top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

ครูบากฤษณะเกจิดังผช.พระอารามหลวง










เปิดประวัติพระนักพัฒนา-ต่างชาติศรัทธา ครูบากฤษณะพระเกจิอาจารย์ชื่อดังโคราช บวชที่วัดโคกอู่ทอง“หลวงปู่โสฬส”อุปัชฌาย์ รับตราตั้งผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา พระครูวินัยธรสุรเดช อินทฺวณฺโณ หรือ “ครูบากฤษณะ” พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เข้าถวายสักการะเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เนื่องในโอกาสรับตราตั้ง ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร จ.นครราชสีมา

จังหวัดนครราชสีมา เมืองย่าโม โคราช ได้ชื่อว่าเป็นเมืองคนดียอดนักรบ นักบุญของเมืองนี้หลายรูปมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ ที่มีชาวต่างประเทศ มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์เลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก ทั้งในด้านวัตรปฏิบัติ ปฏิปทา การพัฒนา และคาถาอาคมเพียบพร้อม

ปัจจุบันมีอยู่รูปหนึ่งที่เป็นพระผู้เรืองเวทย์ ประจักษ์ต่อสายตาลูกศิษย์ลูกหานับครั้งไม่ถ้วน ท่านมีนามเป็นมงคลว่า ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ เดิมท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดป่ามหาวัน บ้านคลองยาง ต.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา

นามเดิม สุรเดช ตับกลาง เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ส.ค.2497 ตรงกับวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 9 ปีมะแม ที่บ้านโตนด หมู่ 7 ต.โตนด อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา

ท่านเป็นบุตรคนที่ 9 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 10 คน ของคุณพ่อเพ็ชร์ คุณแม่แก้ว ตับกลาง ในตระกูลของท่านตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นทวด จนมาถึงบิดานั้นได้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านทั้งใกล้และไกลมาโดยตลอด ในด้านแพทย์แผนโบราณ ทั้งยาสมุนไพร วิชาคาถาอาคม เวทต่างๆ ลูกๆ หลานๆ จะศึกษาเรียนรู้ตามคำภีร์ตำราโบราณที่บรรพบุรุษได้เก็บรักษาเอาไว้

เมื่อมีเหตุจำเป็นท่านจึงจะใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์บุคคลผู้เจ็บป่วยที่กำลังมีทุกข์เดือดร้อนให้หายจากโรคภัยทุกข์ร้อนต่างๆ ตามบุญกุศลของแต่ละบุคคล โดยที่ไม่เคยเรียกร้องเอาทรัพย์สินเงินทองของผู้ที่ท่านได้ให้ความช่วยเหลือเลยสักรายเดียว ตระกูลของท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาโดยตลอด

ครูบากฤษณะได้เกิดมาในตระกูลที่เป็นผู้เรืองวิชาคาถาอาคม ได้เห็นญาติผู้ใหญ่ทั้งบิดาของท่านใช้อำนาจของสมาธิจิตวิชาความรู้ที่ได้ศึกษาจากคัมภีร์ที่เก็บรักษาไว้นำมาใช้สงเคราะห์ผู้ทุกข์ร้อนเจ็บป่วยให้หายได้ ท่านจึงมีความสนใจใคร่ศึกษาในวิชาต่างๆ ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

เมื่อเจริญวัยขึ้นศึกษาจนเรียนจบชั้นสูงสุดของโรงเรียนบ้านโตนด ท่านจึงได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาอาถรรพ์เวทต่างๆ พร้อมทั้งยาสมุนไพรจากตำรับตำราคัมภีร์โบราณ โดยมีบิดาคอยแนะนำพร่ำสอนในเคล็ดวิชาสำคัญต่างๆ ทั้งภาษาของและภาษาธรรมโบราณได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเหมือนด้วยจะเป็นบารมีเก่าของท่าน

ในช่วงนั้นได้มีพระธุดงค์มาพักอยู่บริเวณใกล้กับหมู่บ้านของท่าน ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นถิ่นทุรกันดารมีป่าไม้ใหญ่อยู่ทั่วไป จึงมักจะเป็นที่พักภาวนาของพระธุดงค์ที่จาริกผ่านมาเสมอ อีกทั้งยังมีผู้ออกบวชเป็นโยคีถือพรตบำเพ็ญตบะตามถ้ำตามป่าเขากมักจะผ่านมาพักในบริเวณนั้นเสมอ

สมัยนั้นท่านยังเด็ก เมื่อมีพระธุดงค์หรือปู่ผ้าขาวโยคีมาพักอยู่ ท่านจะเข้าไปหาอุปัฎฐากรับใช้จนเป็นที่เมตตารักใคร่ของหลวงปู่ครูบาอาจารย์ จนครูบาอาจารย์เห็นนิสัยทางธรรมของท่าน จึงได้ชวนออกบวช

