หลวงปู่เจ(บุญมา)กตปุญโญ-81ปี เกจิดังวัดป่าวิเวกธรรม กาฬสินธุ์ เอกลักษณ์"ยืนปลุกเสกวัตถุมงคล"
ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอ ประวัติ “หลวงปู่เจ กตปุญโญ” หรือ “หลวงปู่บุญมา กตปุญโญ”อายุ 81 ปี พรรษา 31 ประธานสงฆ์วัดป่าวิเวกธรรม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พระเถระที่มีวัตรปฏิบัติดี เสมอต้นเสมอปลาย เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมที่เข้มขลัง ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน สืบสายธรรมจาก หลวงพ่อคง จัตตมโล อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังวัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี
หลวงปู่เจท่านเกิดในตระกูล "แก้วปัญญา" เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2483 ปีมะโรง ธาตุทอง ณ บ้านพยอม ต.ดินดำ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด บิดาชื่อ นายมี มารดาชื่อ นางลี ชีวิตช่วงวัยเด็กขยันขันแข็ง ช่วยเหลือครอบครัวทำไร่ ทำนา เลี้ยงวัว เลี้ยงควายไปตามประสา ด้วยความที่เป็นผู้มีจิตใจโน้มเอียงเข้าหาพระธรรม จึงขอบิดา–มารดา บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดในหมู่บ้าน และเข้าพิธีอุปสมบท เมื่ออายุครบบวชที่อุโบสถวัดบ้านพะยอม ต.ดินดำ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ได้ศึกษาเล่าเรียนบาลี เรียนหนังสือธรรมอีสาน จากท่านเจ้าอาวาสและผู้เฒ่าผู้แก่จนแตกฉาน
หลังจากบวชได้ระยะหนึ่ง ด้วยความที่ครอบครัวท่านมีฐานะยากจน จึงตัดสินใจลาสิกขา เพื่อออกมาเป็นกำลังหลักเลี้ยงดูบิดา–มารดา ที่แก่ชรา แต่ในช่วงที่ครองเพศฆราวาสท่านจะนุ่งห่มผ้าขาว ถือศีลปฏิบัติธรรมเป็นหมอธรรม จะกินแต่พืชผักผลไม้หรืออาหารเจ ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิด จนชาวบ้านเรียกว่า “ญาพ่อธรรมเจ”
ใช้ชีวิตฆราวาส จนถึงปี พ.ศ.2533 เมื่อหมดภาระความรับผิดชอบทางครอบครัว จึงตัดสินใจหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบทที่อุโบสถวัดอรุณรังษี ต.บางลูกเสือ อ.องครักษ์ จ.นครนายก เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2533 โดยมีพระครูอรุณวิริยกิจ (หลวงพ่อสายตาบ) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เทือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ประสิทธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เรียนกัมมัฏฐานเบื้องต้นกับพระครูอรุณวิริยกิจ พระอุปัชฌาย์ นานถึง 5 พรรษา จนเชี่ยวชาญ
ต่อมาได้ไปศึกษาเพิ่มเติมที่สำนักกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อคง จัตตมโล วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพ บุรี ผู้มีฉายา"พระอรหันต์ร่างทอง" โดยหลวงพ่อคง ถ่ายทอดสรรพวิชาให้จนหมดสิ้น โดยเฉพาะการเพ่งกสิณลม กสิณไฟ เป็นต้น
หลังจากศึกษาอยู่กับหลวงพ่อคง ผู้เป็นพระอาจารย์นานหลายพรรษา ก็กราบลาออกธุดงควัตรไปตามป่าเขาทั่วประเทศ อาทิ ภาคใต้ จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำในพื้นที่ อ.สวี จ.ชุมพร นานหลายพรรษา ส่วนที่ภาคอีสาน จำพรรษาอยู่ตามป่าเขา ในพื้นที่จ.อุดรธานีจ.หนองคาย เป็นต้น
หลังจากนั้นท่านก็กลับมาแถวๆจังหวัดนครราชสีมา ท่านได้มีโอกาสได้ไปสนทนาธรรมเรื่องกรรมฐานและขอวิชาพระคาถาต่างๆ กับพระเทพวิทยาคม ”หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ”แห่งวัดบ้านไร่ และพักแรมอยู่ที่วัดบ้านไร่อยู่หลายครั้ง
ต่อมาท่านนิมิตเห็นถ้ำแห่งหนึ่งจึงออกเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆตามนิมิต ในที่สุดก็ไปเจอถ้ำนี้อยู่ที่ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ดจึงจำพรรษาอยู่นั่นถึง 3 พรรษา โดยนิมิตเห็นพญานาคเฝ้าอยู่ จึงตั้งชื่อว่า ”ถ้ำพญานาค” และได้บุกเบิกถ้ำนี้เพื่อที่จะทำให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนา หลังจากออกจากถ้ำพญานาค ท่านก็ได้ไปสร้างบุกเบิกสำนักสงฆ์ป่า 19 บ้านบึงโดน อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ดอีก1วัด และหลวงปู่เจก็ยังเป็นผู้มาร่วมบุกเบิกป่าช้าบ้านสงเปือย (วัดป่าวิเวกธรรม) อีกด้วย
เนื่องจาก หลวงปู่เจ ย่างเข้าสู่ปัจฉิมวัย อายุและพรรษาเพิ่มมากขึ้น "พระอธิการยุทธ จันทสาโร" เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกธรรม จึงกราบนิมนต์ให้ท่านมาดำรงตำแหน่งประธานสงฆ์วัดป่าวิเวกธรรม คณะศิษยานุศิษย์ รวมทั้งพระภิกษุ–สามเณรในวัด จะได้คอยดูแลอุปัฏฐาก ซึ่งก็รับนิมนต์มาจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่วัดแห่งนี้ ตราบจนปัจจุบัน
อุปนิสัยของหลวงปู่บุญมาฉันอาหารเจ ไม่ชอบการเบียดเบียนสัตว์ มีเมตตาเป็นเลิศ มีความเพียรเป็นเลิศ ชอบแกะพระไม้เป็นประจำ เป็นหมอยาสมุนไพร เอกลักษณ์ประจำตัวคือ "ยืนปลุกเสกวัตถุมงคล"
ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มุ่งเน้นเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นพระที่มักน้อย พูดน้อย ชอบความวิเวก สันโดษ มีเมตตาเป็นเลิศ มีความเพียรเป็นเลิศ ไม่ชอบการเบียดเบียน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม รักษาข้อวัตร รักษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติตามรอยแห่งองค์พระศาสดาและเป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนอย่างแท้จริง
Comments