top of page
ค้นหา

ครูบากฤษณะเกจิดังผช.พระอารามหลวง

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 26 พ.ค. 2563
  • ยาว 1 นาที









เปิดประวัติพระนักพัฒนา-ต่างชาติศรัทธา ครูบากฤษณะพระเกจิอาจารย์ชื่อดังโคราช บวชที่วัดโคกอู่ทอง“หลวงปู่โสฬส”อุปัชฌาย์ รับตราตั้งผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา พระครูวินัยธรสุรเดช อินทฺวณฺโณ หรือ “ครูบากฤษณะ” พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เข้าถวายสักการะเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เนื่องในโอกาสรับตราตั้ง ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร จ.นครราชสีมา

จังหวัดนครราชสีมา เมืองย่าโม โคราช ได้ชื่อว่าเป็นเมืองคนดียอดนักรบ นักบุญของเมืองนี้หลายรูปมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ ที่มีชาวต่างประเทศ มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์เลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก ทั้งในด้านวัตรปฏิบัติ ปฏิปทา การพัฒนา และคาถาอาคมเพียบพร้อม

ปัจจุบันมีอยู่รูปหนึ่งที่เป็นพระผู้เรืองเวทย์ ประจักษ์ต่อสายตาลูกศิษย์ลูกหานับครั้งไม่ถ้วน ท่านมีนามเป็นมงคลว่า ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ เดิมท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดป่ามหาวัน บ้านคลองยาง ต.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา

นามเดิม สุรเดช ตับกลาง เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ส.ค.2497 ตรงกับวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 9 ปีมะแม ที่บ้านโตนด หมู่ 7 ต.โตนด อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา

ท่านเป็นบุตรคนที่ 9 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 10 คน ของคุณพ่อเพ็ชร์ คุณแม่แก้ว ตับกลาง ในตระกูลของท่านตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นทวด จนมาถึงบิดานั้นได้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านทั้งใกล้และไกลมาโดยตลอด ในด้านแพทย์แผนโบราณ ทั้งยาสมุนไพร วิชาคาถาอาคม เวทต่างๆ ลูกๆ หลานๆ จะศึกษาเรียนรู้ตามคำภีร์ตำราโบราณที่บรรพบุรุษได้เก็บรักษาเอาไว้

เมื่อมีเหตุจำเป็นท่านจึงจะใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์บุคคลผู้เจ็บป่วยที่กำลังมีทุกข์เดือดร้อนให้หายจากโรคภัยทุกข์ร้อนต่างๆ ตามบุญกุศลของแต่ละบุคคล โดยที่ไม่เคยเรียกร้องเอาทรัพย์สินเงินทองของผู้ที่ท่านได้ให้ความช่วยเหลือเลยสักรายเดียว ตระกูลของท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาโดยตลอด

ครูบากฤษณะได้เกิดมาในตระกูลที่เป็นผู้เรืองวิชาคาถาอาคม ได้เห็นญาติผู้ใหญ่ทั้งบิดาของท่านใช้อำนาจของสมาธิจิตวิชาความรู้ที่ได้ศึกษาจากคัมภีร์ที่เก็บรักษาไว้นำมาใช้สงเคราะห์ผู้ทุกข์ร้อนเจ็บป่วยให้หายได้ ท่านจึงมีความสนใจใคร่ศึกษาในวิชาต่างๆ ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

เมื่อเจริญวัยขึ้นศึกษาจนเรียนจบชั้นสูงสุดของโรงเรียนบ้านโตนด ท่านจึงได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาอาถรรพ์เวทต่างๆ พร้อมทั้งยาสมุนไพรจากตำรับตำราคัมภีร์โบราณ โดยมีบิดาคอยแนะนำพร่ำสอนในเคล็ดวิชาสำคัญต่างๆ ทั้งภาษาของและภาษาธรรมโบราณได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเหมือนด้วยจะเป็นบารมีเก่าของท่าน

ในช่วงนั้นได้มีพระธุดงค์มาพักอยู่บริเวณใกล้กับหมู่บ้านของท่าน ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นถิ่นทุรกันดารมีป่าไม้ใหญ่อยู่ทั่วไป จึงมักจะเป็นที่พักภาวนาของพระธุดงค์ที่จาริกผ่านมาเสมอ อีกทั้งยังมีผู้ออกบวชเป็นโยคีถือพรตบำเพ็ญตบะตามถ้ำตามป่าเขากมักจะผ่านมาพักในบริเวณนั้นเสมอ

สมัยนั้นท่านยังเด็ก เมื่อมีพระธุดงค์หรือปู่ผ้าขาวโยคีมาพักอยู่ ท่านจะเข้าไปหาอุปัฎฐากรับใช้จนเป็นที่เมตตารักใคร่ของหลวงปู่ครูบาอาจารย์ จนครูบาอาจารย์เห็นนิสัยทางธรรมของท่าน จึงได้ชวนออกบวช

