top of page
ค้นหา

หลวงปู่เจ(บุญมา)กตปุญโญ-81ปีเกจิดังวัดป่าวิเวกธรรม กาฬสินธุ์เอกลักษณ์"ยืนปลุกเสกวัตถุมงคล"

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 21 ต.ค. 2564
  • ยาว 1 นาที

หลวงปู่เจ(บุญมา)กตปุญโญ-81ปี เกจิดังวัดป่าวิเวกธรรม กาฬสินธุ์ เอกลักษณ์"ยืนปลุกเสกวัตถุมงคล"

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอ ประวัติ “หลวงปู่เจ กตปุญโญ” หรือ “หลวงปู่บุญมา กตปุญโญ”อายุ 81 ปี พรรษา 31 ประธานสงฆ์วัดป่าวิเวกธรรม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พระเถระที่มีวัตรปฏิบัติดี เสมอต้นเสมอปลาย เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมที่เข้มขลัง ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน สืบสายธรรมจาก หลวงพ่อคง จัตตมโล อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังวัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี

หลวงปู่เจท่านเกิดในตระกูล "แก้วปัญญา" เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2483 ปีมะโรง ธาตุทอง ณ บ้านพยอม ต.ดินดำ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด บิดาชื่อ นายมี มารดาชื่อ นางลี ชีวิตช่วงวัยเด็กขยันขันแข็ง ช่วยเหลือครอบครัวทำไร่ ทำนา เลี้ยงวัว เลี้ยงควายไปตามประสา ด้วยความที่เป็นผู้มีจิตใจโน้มเอียงเข้าหาพระธรรม จึงขอบิดา–มารดา บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดในหมู่บ้าน และเข้าพิธีอุปสมบท เมื่ออายุครบบวชที่อุโบสถวัดบ้านพะยอม ต.ดินดำ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ได้ศึกษาเล่าเรียนบาลี เรียนหนังสือธรรมอีสาน จากท่านเจ้าอาวาสและผู้เฒ่าผู้แก่จนแตกฉาน

หลังจากบวชได้ระยะหนึ่ง ด้วยความที่ครอบครัวท่านมีฐานะยากจน จึงตัดสินใจลาสิกขา เพื่อออกมาเป็นกำลังหลักเลี้ยงดูบิดา–มารดา ที่แก่ชรา แต่ในช่วงที่ครองเพศฆราวาสท่านจะนุ่งห่มผ้าขาว ถือศีลปฏิบัติธรรมเป็นหมอธรรม จะกินแต่พืชผักผลไม้หรืออาหารเจ ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิด จนชาวบ้านเรียกว่า “ญาพ่อธรรมเจ”

ใช้ชีวิตฆราวาส จนถึงปี พ.ศ.2533 เมื่อหมดภาระความรับผิดชอบทางครอบครัว จึงตัดสินใจหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบทที่อุโบสถวัดอรุณรังษี ต.บางลูกเสือ อ.องครักษ์ จ.นครนายก เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2533 โดยมีพระครูอรุณวิริยกิจ (หลวงพ่อสายตาบ) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เทือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ประสิทธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เรียนกัมมัฏฐานเบื้องต้นกับพระครูอรุณวิริยกิจ พระอุปัชฌาย์ นานถึง 5 พรรษา จนเชี่ยวชาญ

ต่อมาได้ไปศึกษาเพิ่มเติมที่สำนักกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อคง จัตตมโล วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพ บุรี ผู้มีฉายา"พระอรหันต์ร่างทอง" โดยหลวงพ่อคง ถ่ายทอดสรรพวิชาให้จนหมดสิ้น โดยเฉพาะการเพ่งกสิณลม กสิณไฟ เป็นต้น

หลังจากศึกษาอยู่กับหลวงพ่อคง ผู้เป็นพระอาจารย์นานหลายพรรษา ก็กราบลาออกธุดงควัตรไปตามป่าเขาทั่วประเทศ อาทิ ภาคใต้ จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำในพื้นที่ อ.สวี จ.ชุมพร นานหลายพรรษา ส่วนที่ภาคอีสาน จำพรรษาอยู่ตามป่าเขา ในพื้นที่จ.อุดรธานีจ.หนองคาย เป็นต้น

หลังจากนั้นท่านก็กลับมาแถวๆจังหวัดนครราชสีมา ท่านได้มีโอกาสได้ไปสนทนาธรรมเรื่องกรรมฐานและขอวิชาพระคาถาต่างๆ กับพระเทพวิทยาคม ”หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ”แห่งวัดบ้านไร่ และพักแรมอยู่ที่วัดบ้านไร่อยู่หลายครั้ง

ต่อมาท่านนิมิตเห็นถ้ำแห่งหนึ่งจึงออกเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆตามนิมิต ในที่สุดก็ไปเจอถ้ำนี้อยู่ที่ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ดจึงจำพรรษาอยู่นั่นถึง 3 พรรษา โดยนิมิตเห็นพญานาคเฝ้าอยู่ จึงตั้งชื่อว่า ”ถ้ำพญานาค” และได้บุกเบิกถ้ำนี้เพื่อที่จะทำให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนา หลังจากออกจากถ้ำพญานาค ท่านก็ได้ไปสร้างบุกเบิกสำนักสงฆ์ป่า 19 บ้านบึงโดน อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ดอีก1วัด และหลวงปู่เจก็ยังเป็นผู้มาร่วมบุกเบิกป่าช้าบ้านสงเปือย (วัดป่าวิเวกธรรม) อีกด้วย

เนื่องจาก หลวงปู่เจ ย่างเข้าสู่ปัจฉิมวัย อายุและพรรษาเพิ่มมากขึ้น "พระอธิการยุทธ จันทสาโร" เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกธรรม จึงกราบนิมนต์ให้ท่านมาดำรงตำแหน่งประธานสงฆ์วัดป่าวิเวกธรรม คณะศิษยานุศิษย์ รวมทั้งพระภิกษุ–สามเณรในวัด จะได้คอยดูแลอุปัฏฐาก ซึ่งก็รับนิมนต์มาจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่วัดแห่งนี้ ตราบจนปัจจุบัน

อุปนิสัยของหลวงปู่บุญมาฉันอาหารเจ ไม่ชอบการเบียดเบียนสัตว์ มีเมตตาเป็นเลิศ มีความเพียรเป็นเลิศ ชอบแกะพระไม้เป็นประจำ เป็นหมอยาสมุนไพร เอกลักษณ์ประจำตัวคือ "ยืนปลุกเสกวัตถุมงคล"

ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มุ่งเน้นเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นพระที่มักน้อย พูดน้อย ชอบความวิเวก สันโดษ มีเมตตาเป็นเลิศ มีความเพียรเป็นเลิศ ไม่ชอบการเบียดเบียน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม รักษาข้อวัตร รักษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติตามรอยแห่งองค์พระศาสดาและเป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนอย่างแท้จริง






 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page