ท่านจึงได้ติดตามร่วมเดินทาง และได้บวชเป็นสามเณรร่วมจาริกธุดงค์ตามหลวงปู่ครูบาอาจารย์มุ่งสู่ประเทศลาวและเขมร อาศัยอยู่ตามถ้ำในป่าเขาดงดิบปลูกเผือก ปลูกมัน และผลไม้เป็นอาหารดำรงชีวิตไปวันๆ ท่านได้อุปัฎฐากรับใช้ครูบาอาจารย์ พร้อมทั้งร่ำเรียนวิชาทั้งปริยัติธรรม และพระกรรมฐานการเจริญภวนาอย่างเข้มงวด ตามอย่างพระธุดงค์ด้วยการมอบกายถวายชีวิต จนเกิดความเชื่อมั่นในคุณของสมาธิพุทธานุภาพ

สามเณรกฤษณะได้อยู่อุปัฎฐากรับใช้ และร่ำเรียนวิชาอยู่กับหลวงปู่ครูบาอาจารย์เป็นเวลาสิบกว่าปี ท่านจึงลาสิกขาจากสามเณรและเดินทางกลับยังบ้านเกิด

มาต่อกันที่ เมื่อครูบากฤษณะ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในเพศฆราวาส ได้เดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อมาช่วยแบ่งเบาภาระการงานต่างๆ ของบิดามารดาด้วยการช่วยทำนาและงานต่างๆ ด้วยความขยันขันแข็ง

เมื่อเจริญวัยโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์ท่านจึงออกรับจ้างหางานทำทั้งงานเบา งานก่อสร้าง จนสุดท้ายได้ไปทำงานในบริษัทรุ่งสินก่อสร้าง โดยเป็นช่างเชื่อม ช่างประกอบโลหะ

ในขณะนั้นท่านทำงานด้วยความขยันมีความรับผิดชอบต่องานที่นายจ้างมอบหมายให้ จนเป็นที่ไว้วางใจต่อนายจ้างมาโดยตลอด พออายุได้ 25 ปี บิดาของท่านก็เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ท่านจึงมีความปรารถนาจะบวชเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา และผู้มีอุปการะคุณ

เมื่อปรารถนาที่จะอุปสมบท คุณสุรพันธ์ และคุณนายมาลี งามจิตสุขศรี เจ้าของบริษัทรุ่งสินก่อสร้าง จึงได้รับเป็นเจ้าภาพในการอุปสมบทให้ ณ วัดโคกอู่ทอง ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

โดยมี พระครูธรรมรงโพธิเขต (หลวงปู่โสฬส) เจ้าอาวาสวัดโคกอู่ทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ฝั้น ชุตินทโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์กลม วิมโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2522 ตรงกับวันเสาร์ 7 ค่ำ เดือน 12 โดยได้รับฉายาว่า “อินทวัณโณ”

เมื่อท่านได้อุปสมบทแล้ว ด้วยนิสัยที่รักการศึกษาหาความรู้ ครูบากฤษณะได้ให้ความสนใจศึกษาพระปริยัติธรรมเป็นพิเศษ ทั้งจากพระไตรปิฎก และครูบาอาจารย์ผู้เป็นนักปราชญ์ทรงคุณธรรมหลายท่าน จนจิตใจมีความมั่นคงศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า

ท่านได้ปลีกวิเวกออกจากหมู่คณะ เที่ยวจาริกธุดงค์อาศัยอยู่แต่ในป่าเขา อาศัยอยู่ในเงื้อมผา ถ้ำ เป็นเวลาสิบกว่าพรรษาเพื่อเจริญจิตบำเพ็ญภาวนา โดยถือวัตรธุดงค์อย่างอุกฤษณ์ยอมมอบกายถวายชีวิตในพระพุทธศาสนามาตลอด

ครูบากฤษณะได้ปลีกตัวจาริกธุดงค์แต่ผู้เดียวตามป่าเขาดงดิบ ตั้งแต่เทือกเขาใหญ่ เข้าเขตภาคตะวันออก ทั้งเขตจันทบุรี เลยลงมาหลายจังหวัด จนเป็นที่รู้จักเคารพนับถือโดยเฉพาะในบริเวณที่ท่านเคยอยู่พักอาศัยปลีกภาวนาในสถานที่ต่างๆเหล่านั้น

จนเมื่อปีพ.ศ.2532 ครูบากฤษณะได้จาริกธุดงค์มาบำเพ็ญสมณธรรมบริเวณเทือกเขาจอมทองตามเงื่อมผาต่างๆ อยู่บนภูเขาเหนือเขื่อนมูลบนอำเภอครบุรี

ท่านได้จาริกธุดงค์ปลีกภาวนาอยู่ประมาณ 3 พรรษา ชาวบ้านที่รู้ว่ามีพระภิกษุมาเจริญสมณธรรมจึงเกิดศรัทธาพากันขึ้นไปทำบุญ และสนทนาธรรมกับท่านอยู่เสมอ

ในที่สุดคณะศรัทธาชาวบ้านคลองยางจึงพร้อมใจกันอาราธนานิมนต์ครูบากฤษณะมาเป็นประธานในการก่อสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นเมื่อพ.ศ.2536 คือ “สำนักป่ามหาวัน”