ท่านจึงได้ติดตามร่วมเดินทาง และได้บวชเป็นสามเณรร่วมจาริกธุดงค์ตามหลวงปู่ครูบาอาจารย์มุ่งสู่ประเทศลาวและเขมร อาศัยอยู่ตามถ้ำในป่าเขาดงดิบปลูกเผือก ปลูกมัน และผลไม้เป็นอาหารดำรงชีวิตไปวันๆ ท่านได้อุปัฎฐากรับใช้ครูบาอาจารย์ พร้อมทั้งร่ำเรียนวิชาทั้งปริยัติธรรม และพระกรรมฐานการเจริญภวนาอย่างเข้มงวด ตามอย่างพระธุดงค์ด้วยการมอบกายถวายชีวิต จนเกิดความเชื่อมั่นในคุณของสมาธิพุทธานุภาพ

สามเณรกฤษณะได้อยู่อุปัฎฐากรับใช้ และร่ำเรียนวิชาอยู่กับหลวงปู่ครูบาอาจารย์เป็นเวลาสิบกว่าปี ท่านจึงลาสิกขาจากสามเณรและเดินทางกลับยังบ้านเกิด

มาต่อกันที่ เมื่อครูบากฤษณะ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในเพศฆราวาส ได้เดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อมาช่วยแบ่งเบาภาระการงานต่างๆ ของบิดามารดาด้วยการช่วยทำนาและงานต่างๆ ด้วยความขยันขันแข็ง

เมื่อเจริญวัยโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์ท่านจึงออกรับจ้างหางานทำทั้งงานเบา งานก่อสร้าง จนสุดท้ายได้ไปทำงานในบริษัทรุ่งสินก่อสร้าง โดยเป็นช่างเชื่อม ช่างประกอบโลหะ

ในขณะนั้นท่านทำงานด้วยความขยันมีความรับผิดชอบต่องานที่นายจ้างมอบหมายให้ จนเป็นที่ไว้วางใจต่อนายจ้างมาโดยตลอด พออายุได้ 25 ปี บิดาของท่านก็เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ท่านจึงมีความปรารถนาจะบวชเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา และผู้มีอุปการะคุณ

เมื่อปรารถนาที่จะอุปสมบท คุณสุรพันธ์ และคุณนายมาลี งามจิตสุขศรี เจ้าของบริษัทรุ่งสินก่อสร้าง จึงได้รับเป็นเจ้าภาพในการอุปสมบทให้ ณ วัดโคกอู่ทอง ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

โดยมี พระครูธรรมรงโพธิเขต (หลวงปู่โสฬส) เจ้าอาวาสวัดโคกอู่ทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ฝั้น ชุตินทโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์กลม วิมโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2522 ตรงกับวันเสาร์ 7 ค่ำ เดือน 12 โดยได้รับฉายาว่า “อินทวัณโณ”

เมื่อท่านได้อุปสมบทแล้ว ด้วยนิสัยที่รักการศึกษาหาความรู้ ครูบากฤษณะได้ให้ความสนใจศึกษาพระปริยัติธรรมเป็นพิเศษ ทั้งจากพระไตรปิฎก และครูบาอาจารย์ผู้เป็นนักปราชญ์ทรงคุณธรรมหลายท่าน จนจิตใจมีความมั่นคงศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า

ท่านได้ปลีกวิเวกออกจากหมู่คณะ เที่ยวจาริกธุดงค์อาศัยอยู่แต่ในป่าเขา อาศัยอยู่ในเงื้อมผา ถ้ำ เป็นเวลาสิบกว่าพรรษาเพื่อเจริญจิตบำเพ็ญภาวนา โดยถือวัตรธุดงค์อย่างอุกฤษณ์ยอมมอบกายถวายชีวิตในพระพุทธศาสนามาตลอด

ครูบากฤษณะได้ปลีกตัวจาริกธุดงค์แต่ผู้เดียวตามป่าเขาดงดิบ ตั้งแต่เทือกเขาใหญ่ เข้าเขตภาคตะวันออก ทั้งเขตจันทบุรี เลยลงมาหลายจังหวัด จนเป็นที่รู้จักเคารพนับถือโดยเฉพาะในบริเวณที่ท่านเคยอยู่พักอาศัยปลีกภาวนาในสถานที่ต่างๆเหล่านั้น

จนเมื่อปีพ.ศ.2532 ครูบากฤษณะได้จาริกธุดงค์มาบำเพ็ญสมณธรรมบริเวณเทือกเขาจอมทองตามเงื่อมผาต่างๆ อยู่บนภูเขาเหนือเขื่อนมูลบนอำเภอครบุรี

