พระเถระอายุยืนวัดพุทธมงคล
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ นำเสนอประวัติ "พระครูสุนันทโชติ" หรือ "หลวงปู่นิ่ม โชติธัมโม" วัดพุทธมงคล (หนองปรือ) หมู่ที่ 7 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งของเมืองสุพรรณที่ได้รับการยกย่องว่าเคร่งครัดพระธรรมวินัย ใส่ใจวัตรปฏิบัติของสงฆ์ ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคม หลวงปู่กล้าย วัดหงส์รัตนาราม กทม. และเกจิดังเมืองสุพรรณฯอีกหลายองค์
ท่านเกิดเมื่อปีพ.ศ. 2471 ด้วยกิริยามารยาทของท่านที่เรียบร้อยมาตั้งแต่เด็ก มารดาจึงตั้งชื่อให้ว่า "นิ่ม" วัยเยาว์เรียนจบประถมศึกษาปีที่ 5 ได้ช่วยทางบ้านประกอบกิจการระยะหนึ่ง กระทั่งอายุ 20 ปีจึงเข้าอุปสมบท มีพระสมณกิจพิศาล (หลวงปู่เปลื้อง) วัดสุวรรณภูมิ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปริยัติคุณาภรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสุจินต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "โชติธัมโม" มีความหมายว่า"ผู้โชติช่วงในพระธรรม"
หลังอุปสมบท "หลวงปู่กล้าย" วัดหงส์รัตนาราม กทม. ชักชวนให้ไปอยู่จำพรรษาด้วย พร้อมสอนวิทยาคมและเรียนพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก นอกจากนี้ ยังศึกษามูลกัจจายน์และเรียนภาษาบาลีแปลพระธรรมบทด้วย
ท่านยังให้ความสนใจด้านวิทยาคม ฝากตัวเป็นศิษย์พระเทพวุฒาจารย์ (หลวงปู่เปลื้อง) พระเกจิอาจารย์ใหญ่เมืองสุพรรณบุรี ที่สืบวิชาอาคมของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และหลวงปู่สอน วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี และยังเป็นศิษย์พระธรรมมหาวีรานุวัตร สืบสายจากหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม
พระเกจิอาจารย์ในอดีตที่ถ่ายทอดวิชาให้หลวงปู่นิ่มมากที่สุด คือ หลวงปู่กล้าย วัดหงส์ฯ พร้อมกันนี้ก็ได้ร่ำเรียนคาถาเคล็ดวิชาอาคมจากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, สมเด็จพระสังฆราช (ป๋า) วัดโพธิ์ฯ, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิศ, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง, หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว, หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม, หลวงพ่อสม วัดดอนบุปผาราม, หลวงพ่อหรุ่น วัดเสาธงทอง, หลวงพ่อกาพย์ วัดจรรย์, หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ และหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นต้น
ในช่วงเวลาว่าง ท่านมักเดินทางไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย เพราะเป็นสหธรรมิกรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน โดยหลวงพ่อแต้มแนะนำให้มาสร้างวัดหนองปรือ (วัดพุทธมงคล) ต.สระแก้ว ด้วยเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมและเจริญกรรม ฐาน
ในปี พ.ศ.2500 หลวงปู่นิ่มจึงได้ช่วยสร้างวัดพุทธมงคล พร้อมทั้งรับตำแหน่งเจ้าอาวาส ต่อมาชาวบ้านแถบนั้นเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ได้ช่วยกันสร้างกุฏิไม้ เพื่อใช้เป็นที่เจริญสมณธรรม จากเริ่มแรกมีเพียงกุฏิไม้หลังเดียวก็ได้รับการพัฒนาขึ้นจนเพียบพร้อมด้วยเสนาสนะ อุโบสถ, ศาลาการเปรียญ, หมู่กุฏิสงฆ์, หอระฆัง, หอสวดมนต์, ซื้อที่ดินขยายเขตวัด ฯลฯ
ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดพระธรรมวินัย และเป็นศิษย์พระเกจิดังมากมาย ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันมีผู้เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ไม่ขาดสาย
หลวงปู่นิ่มเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย มักจะพร่ำสอนญาติโยมที่เข้ามากราบไหว้เสมอๆ ว่า "คนเราจะมีความสุขสงบในสังคมได้ ต้องถือศีล 5 เพราะทำให้สังคมสงบสุข ปิดกั้นภัยเวรต่างๆ ได้ แต่ที่พวกเรารู้สึกว่าทำได้ยากหรือขัดกับชีวิตประจำวัน เพราะจิตใจของเราเป็นสำคัญ"
กล่าวขวัญกันว่า หลวงปู่นิ่ม เมืองสุพรรณเก็บตัวเงียบมานาน แต่คนสุพรรณฯ รู้จักดี ด้วยความที่มีชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก จึงได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายรุ่น ทั้งเหรียญรูปเหมือน พระผง รูปหล่อ พระกริ่ง รวมทั้งเครื่องรางยอดนิยมอย่าง "ปูหนีบทรัพย์" ฯลฯ เพื่อมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์และเสนาสนะภายในวัด
ชื่อเสียงของหลวงปู่นิ่มโด่งดัง เป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ศิษย์ชาวเมืองสุพรรณเป็นยิ่งนัก ทำให้ท่านได้รับกิจนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพื้นที่ภาคกลางและพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลสำคัญ
เกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ทำให้ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีบารมีทางกระแสจิตแก่กล้า ระดับแนวหน้าของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกรูปหนึ่ง
Comments