศตั้งวัดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2510 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517

วัดแห่งนี้มีอดีตเกจิอาจารย์ดังนาม พระครูสิริธรรมรัต หรือ"หลวงพ่อหล่ำ สิริธมฺโม" ปฐมเจ้าอาวาส เจ้าตำรับผู้สร้างเครื่องรางอันเข้มขลังแห่งเมืองกรุง ภายใต้คำกล่าวที่ว่า "ท้าวเวสศักดิ์สิทธิ์...ปิดตามีพลัง... ตุ๊กแกโด่งดัง ... เชือกคาดสุดขลัง...สมหวังแม่นางตุ๊กตากายสิทธิ์"

ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเผย วัดบาง หญ้าแพรก สมุทรปราการ และหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ สุพรรณบุรี และสืบสายวิชาอาคมหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าจาก" อาจารย์พาน นนท์ตา" ฆราวาสขมังเวทย์เมืองสุรินทร์

ท่านมีนามเดิมว่า "หล่ำ แซ่เจ็ง" เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน เกิดเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2472 ที่บ้านหมู่ที่ 1 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ บิดาชื่อ "นาย จุ๊ยเตียง แซ่เจ็ง" มารดาชื่อ "นางปิ่น แซ่ซิ้ม"

เมื่ออายุ 7 ขวบมารดาถึงแก่กรรม จึงย้ายมาอยู่กับตาและยาย พ.ศ.2482 เข้าโรงเรียนประชาบาลวัดแหลม จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากนั้นได้ลาออกมาช่วยครอบครัวทำสวน ในยามว่างมักเข้าไปเรียนอักขระขอมกับพระอาจารย์ฉัตร ผาสุโก วัดบางหญ้าแพรก ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลวงน้า

อายุ 20 ปีได้อุปสมบทที่วัดบางหญ้าแพรก จ.สมุทรปราการ โดยมี พระครูสิริศีลคุณ เจ้าคณะจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าอาวาสวัดกลาง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสถิตธรรมคุณ(หลวงพ่อเผย) เจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์ผ่อง เจ้าอาวาสวัดปุณหังสนาวาส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า"สิริธมฺโม"

จากนั้นเข้าอยู่ในสังกัดวัดบางหญ้าแพรก ท่องสวดมนต์ เรียนพระปริยัติธรรม และเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในปีพ.ศ.2492 สอบได้นักธรรมชั้นตรี โดยได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆจากหลวงพ่อเผย อาทิ ตำรับยารักษาโรคแผนโบราณ อักขระเลขยันต์ เวทย์มนต์ คาถาปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ฯลฯ รวมทั้งศึกษาจากสมุดข่อยโบราณ ในช่วงที่หลวงพ่อเผยชราภาพมาก ท่านได้มอบหมายหน้าที่ทั้งหมดให้เป็นผู้ดำเนินการแทน แม้กระทั่งการสร้างวัตถุมงคลของท่าน

ต่อมาได้ฝึกออกท่องธุดงควัตรไปตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อฝึกฝนจิตใจให้มั่นคง โดยไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเกลี้ยง ธัมมทินโน วัดวิสุทธิโสภณ (วัดบ้านเป๊าะ) อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ และเป็นศิษย์อาจารย์พาน นนท์ตา บ้านบัวเสียว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ฆราวาสจอมขมังเวทย์ ศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ได้วิชาลงน้ำมันงา,วิชาทำตะกรุดใต้น้ำ วิชาเป่ายันต์ครอบจักรวาล ลงนะหน้าทอง แล้วยังได้ไปเรียนวิชาเสืออาคมกับหลวงพ่อหลิม(ก๋งหลิม) วัดน้อย จ.ชลบุรี

