top of page
ค้นหา

แห่ชมพระปรางค์เอียงคู่เมืองปากน้ำ

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 26 พ.ค. 2563
  • ยาว 1 นาที









คณะศรัทธายังไปกราบไหว้-ขอพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดสาขลาไม่ขาดสาย ลอดโบสถ์-ลอดใต้ฐานหลวงพ่อโต เด่น กีรติ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ รายงานว่า แม้จะมีภาวะโควิด 19 ระบาด แต่คณะศรัทธาก็ยังเดินทางไปกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดสาขลา อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ไม่ขาดสาย ทั้งลอดโบสถ์ ลอดวิหาร ลอดใต้ฐานหลวงพ่อโต เพื่อความเป็นสิริมงคล ชมพระปรางค์เอียง คู่เมืองปากน้ำ วัดสาขลา มีพื้นที่ 27 ไร่ 2 งาน ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง สันนิษฐานว่าสร้างในช่วงต้นสมัยรัตนโกสินทร์ หรือในปี พ.ศ.2325 ครั้งที่ชาวบ้านช่วยกันขับไล่พม่าออกไปได้แล้ว ภายหลังได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ.2375 บ้านสาขลา เดิมมีชื่อว่า บ้านสาวกล้า เป็นชื่อตามคำบอกเล่าว่า ในสมัยสงครามเก้าทัพ* ผู้ชายในหมู่บ้านได้ถูกเกณฑ์ไปรบกันหมด เหลือเพียงผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุอยู่ภายในหมู่บ้าน ขณะนั้นเอง ได้มีพม่าลาดตระเวนมาเจอหมู่บ้าน ผู้หญิงที่อยู่เฝ้าหมู่บ้านจึงพากันจับอาวุธเท่าที่หาได้ในครัว เช่น สากตำข้าว มีดพร้าในครัว ขับไล่พม่าไปจนได้ หลังจากเหตุการณ์นั้น หมู่บ้านนี้จึงถูกเรียกขานว่า หมู่บ้านสาวกล้า ต่อมาได้ออกเสียงเพี้ยนไป จนเป็นคำว่า บ้านสาขลา ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนเก่าแก่ ที่มีความเข้มแข็ง และยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ทำการประมง เพาะเลี้ยงกุ้งหอยปูปลา และใช้ลำคลองในการเดินทาง

พระปรางค์เอน เป็นองค์พระปรางค์เก่าแก่ ตั้งอยู่บริเวณริมคลอง แต่เดิมตอนสร้างนั้นสร้างทรงตรง ไม่ได้เอนอย่างปัจจุบันกระทั่งเมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อน ได้เกิดน้ำท่วมขัง ผืนดินที่ลอยตัวอยู่บนโคลนเกิดการทรุดตัว องค์พระปรางค์จึงได้เอียงไปทิศตะวันตก ประมาณ 15 องศา หลังจากนั้นก็ไม่ได้เอียงเพิ่ม และไม่มีทีท่าว่าจะล้มลงมา จึงได้ปล่อยให้เอนจนเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของบ้านสาขลา พื้นที่โดยรอบพระปรางค์ ได้มีการปรับภูมิทัศน์โดยรอบขึ้นใหม่ กั้นกำแพงแก้วเป็นแนวสี่เหลี่ยมจตุรัสไว้โดยรอบ ตรงกลางเป็นปรางค์ประธานองค์ใหญ่ มุมทั้ง 4 ของกำแพงแก้วประดับด้วยปรางค์ ประจำทิศทั้ง 4 มีขนาดย่อมลงมา แต่ละด้านของกำแพงแก้ว มีซุ้มประตูเดิม เป็นทางเข้าสู่ลานประทักษิณารอบองค์พระปรางค์ปรางค์ประธานมีลักษณะเป็นทรงฝักข้าวโพด ซึ่งเป็นลักษณะของสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ฐานทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ส่วนกลางของพระปรางค์ ทำเป็นซุ้มจระนำ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรไว้ทั้ง 4 ด้าน ปัจจุบันแตกหักไป เหลือให้เห็นบนพระปรางค์เพียง 2 ด้าน

