เกจิดังกระแสมาแรงในต่างประเทศ ได้รับการขนานนาม “จี้กงเมืองไทย” ชาวไต้หวันเล่นหาบางวัตถุมงคลคึก บางพิมพ์บางเนื้อดีดราคาพุ่งหลักหมื่น
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ รายงานว่า พระเกจิอาจารย์กระแสมาแรงในต่างประเทศ วัตถุมงคลของท่านพูดถามหาบูชาอย่างมากในไต้หวัน สนนราคาเล่นหาสูงในบางพิมพ์บางเนื้อ เล่นกันเป็นหมื่น ฉายานามที่ชาวต่างประเทศขนานนาม “จี้กงเมืองไทย” “หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจันโท" สวนสงฆ์แกแปะ วัดโพธิ์ศรีสะอาด เกจินักพัฒนา-อาคมขลังเมืองน้ำดำ
“หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจันโท” (“พระครูปลัดวชิรโสภณญาณ”)แห่งสวนสงฆ์แกเปะ วัดโพธิ์ศรีสะอาด ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พระเกจิเรืองวิทยาคมอีกรูปหนึ่งแห่งภาคอีสาน มีวัตรปฏิบัติดี สมถะ เรียบง่าย เสมอต้นเสมอปลาย ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาปัจจุบัน สิริอายุ 76 ปี พรรษา 55
ท่านมีนามเดิม “ศิลา" เกิดในสกุล"นิลจันทร์” เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2488 ที่บ้านเบิด ต.เบิด อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ เป็นบุตรของนายแก่น และนางน้อย ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ปีที่ท่านเกิดึรอบครัวอพยพหนีความแห้งแล้งมาอยู่ที่บ้านส้อง ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ จากนั้นในปี2494 ได้ย้ายภูมิลำนามาอยู่บ้านธาตุประทับ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด
เมื่ออายุ 12 ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดธาตุประทับ มีหลวงพ่อพิมพ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ติดตามครูบาอาจารย์ ออกร่วมคณะธุดงค์ ไปนมัสการพระธาตุพนม ระหว่างเดินธุดงค์ มีโอกาสอุปัฏฐากพระมหาเถระฝ่ายอรัญวาสี รูปสำคัญในสายพระอาจารย์มั่นภูริทัตโต คือพระครูสีลขันธ์สังวรณ์ (อ่อนสี สุเมโธ)ที่ จ. มุกดาหาร และได้รับคำสอน ผญาธรรม(คำสอนอีสาน)จากพระธรรมราชานุวัตร (แก้ว กันโตภาโส) อดีตเจ้าอาวาสพระธาตุพนม
ท่านมุมานะศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก เปรียญธรรม3ประโยค,4ประโยค ตามลำดับในช่วงปีพ.ศ.2500-2508 จากนั้นในปีพ.ศ.2509 อายุย่าง 21 ปี ได้อุปสมบท ณ วัดบูรพาภิราม อ. เมือง จ.ร้อยเอ็ด มีพระสิริวุฒิเมธี เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ ในปี พ.ศ.2510 เป็นครูสอนปริยัติธรรม วัดบูรพาภิราม และสอบไล่ได้เปรียญธรรม5ประโยคปีพ.ศ.2515 สอบไล่ได้เปรียญธรรม6ประโยค
ปีพ.ศ.2516 พระสิริวุฒิเมธี มีปรารภจะให้พระท่านไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอหนองพอก โดยให้ไปอยู่วัดนิคมคณาราม เพื่อสอนพระปริยัติธรรม ท่านจึงหาทางเลี่ยงปลีกวิเวกไปอยู่จำพรรษาที่วัดหนองดู่ บ้านหนองดู่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดสันติวิหาร มีพระอาจารย์สมาน ธัมมรักขิตโต เป็นเจ้าอาวาส
นอกจากเรียนพระปริยัติธรรมแล้ว ยังมุ่งศึกษาตามขนบธรรมเนียมประเพณีนิยมแบบพระสงฆ์สามเณรในภาคอีสานคืออักษรธรรม อักษรขอม อักษรไทยน้อย (อักษรโบราณ) เพื่อศึกษามูลกัจจายน์ให้แตกฉาน ความรู้ทั้งทางโลก และทางธรรม สรรพวิชาอาคม ยารักษาโรค โหราศาสตร์ล้วนถูกบันทึกไว้ในใบลานทั้งสิ้น