เมื่อคณะศิษย์ทราบข่าวว่าครูบาอาจารย์มาสร้างสำนัก จึงเข้ามาช่วยเหลืองานและบำเพ็ญสมณธรรมหลายรูป จึงได้ร่วมกันก่อสร้างเสนาสนะต่างๆขึ้นและได้ขุดบ่อน้ำขึ้นที่เชิงเขา เพื่อนำมาใช้อุปโภคบริโภค

คณะศิษย์จึงนำเอาดินก้นบ่อน้ำที่ขุดมากดลงเป็น “รูปนกสาริกา” ด้วยความศรัทธาที่จะได้สิ่งเป็นมงคลจากครูบาอาจารย์ เมื่อนำดินก้นบ่อมาทำเป็นรูปนกสาริกาคู่ และนำมาให้ท่านอธิษฐานจิต เพื่อให้คณะศรัทธาชาวบ้านและผู้ที่มาร่วมบุญอุปถัมภ์ อุปัฏฐากพระภิกษุสงฆ์ในพรรษาแรกที่ก่อสร้างสำนัก

เมื่อคณะศิษย์ได้นำดินรูปนกสาริกาไปอธิษฐานจิตบูชา เกิดผลในการทำมาหากินการงานที่เคยติดขัดก็คล่องตัวขึ้น จึงมีผู้แสวงหารูปสาริกากันมาก จึงพากันมาขอรูปสาริกาต่อท่าน เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นกำลังใจให้เกิดความเชื่อมั่นในการทำมาหากิน

ครูบากฤษณะก็สงเคราะห์เสาะแสวงหามวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นำมาเขียนเป็นผงอธิษฐานจิตแจกให้แก่ผู้มีศรัทธาโดยไม่คิดหวังสิ่งตอบแทนจากผู้มาขอเหล่านี้ จนปัจจุบันนี้รูปนกสาริกาคู่ของสำนักป่ามหาวันเป็นที่หวงแหนต่อคณะศิษย์ยานุศิษย์ทั้งหลาย

หลังจากนั้นท่านได้สร้างสิ่งมงคลด้วยการเขียนสูตรมนต์ลงผงนำมาบูชาด้วยเครื่องหอมหลายชนิด อธิษฐานจิตแล้วจึงนำมากดพิมพ์เป็น “รูปเทพจำแลงภมร” บริกรรมอธิษฐานจิตเป็นเครื่องมงคลนำมาให้ผู้มีจิตศรัทธาเก็บรักษาบูชา เป็นที่ระลึกเสมือนแทนองค์ครูบาอาจารย์

ศิษย์ส่วนมากนั้นเมื่อจะไปประกอบอาชีพหรือมีปัญหาในชีวิต การงานไม่ก้าวหน้า มักจะมาหาพึ่งบารมีรับศีลรับพรโอวาทธรรมจากท่านครูบาอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดกำลังใจ เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองประสพความสำเร็จในอาชีพการงาน

ท่านจะกล่าวภาษิตเตือน และให้กำลังใจต่อผู้มีทุกข์เดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ดังภาษิตว่า “คนล้มแล้วไม่ยอมลุก ชีวิตจะมีแต่ทุกข์เดือดร้อน เมื่อล้มแล้วรีบลุก จะพบความสุขสมดั่งใจแน่นอน”

เครื่องมงคลของครูบากฤษณะจะเต็มเปี่ยมดั่งเสมือนกับดวงจิตของท่าน ที่มีแต่ความเมตตาด้วยบารมีธรรม ให้ผู้ระลึกนึกถึงเคารพบูชาในพระรัตนตรัย มีความกตัญญูต่อบุพพการี ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณด้วยกุศลบารมีชีวิตจะมีความรุ่งเรือง ประสพความสำเร็จในอาชีพการงานต่างๆ

ท่านจะให้กำลังใจพร้อมทั้งโอวาทธรรม และหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือต่อบุคคลที่มีทุกข์เดือดร้อนจิตเมตตาเสมอ จึงเป็นที่เคารพรักเป็นที่ศรัทธาต่อคณะศิษย์เป็นจำนวนมากทั่วทุกสารทิศ จะเห็นได้จากในงานบูชาครูทุกๆปี จะแน่นขนัดด้วยผู้ที่เคารพศรัทธาได้หลั่งไหลมาร่วมงานบูชาบูรพาจารย์

ต่อมา ครูบากฤษณะได้ก่อสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นอีกแห่งหนึ่งคือ สำนักสงฆ์ป่าเวฬุวัน บ้านคลองกระทิง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และล่าสุดท่านจำพรรษา อยู่ที่ สำนักอาศรมสถานสวนพุทธศาสตร์ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา

ศิษย์ศรัทธาอยากไปกราบนมัสการขอพรก็เชิญได้เลย!!!

ดู 422 ครั้ง0 ความคิดเห็น

תגובות


bottom of page