หลวงปู่หล่ำยังเป็นศิษย์เอกของพระครูโฆสิตธรรมสาร หรือ "หลวงพ่อครื้น" วัดสังโฆสิตาราม จ.สุพรรณบุรี ครั้งหนึ่งท่านเดินทางธุดงค์ผ่านไปแถบเมืองสุพรรณบุรี ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อครื้น จึงเดินทางไปฝากตัวขอเป็นศิษย์ โดยหลวงพ่อครื้นถ่ายทอดวิทยาคมและการสร้างเครื่องรางของขลัง อาทิ การสร้างยันต์ ผ้าประเจียด ตะกรุดนานาชนิด โดยเฉพาะวิชาที่เลื่องชื่อของหลวงพ่อครื้นคือ "วิชาทำตุ๊กแก"

หลวงพ่อครื้นเคยให้หลวงปู่หล่ำเสกตุ๊กแก โดยท่านนั่งสมาธิคุมอยู่ด้านหลังพิธีกรรม ในครั้งนั้นหลวงพ่อครื้นเอ่ยปากชมว่า “หล่ำทำได้เหมือนพ่อเลยนะ” จากนั้นหลวงปู่หล่ำได้รับความไว้วางใจเสกตุ๊กแกแทนหลวงพ่อครื้นตลอดเวลา

ช่วงที่หลวงพ่อครื้นใกล้มรณภาพได้อยู่ในอ้อมกอดของหลวงปู่หล่ำ ท่ามกลางศิษยานุ ศิษย์มากมาย บอกว่า “หล่ำเอย พ่อจะไปแล้วนะ วิชาของพ่อมอบให้หล่ำไปหมดแล้ว ต่อไปต้องสงเคราะห์ชาวบ้านแทนพ่อด้วยนะ”

จวบจนหลวงพ่อครื้นละสังขาร ท่านจึงกลับมาอยู่วัดบางหญ้าแพรก จนกระทั่งปีพ.ศ.2505

จึงย้ายไปอยู่ที่วัดพระไกรสีห์(น้อย)บางกะปิ กทม. ประมาณ3พรรษา ถึงปีพ.ศ.2508 ญาติโยมที่วัดบางปิ้ง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้นิมนต์ให้มาช่วยพัฒนาวัดอยู่ 2 พรรษา ซึ่งมีพระอาจารย์ลำเจียก(นา) เป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น โดยท่านได้ถ่ายทอดวิชาการปลุกเสกจิ้งจกให้หลวงพ่อนาจนโด่งดังมีราคาค่านิยมสูง

ต่อมาท่านได้รับนิมนต์ให้มาช่วยสร้างสำนัก สงฆ์สามัคคีธรรม แขวงวังทองหลาง ที่เพิ่งเริ่มสร้างเมื่อปีพ.ศ.2510 จนเริ่มเป็นปึกแผ่นมั่นคง

ได้รับการยกฐานะเป็นวัดในปีพ.ศ.2517 และท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ปีพ.ศ.2522 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่"พระครูสิริธรรมรัต"

ในด้านวัตถุมงคลท่านสร้างขึ้นไว้ตามวัดต่างๆ ที่ได้ไปจำพรรษาคือ วัดบางหญ้าแพรก, วัดบางปิ้ง,วัดพระไกรสีห์(น้อย), วัดคลองยายดำ จ.จันทบุรี และวัดสามัคคีธรรม ซึ่งทุกวัดเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมพระเครื่อง

สำหรับวัตถุมงคลยอดนิยมของท่านส่วนใหญ่เป็นเครื่องรางของขลัง เช่น "ตุ๊กแก"ตำรับหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ ผู้เป็นอาจารย์ ซึ่งคนโบราณถือว่า ตุ๊กแกเป็นสัตว์มงคล เป็นโภคทรัพย์ เมื่อนำมาสร้างเป็นของมงคลโดยพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลังจะมีอานุภาพทางเรียกโชคเรียกลาภ ทำมาค้าขายร่ำรวย ป้องกันโจรผู้ร้าย เตือนภัยและเป็นเมตตามหานิยมอย่างสูง

