top of page
ค้นหา

"ครูบาอุ่น อตฺถกาโม"วัดโรงวัว จ.เชียงใหม่ เกจิล้านนา-เมตตาบารมีสูง/ดัง"พระขุนแผน"

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 11 พ.ค. 2567
  • ยาว 2 นาที

"ครูบาอุ่น อตฺถกาโม"วัดโรงวัว จ.เชียงใหม่

เกจิล้านนา-เมตตาบารมีสูง/ดัง"พระขุนแผน"

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ขอนำเสนอประวัติพระครูอรรถกิจจาทร "ครูบาอุ่น อตุถกาโม"วัดโรงวัว ต.แม่ก๊า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ พระดีเกจิดังแห่งล้านนา ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม วัตถุมงคลเข้มขลัง โด่งดัง"พระขุนแผนหลังวัวธนู"

ท่านมีนามเดิมว่า "อุ่น ไชยองค์การณ์" ถือกำเนิด ณ หมู่บ้านโรงวัว ต.แม่ก๊า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ - ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๑ บิดาชื่อ"บุญชุ่ม" มารดาชื่อ "กาบคำ" เป็นบุตรคนที่ ๔ ในจำนวนพี่น้องร่วมท้อง ๙ คน เป็นชาย ๖ คน หญิง ๓ คน ปัจจุบันพี่น้องเสียชีวิตหมดแล้ว ซึ่งพี่ชายทุกคนได้บวชเรียนสืบเนื่องต่อกันมา เมื่ออายุได้ ๘ ขวบพี่ชายที่บวชเรียนอยู่ก่อนแล้วได้พาเข้ามาศึกษาภายในวัดทั้งภาษาไทย และภาษาล้านนาเป็นเวลา๘ ปี

เมื่ออายุครบ ๑๒ ขวบจึงบรรพชาเป็นสามณรโดยครูบาตำ เรณุวณโณ ( เจ้าอาวาส

วัดโรงวัวในขณะนั้น ) ได้เข้าเรียนพระปริยัติธรรมและพระธรรมวินัยจากสำนักวัดโรง

วัว จนจบนักธรรมชั้นเอก นอกจากนั้น ยังศึกษาหาความรู้ในการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน รักษาศีล เจริญภาวนาสมาธิ และมีความสนใจในพระคาถา พระยันต์ต่างๆเป็นพิเศษ จึง

ศึกษาจากตำราโบราณเก่าแก่ของวัดโรงวัวที่สืบทอดกันมายาวนานกว่า 350 ปี

เมื่ออายุ ๒๗ ปีจึงเข้าอุปสมบท ณ อุโบสถวัดโรงวัว เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๔๙๗ โดยมี ครูบาตำ เรณุวณุโณ วัดโรงวัว เป็นพระอุปัชฌาย์ ครูบามูล วิสุทโธ วัดแม่ก๊า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูดี ตันติกโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อตถกาโม" หลังบวชได้จำพรรษาที่วัดโรงวัว

คอยปรนนิบัติพระอุปัชฌาย์ ช่วยอบรมสั่งสอนหนังสือและดูแลนักเรียนทั้งหลาย ซึ่งวัดโรงวัวขณะนั้นเป็นสถานที่สอนหนังสือแก่สามเณร เด็กวัดในละแวกนั้นมาอาศัยอยู่ที่วัดกว่า ๖๐ ชีวิต)

ต่อมาท่านรับคำสั่งจากครูบาตำให้ไป

รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสันกอเก็ด ต.แม่ก๊า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เนื่องจากโยมมารดาครูบาตำบริจาคที่ดินให้วัดสันกอเก็ด แต่ติดที่ครูบาตำยังเป็นเจ้าอาวาสวัดโรงวัว และเจ้าคณะตำบลแม่ก๊าอยู่ จึงไม่สามารถย้ายไปวัดสันกอเก็ด เพราะวาระการดำรง

