top of page
ค้นหา

"หลวงพ่อใย ธมฺมสาโร" วัดปากป่า-79ปี พระดีศรีบ้านค่ายสายพุทธาคม2เกจิดัง ลพ.ชื่น-ลพ.ลัด

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 11 ก.พ. 2566
  • ยาว 1 นาที

"หลวงพ่อใย ธมฺมสาโร" วัดปากป่า-79ปี

พระดีศรีบ้านค่ายสายพุทธาคม2เกจิดัง

ลพ.ชื่น วัดมาบข่า-ลพ.ลัด วัดหนองกะบอก

ทีมข่าว"คัมภีร์นิวส์"ร่วมเผยแพร่ประวัติเกียรติคุณ พระครูพิพิธธรรมสาร หรือ”หลวงพ่อใย ธมฺมสาโร” อายุ 79 ปี เจ้าอาวาสวัดปากป่า ตั้งอยู่เลขที่ 80 บ้านปากป่า ถนนสายบ้านเกาะ-มาบข่า หมู่ที่ 4 ต.หนองตะพาน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

ท่านปกครองวัดมาตั้งแต่พ.ศ.2511 โดยเป็นศิษย์พุทธาคมสายตรงของ”หลวงพ่อชื่น สุจิตโต” (พระครูพิพิธวรญาณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดมาบข่า อ.บ้านค่าย ระยอง และหลวงพ่อลัด อดีตเจ้าอาวาส วัดหนองกะบอก

พื้นเพท่านเป็นคนพื้นบ้านปากป่า พูดเสียงเหน่อ และไม่ดังมากนัก คนต่างบ้านมานั่งคุยด้วยบางครั้งต้องถามย้ำ เพื่อความเข้าใจ หลวงพ่อเป็นพระอารมณ์ดียิ้มง่าย ขออะไรถ้ามีก็ให้ ถ้าไม่มีก็คือไม่มี ไม่ต้องเซ้าซี้ให้รำคาญ ท่านจะบอกตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

ท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 2 ม.ค. 2487 ในตระกูล”แสนเกษม” เป็นบุตรชายของนายหมุน และนางหวิง” อาชีพเกษตรกรรม ทำนาทำสวน ท่านเรียนจบชั้นประถม4 ที่โรงเรียนบ้านหนองสะพาน หลังจากช่วยครอบครัวจนกระทั่งอายุได้ 23 ปีก็อุปสมบทที่วัดปากป่า มีหลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อจิ๊ว วัดปากป่า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูถาวรคุณวัตร (หลวงพ่อติ๊ด วัดหนองสะพาน) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายา “ธมฺมสาโร” แปลว่า “ผู้รุ่งโรจน์และสว่างไสวด้วยธรรม”

หลังขยันหมั่นเพียรเรียนพระธรรมจนสอบผ่านนักธรรมตรี โท และเอก ก็ไปศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานและรับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆกับหลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า เช่น วิชาลบผง,หุงสีผึ้ง,ปลุกเสกวัตถุมงคล การรักษาคนด้วยสมุนไพรและน้ำมนต์ รวมวิชาอื่นๆอีกหลายด้าน

ต่อจากนั้น ท่านก็ไปเรียนด้านกสิณธาตุเพิ่มเติมจากพระครูวิจิตรธรรมานุวัต หรือ “หลวงพ่อลัด” วัดหนองกะบอก อดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย เป็นศิษย์สืบทอดสมณศักดิ์ สืบทอดวิทยาคมจาก 3 พระเกจิชื่อดังแห่งภาคตะวันออก หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกะบอกและหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ

หลังกราบลาหลวงพ่อลัดแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์เพื่อศึกษาเพิ่มเติมจากระยองไปนครปฐม,ชัยภูมิ,บุรีรัมย์,นครราชสีมา เป็นเวลาร่วม 3 ปีก่อนเดินทางกลับมาระยอง แล้วไปศึกษาด้านกรรมฐานกับหลวงปู่ธรรมรังษี (พระมงคลรังษี) “ท่านเจ้าคุณสองแผ่นดิน” วัดพระพุทธบาทเขาพนมดิน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ขอเรียนทั้งการปฏิบัติจิต และเวทย์วิทยาต่างๆ