เมื่อปี พ.ศ.2556 ชาวบ้านสาขลาได้มีการฟื้นฟู สืบทอดงานประเพณีการห่มผ้าพระปรางค์ โดยมีการแห่ผ้าแดงไปรอบชุมชน พร้อมทำพิธีบวงสรวง เพื่อรวมจิตศรัทธาของคนในชุมชน และเป็นการบูชาองค์พระปรางค์ ได้ร่วมกันทำบุญ ก่อพระเจดีย์ทรายบริเวณวัด และชักผ้าขึ้นห่มพระปรางค์เอียง พิพิธภัณฑ์ใต้อาคารโบสถ์และวิหาร ใต้อาคารโบสถ์และวิหาร จัดเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ การเข้าชมด้านใน เปรียบเสมือนได้ทำการลอดใต้โบสถ์วิหาร และฐานหลวงพ่อโต เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย ทางเข้าจะอยู่ทางซ้ายมือ ทำเป็นซุ้มประตูมีลักษณะเป็นปากราหู ที่เชื่อว่าเป็นการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ส่วนทางออกทำเป็นรูปปั้นช้างขนาดใหญ่ เป็นช้างพลายมหาลาภ เวลาออกตรงทางออกจึงเหมือนกับการได้ลอดท้องช้างออกไป เชื่อว่าทำให้โชคดี รอดพ้นอุปสรรคต่างๆ พื้นที่ด้านในพิพิธภัณฑ์แบ่งซอยออกเป็นห้องต่างๆ มีการจัดแสดงแต่ละส่วนไว้ต่างกัน ได้แก่ ในการสักการะหลวงพ่อโต สิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้คือ การลอดโบสถ์ เชื่อกันว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ ลอดโบสถ์เป็นสิริมงคลกับตัวเอง

ซึ่งวัดสาขลาได้ยกโบสถ์ให้สูงขึ้น เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงน้ำหลาก ใต้โบสถ์จึงสามารถลอดไปมาได้ แต่ละวันจะมีพุทธศาสนิกชนมาลอดโบสถ์เสมอลูกนิมิต ลูกเอก เป็นลูกนิมิตโบราณ ทำจากศิลาแลง อายุไม่ต่ำกว่า 150 ปี มีลักษณะไม่กลมเกลี้ยงเหมือนกับลูกนิมิตปัจจุบัน ลูกนิมิตนี้ได้นำมาจัดวางไว้ในที่ตรงกับใจกลางพระอุโบสถ ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน จุดนี้สามารถปิดทองลูกนิมิตเพื่อความเป็นมงคลได้ ห้องลอยบัว เป็นห้องที่ดูสงบเย็น เปิดไฟแสงสลัว ด้านในประดิษฐานหลวงพ่อบัวเข็ม หน้าองค์พระทำเป็นสระบัวกลางห้อง เพื่อลอยบัวขอพร ส่วนบริเวณด้านข้างยกพื้น จัดเป็นล็อกๆ ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งบูรพาจารย์ ขนาดเท่าองค์จริง ได้แก่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, ท่านพ่อคล้าย วัดสวนขัน, หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง, หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน, หลวงปู่เสาร์ เป็นต้น

ห้องพิพิธภัณฑ์เทพศรีสาขลา อยู่บริเวณริมด้านข้างรอบนอกอาคาร ภายในห้อง จัดแสดงเทวรูปตามความเชื่อของพราหมณ์ฮินดู และเทพต่างๆเช่น พระตรีมูรติ องค์พระพิฆเนศปางต่างๆ พระอิศวร(พระศิวะ) พญาครุฑ พระแม่ธรณีบีบมวยผม เป็นต้น พิพิธภัณฑ์เทพศรีลายลาห้องพระเกจิอาจารย์ เป็นห้องอยู่บริเวณริมด้านข้างรอบนอกอาคาร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ส่วนด้านข้างเป็นตู้โชว์ จัดแสดงรูปปั้นขนาดเล็กของเกจิอาจารย์ต่างๆ มากมายพระรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อยู่บริเวณริมทางเดินด้านนอกมีรูปปั้นเทพเทวดา นางไม้ต่างๆ เช่นเทวดาประจำวันเกิด บรมครูฤาษีชีวโกมาภัจจ์ นางไม้ ตลาดโบราณ บ้านสาขลา เปิดวันเสาร์ –อาทิตย์ เวลา 9.00 – 17.00 น.ในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ บริเวณวัดสาขลา จะมีชาวบ้านมาขายสินค้าท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ชุมชนบ้านสาขลาที่ขึ้นชื่ออย่าง กุ้งเหยียด อาหารทะเลสด และแห้งอื่นๆ อีกมาก เช่น กะปิ น้ำปลา หอยหวาน หอยแครง อาหารสำเร็จรูปของคาว ของหวาน และสินค้าอื่นๆ อีกมากที่ตั้งวัดสาขลา เลขที่ 19 ถนนสุขสวัสดิ์- วัดสาขลา หมู่ 3 บ้านสาขลา ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ

 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page