ตำแหน่งยังไม่สิ้นสุด

จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๓๘ วาระการดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลแม่ก๊าสิ้นสุดลง ครูบาตำจึงลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโรงวัวด้วยแล้วกลับไปจำพรรษายังวัดสันกอเก็ด วัดบ้านเกิด ครูบาอุ่นจึงย้ายกลับมาจำพรรษา และรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโรงวัวแทน โดยรับภาระทั้งหมดของวัด รวมทั้งคอยดูแลบูรณะเสนาสนะ สอนหนังสือภาษาไทย ภาษาพื้นเมืองล้านนาให้แก่สามเณร เด็กวัด

ในปีเดียวกันนี้ ท่านได้เริ่มบูรณะโบสถ์หลังเก่าให้สมบูรณ์แข็งแรง ถึงปี พ.ศ.๒๕๔๕ ครูบาตำมรณภาพลง ครูบาอุ่นจึงรับเป็นเจ้าภาพทั้งหมด และดูแลจนงานเสร็จสิ้น

หลังจากย้ายกลับมาจำพรรษา ณ วัดโรงวัวได้หนึ่งปี วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๓๙ ทางคณะสงฆ์จึงสถาปนาประทวนสมณศักดิ์เป็น "พระครูอุ่น ตถกาโม" เจ้าอาวาสวัดโรงวัว

ถัดมาอีกสี่ปี เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๓ ท่านได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าอาวาสวัตราษฎร์ชั้นโทที่ "พระครูอรรถกิจจาทร" ซึ่งช่วงนี้ท่านได้เริ่มบูรณะวัดครั้งใหญ่ เช่น สร้างศาลาบำเพ็ญบุญ กำแพงแก้ววัด ห้องสุขา และบูรณะกุฏิหลังเก่า ต่อมาวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๓ ท่านได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นเอกในราชทินนามเดิม

ด้านงานสาธารณะประโยชน์ ท่านมิได้สร้างแต่วัดโรงวัวเท่านั้น ตลอดช่วงชีวิตของ

ท่านตั้งแต่บรรพชาได้บริจาคทุนการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาส บริจาคตามสถานที่ต่างๆที่ขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค ร่วมบริจาคเงินสบทบทุนบูรณะสร้างวัดวาอารามทั้งใน

และนอกจังหวัดหลายแห่ง

ชื่อเสียงของท่านเริ่มโด่งดังไปสู่ภายนอก ด้วยความเมตตาทำให้มีคณะศรัทธา ลูกศิษย์เดินทางมาหามากขึ้นอย่างไม่ขาดสาย และยังได้รับกิจนิมนต์อีกมากมายหลายแห่งทั้งงานเล็กงานใหญ่ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลแค่นั้น ท่านก็รับนิมนต์หมด อีกทั้งได้รับนิมนต์ไปร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลหลายรุ่น

แม้ครูบาอุ่นจะมีหน้าที่ตำแหน่งทางคณะสงฆ์แต่ก็มิได้ละการปฏิบัติทางธรรม ท่านยังคงนั่งสมาธิเจริญภาวนา อบรมสั่งสอนศรัทธาชาวบ้านอยู่เช่นเดิม แม้วัยที่ย่างเข้า ๙๖ ปี แต่ท่านยังคงแข็งแรง เดินเหินคล่องแคล่ว ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับศรัทธาสาธุชนด้วยเสียงดังฟังชัด และความเมตตาเช่นเดิม

ด้านวัตถุมงคล ในยุคตันๆนั้นท่านจะจารตะกรุดยันต์พันช่อง มีขนาดต่างๆกันไปพันเชือกสีแจกให้แก่ญาติโยมที่มากราบ และในปี พ.ศ.๒๕๔๖ มีคณะศิษย์มาขอจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกเพื่อร่วมสมทบทุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดโรงวัว

สำหรับวัตถุมงคลที่สร้างชื่อเสียงของท่านให้โด่งดังเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิมก็คือ"พระขุนแผนรุ่นแรก หลังปั๊มวัวธนู ซึ่งมีศิษย์สร้างถวายในปี พ.ศ.๒๕๔๙ แจกให้แก่คณะศรัทธาที่มาทอดผ้าป่า เด่นทางเมตตาสุดยอด เหมือนขุนแผนครูบาจันต๊ะ เพราะมีมวลสารจากขุนแผนรุ่นแรก และรุ่น2ของครูบาจันต๊ะอยู่ด้วย มีผู้นำไปบูชาแล้วเห็นผลทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ค้าขายดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการสร้างตามแต่วาระและโอกาสต่างๆ ทั้งครูบาท่านสร้างเอง ลูกศิษย์วัดจัดสร้าง และศิษย์สร้างถวาย แล้วแต่ผู้ศรัทธาทุกท่านจะเลือกใช้เพราะวัตถุมงคลที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากท่าน กล่าวขานกันว่ามีพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์ดีทุกอย่าง

สำหรับวัดโรงวัวตั้งอยู่ ณ เลขที่ ๑๙๗ หมู่ที่ ๒ ต.แม่ก๊า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ สังกัด

มหานิกาย มีเนื้อที่ ๔ ไร่ ๒ งาน ๗๖ ตารางวา และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ตามประวัติเดิมชื่อ "วัดผางวัว" เป็นวัดร้างมาก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๒๑๐ ในสมัยนั้นมีพ่อค้าวัวจากต่างถิ่นทั้งใกล้และไกลเดินทางนำเอาวัว ควายไปขาย และหยุดพักแรม ณ สถานที่แห่งนี้ บรรดาพ่อค้าเหล่านั้นจึงช่วยกันสร้างปะรำ (ผาง) เป็นที่พักอาศัย จนกระทั่งมีผู้คนเดินทางอพยพทยอยเข้ามาตั้งรกรากถิ่นฐาน สร้างบ้านเรือนพักอาศัยเกิดขึ้นเป็นหมู่บ้าน แกนนำหมู่บ้านคือ"พ่อใจ" จึวชักชวนชาวบ้านที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาช่วยกันแผ้วถางสร้างวัดขึ้น และตั้งชื่อว่า "วัดผางวัว" ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดโรงวัว" สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ลำดับเจ้าอาวาสปกครองวัดสืบต่อกันมาดังนี้

๑. พระคำ ๒. พระอุทัย ๓. พระครอง ๔.พระใจ ๕-๖.ไม่ทราบข้อมูล ๗.ครูบาโปธา สุริโย

๘.พระอธิการปวน อินทจกโก ๙.ครูบาตำ เรณุวณุโณ ๑๐.ครูบาอุ่น อตถกาโม

หลังจากการปกครองของเจ้าอาวาสรูปที่ ๕-๖ ได้สิ้นสุดเกิดการเว้นว่างลง วัดโรงวัวในขณะนั้นขาดการดูแล ทำให้เสนาสนะทรุดโทรมลงอย่างมาก ชาวบ้านจึงไปนิมนต์ท่านครูบาโปธา สุริโย อายุ ๙๐ ปี (ศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย) วัดดอยจอมแจ้ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ มารับตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปที่ ๗ ซึ่งท่านมีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขานในด้านของ

คาถาอาคมต่างๆ และได้ถ่ายทอดให้ลูกศิษย์มากมายทั้งยังเป็นตำราตกทอดมาถึงปัจจุบันด้วย

ต่อมาครูบาโปธาขอลาออกจากตำแหน่งเพื่อไปสร้างวัดดอยชิว อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และถึงแก่การมรณภาพที่วัดนั้น วัดโรงวัวจึงถูกดูแลต่อโดยศิษย์ของท่านคือพระอธิการป่วน อินทจกฺโก เรื่อยมาจนถึงครูบาตำ และครูบาอุ่น ตามลำดับ



 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page