วิชาตุ๊กแกเรียกทรัพย์นี้ หลวงพ่อหล่ำไม่ได้เรียนเป็นวิชาแรก แต่ท่านได้เรียนวิชาอื่นๆมาจากหลวงพ่อครื้นก่อนแล้ว วิชาตุ๊กแกถือว่าเป็นวิชาสุดท้ายที่ท่านได้เรียน

ในตอนนั้นหลวงพ่อหล่ำจำพรรษาอยู่วัดพระไกรสีห์น้อย เขตบางกะปิ ขณะที่นั่งคุยกับพระวัดบางพลีใหญ่ เรื่องที่จะไปธุดงค์ อยู่ๆพระที่คุยด้วยก็มีอาการเปลี่ยนไป ลักษณะเหมือนคนแก่ เมื่อสอบถามได้ความว่า

หลวงพ่อครื้นให้มาตามไปพบไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร เมื่อไปถึงแล้วกราบท่านเสร็จ ท่านบอกว่าให้ช่วยสืบทองวิชาตุ๊กแกเอาไว้ หลวงพ่อหล่ำก็ไม่ได้ปฏิเสธ เมื่อท่านตามให้มาเรียนท่านก็เรียน เรียนมาแล้วยังไม่ได้สร้าง กระทั่งหลวงพ่อครื้นสิ้น จนผ่านมาราว 10 ปี จึงได้สร้างตุ๊กแกเป็นครั้งแรก และเริ่มสร้างในยุคต่อๆมา

"เบี้ยแก้" ที่กล่าวขานกันว่าใครมีแล้วไม่รู้จักจน เป็นสุดยอดเบี้ยแก้จน มีคนนำไปใช้แล้วได้ผลทันตาเห็น ไม่ว่าจะเรื่องค้าขาย โชคลาภ และป้องกันภัย

นอกจากนี้ยังมีท้าวเวสสุวรรณ, ตะกรุด,พระราหู, หนุมาน,แม่นางตุ๊กตากายสิทธิ์ เครื่องรางแนวเทพที่ท่านสร้างขึ้นจากนิมิต ดีเด่นทางค้าขาย เมตตา กันภัย ให้โชคให้ลาภ,เชือกคาดเอวที่ต่างชาติชอบกันมาก ท่านถักเอง จารเอง โดยค่อยๆทำทีละเส้น ใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อหนึ่งเส้น เป็นของดีที่หาคนทำไม่มีแล้วในยุคปัจจุบัน

วัตถุมงคลที่หลวงพ่อหล่ำปลุกเสกล้วนเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธคุณโดดเด่นทางคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม โชคลาภ

หลวงปู่หล่ำเป็นพระที่พูดน้อย ไม่ถามไม่พูด แต่เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี ญาติโยมที่มีทุกข์ต่างๆนานา ท่านจะช่วยปัดเป่าด้วยมนต์คาถาที่ได้ร่ำเรียนมา โดยการประกอบพิธีลงทองครอบจักรวาล ลงนะหน้าทอง สาลิกาลิ้นทอง ลงมือเรียกทรัพย์จนเป็นที่เลื่องลือในหมู่นักธุรกิจที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจ

แม้จะมีวิชาอาคมแก่กล้า แต่ไม่เคยโอ้อวด บารมีของท่านแผ่ไพศาลดังไกลไปถึงต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ,มาเลเซีย, อินโดนีเซีย จีน,ฮ่องกง

วาระสุดท้ายหลวงพ่อหล่ำมรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันศุกร์ 22 มี.ค. 2562 เวลา 03.40 น. สิริอายุ 90 ปี พรรษา 70

แม้ท่านจะจากไปแล้ว แต่ชื่อเสียงเกียรติคุณ และวัตถุมงคลของท่านยังคงเข้มขลังอยู่ในความทรงจำของศิษยานุศิษย์และผู้เลื่อมใสศรัทธาไม่เสื่อมคลาย


 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comentários


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page