หลวงปู่ศิลามีความแตกฉาน มูลกัจจายน์ ประกอบกับสรรพวิชาจนเป็นที่กล่าวขานถึงในยุคนั้น เหตุการณ์ที่วัดสันติวิหาร ทำให้หลวงปู่ศิลาเป็นที่นับถือในเรื่องการบำรุงขวัญกำลังใจแก่ศิษยานุศิษย์คือ เรื่องตะกรุดคอหมา (ตะกรุดปลากระป๋อง) เนื่องด้วยในยุคนั้น ระบบความคิดของลัทธิคอมมิวนิสต์ ระบาดหนัก เครี่องรางของขลังจึงเป็นสิ่งสำคัญ ประกอบกำลังใจแก่ผู้คนในยามหวาดผวา
ทั้งนี้ในปี พ.ศ.2515 หลวงปู่ศิลาได้รวบรวมสรรพวิชาที่ร่ำเรียนมาทั้งปวงเขียนบรรจุลงบนผืนผ้าจำนวน 5 ผืน และได้คัดเลือกผืนที่งามที่สุดจำนวน 2 ผืน ขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ปัจจุบัน 1ใน5 ผืนที่เหลือถูกขนานนามว่า "มหายันต์"
หลวงปู่ศิลาออกจาริกธุดงค์ไปอยู่ในถ้ำฝั่งโขง แถบอ.สังคม จ.หนองคาย และออกจาริกธุดงค์ต่อถึงเขต อ.ปากชม จ.เลย จากนั้นได้กลับมาวัดธาตุประทับ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด และได้รับการวิงวอนจากญาติให้ลาสิกขาออกมาเป็นครูผู้ช่วยสอนที่โรงเรียนธาตุประทับ และดูแลมารดารวมถึงญาติผู้ใหญ่ป่วยหนักเป็นเวลา 1 ปี แล้วจึงอุปสมบทอีกครั้งที่วัดมาลุคาวนาราม อ.ธวัธบุรี จ.ร้อยเอ็ด หลังอุปสมบทช่วงปี 2522-2539 ได้ไปพำนัก วัดโนนเดื่อ บ.โนนเดื่อ อ.ธวัธบุรี จ.ร้อยเอ็ด สลับกับวัดธาตุประทับ
ช่วงออกธุดงค์ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาในหลายจังหวัด ได้ธุดงค์ข้ามแม่น้ำโขงไปยังภูเขาควาย ประเทศ สปป.ลาว พบกับครูบาอาจารย์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังภาคอีสานหลายรูป อาทิ หลวงปู่ทองมา ถาวโร, หลวงพ่อมหาบุญมี สิรินธโร, หลวงปู่ลี กุสลธโร ฯลฯ ทั้งนี้ ยังร่ำเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน อักษรธรรมลาว และอ่านหนังสือจากใบลานอีสาน รวมทั้งศึกษาคัมภีร์ใบลานสายสำเร็จลุน อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง สปป.ลาว จนแตกฉาน
ปีพ.ศ.2539 เกิดเหตุการณ์ทางครอบครัวทำให้ต้องลาสิกขาออกมาอยู่8เดือน แล้วกลับเข้าอุปสมบททันที ในวันที่ 22 ธ.ค. 2539 ณ วัดแสงประทีป โดยมีพระครูวิธานสมณกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พำนัก ณ วัดธาตุประทับ สลับกับการออกจาริกธุดงค์ บ.พานเหมือน อ.เมือง จ.อุดรธานี
ปีพ.ศ.2559 ออกจาริกไปบ้านหนองแซง ต.แจ้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ แล้วได้รับนิมนต์ไปจำพรรษา ณ ป่าช้าม่วงนา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ปีพ.ศ.2560 เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสะอาด บ้านแกแปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กราบนิมนต์ท่านมาจำพรรษาที่วัด เนื่องจากเห็นว่าอายุมาก คณะศิษย์ร่วมกันสร้างกุฏิถวาย และจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่สวนสงฆ์แห่งนี้ ตราบจนปัจจุบัน
หลวงปู่ศิลาท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง ได้เพียรสร้างสาธารณประโยชน์ตามอัตภาพตลอดมา สงเคราะห์ผู้ยากไร้ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ อย่างต่อเนื่อง โดยปรากฏผลงานมากมายในหลายจังหวัด อาทิ ร้อยเอ็ด,หนองคาย, มหาสารคาม,กาฬสินธุ์,นครพนม เป็นต้น
จากการที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีพุทธาคมจึงได้รับนิมนต์ไปเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกงานทั่วภาคอีสาน รวมทั้งงานใหญ่ระดับประเทศ อาทิ งานพุทธาภิเษกพระกริ่งวัดสุทัศน์ เป็นต้น
ด้วยความที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนทั้งในและนอกพื้นที่อย่างรวดเร็ว แต่ละวันมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพุทธมนต์เสริมสิริมงคลอย่างไม่ขาดสาย
Comments