พระคณาจารย์อีกองค์ที่เมตตาสอนกรรมฐานให้ท่านคือ หลวงปู่เกลี้ยง เตชธัมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดโนนแกด (วัดศรีธาตุ) จ.ศรีสะเกษ (สหธรรมิกของหลวงปู่ธรรมรังสี) นอกจากนี้ หลวงพ่อใยยังมีโอกาสได้เพิ่มเติมภูมิธรรมด้านกรรมฐานกับ หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญ จ.สิงห์บุรี เมื่อครั้งที่ท่านเดินทางมาระยองอีกด้วย ส่วนหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ท่านได้ไปกราบเพียงปีละครั้ง ไม่ได้ฝากตัวเป็นศิษย์

หลวงพ่อใยมาเป็นเจ้าอาวาสวัดปากป่าตั้งแต่ปีพ.ศ.2511 ตลอดระยะเวลา 50 กว่าปี ท่านได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้จนมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยในปีพ.ศ.2536 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์สัญญาบัตร-พัดยศ จร.ชท เป็นพระครูพิพิธธรรมสาร นอกจากปฏิบัติกิจในหน้าที่ของสมภารแล้ว ท่านยังลงมือกวาดลานวัด, กวาดใบไม้ และช่วยเหลืองานต่างภายในวัดอย่างเต็มที่ โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นเจ้าอาวาสหรือพระลูกวัด เช่นเดียวกับ ให้การต้อนรับอย่างโยมอย่างเท่าเทียมกัน

หลวงพ่อใยเป็นพระผู้ถือการปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน ตั้งแต่เริ่มอุปสมบทจนถึงปัจจุบัน ท่านบอกว่าวิปัสสนาคือการรู้แจ้งเห็นจริง ตามอริยสัจ 4 ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ไม่มีการเสื่อมถอย แต่ถ้าปฏิบัติแนวอื่นนั้น ต้องปฏิบัติสม่ำเสมอ หยุดปฏิบัติเมื่อใด ก็จะเสื่อมไปตามกาลเวลา ท่านจึงรักษาตนด้วยแนวปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน พร้อมกับรักษาต้นไม้ใหญ่ในบริเวณวัด ตัดแต่งกิ่งให้โปร่งและร่มรื่นสวยงาม

ท่านไม่เน้นการสร้างเสนาสนะที่ไม่จำเป็น ในวัดมีเพียงอุโบสถที่บูรณะจากของเดิมจนสวยงามใช้ประกอบสังฆกรรมได้ มีเมรุเผาศพเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ร่วมกัน มีศาลาบำเพ็ญบุญสำหรับทำศาสนกิจของหมู่บ้าน และจัดเป็นห้องพักของพระภิกษุสงฆ์ในพรรษา แต่เดิมท่านอยู่บนกุฏิหลังเก่าที่ทำด้วยไม้ ต่อมาจึงทำห้องอยู่ใต้ถังน้ำของวัด

หลังจากนั้น คณะศิษย์และชาวบ้านขออนุญาตปลูกกุฏิให้ท่านอยู่ใหม่เป็นสัดส่วน เพราะมีประชาชนที่ศรัทธามากราบนมัสการให้ช่วยสงเคราะห์ในเรื่องต่างๆมากมาย โดยสร้างเสร็จเมื่อวันที่ 9 มื.ย. 2562 และท่านออกต้อนรับญาติโยมทุกคนด้วยความเต็มใจบริเวณด้านนอกกุฏิ ส่วนในกุฏิมีเพียงแมวเหมียวแสนรู้ 2 ตัวเท่านั้นที่อยู่กับท่านตลอดเวลา

ส่วนงานพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ ท่านก็ได้รับนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสกร่วมกับพระเกจิชื่อดังของภาคตะวันออก อาทิ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ (มรณภาพแล้ว) ,หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่,หลวงพ่อนาค วัดหนองพะวา และพระเกจิระดับประเทศอีกหลายท่าน ที่สำคัญคือ งานปลุกเสกวัตถุมงคลหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ท่านร่วมนั่งปรกมาโดยตลอด

วัตถุมงคลของหลวงพ่อใยสร้างไว้หลายรูปแบบ หลายรุ่น ลูกศิษย์ลูกหากล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ประสบการณ์ดีทางด้านเมตตา ค้าขาย แคล้วคลาดปลอดภัย





 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page