ท่านได้จาริกธุดงค์ปลีกภาวนาอยู่ประมาณ 3 พรรษา ชาวบ้านที่รู้ว่ามีพระภิกษุมาเจริญสมณธรรมจึงเกิดศรัทธาพากันขึ้นไปทำบุญ และสนทนาธรรมกับท่านอยู่เสมอ

ในที่สุดคณะศรัทธาชาวบ้านคลองยางจึงพร้อมใจกันอาราธนานิมนต์ครูบากฤษณะมาเป็นประธานในการก่อสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นเมื่อพ.ศ.2536 คือ “สำนักป่ามหาวัน”

เมื่อคณะศิษย์ทราบข่าวว่าครูบาอาจารย์มาสร้างสำนัก จึงเข้ามาช่วยเหลืองานและบำเพ็ญสมณธรรมหลายรูป จึงได้ร่วมกันก่อสร้างเสนาสนะต่างๆขึ้นและได้ขุดบ่อน้ำขึ้นที่เชิงเขา เพื่อนำมาใช้อุปโภคบริโภค

คณะศิษย์จึงนำเอาดินก้นบ่อน้ำที่ขุดมากดลงเป็น “รูปนกสาริกา” ด้วยความศรัทธาที่จะได้สิ่งเป็นมงคลจากครูบาอาจารย์ เมื่อนำดินก้นบ่อมาทำเป็นรูปนกสาริกาคู่ และนำมาให้ท่านอธิษฐานจิต เพื่อให้คณะศรัทธาชาวบ้านและผู้ที่มาร่วมบุญอุปถัมภ์ อุปัฏฐากพระภิกษุสงฆ์ในพรรษาแรกที่ก่อสร้างสำนัก

เมื่อคณะศิษย์ได้นำดินรูปนกสาริกาไปอธิษฐานจิตบูชา เกิดผลในการทำมาหากินการงานที่เคยติดขัดก็คล่องตัวขึ้น จึงมีผู้แสวงหารูปสาริกากันมาก จึงพากันมาขอรูปสาริกาต่อท่าน เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นกำลังใจให้เกิดความเชื่อมั่นในการทำมาหากิน

ครูบากฤษณะก็สงเคราะห์เสาะแสวงหามวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นำมาเขียนเป็นผงอธิษฐานจิตแจกให้แก่ผู้มีศรัทธาโดยไม่คิดหวังสิ่งตอบแทนจากผู้มาขอเหล่านี้ จนปัจจุบันนี้รูปนกสาริกาคู่ของสำนักป่ามหาวันเป็นที่หวงแหนต่อคณะศิษย์ยานุศิษย์ทั้งหลาย

หลังจากนั้นท่านได้สร้างสิ่งมงคลด้วยการเขียนสูตรมนต์ลงผงนำมาบูชาด้วยเครื่องหอมหลายชนิด อธิษฐานจิตแล้วจึงนำมากดพิมพ์เป็น “รูปเทพจำแลงภมร” บริกรรมอธิษฐานจิตเป็นเครื่องมงคลนำมาให้ผู้มีจิตศรัทธาเก็บรักษาบูชา เป็นที่ระลึกเสมือนแทนองค์ครูบาอาจารย์

ศิษย์ส่วนมากนั้นเมื่อจะไปประกอบอาชีพหรือมีปัญหาในชีวิต การงานไม่ก้าวหน้า มักจะมาหาพึ่งบารมีรับศีลรับพรโอวาทธรรมจากท่านครูบาอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดกำลังใจ เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองประสพความสำเร็จในอาชีพการงาน

ท่านจะกล่าวภาษิตเตือน และให้กำลังใจต่อผู้มีทุกข์เดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ดังภาษิตว่า “คนล้มแล้วไม่ยอมลุก ชีวิตจะมีแต่ทุกข์เดือดร้อน เมื่อล้มแล้วรีบลุก จะพบความสุขสมดั่งใจแน่นอน”

เครื่องมงคลของครูบากฤษณะจะเต็มเปี่ยมดั่งเสมือนกับดวงจิตของท่าน ที่มีแต่ความเมตตาด้วยบารมีธรรม ให้ผู้ระลึกนึกถึงเคารพบูชาในพระรัตนตรัย มีความกตัญญูต่อบุพพการี ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณด้วยกุศลบารมีชีวิตจะมีความรุ่งเรือง ประสพความสำเร็จในอาชีพการงานต่างๆ

ท่านจะให้กำลังใจพร้อมทั้งโอวาทธรรม และหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือต่อบุคคลที่มีทุกข์เดือดร้อนจิตเมตตาเสมอ จึงเป็นที่เคารพรักเป็นที่ศรัทธาต่อคณะศิษย์เป็นจำนวนมากทั่วทุกสารทิศ จะเห็นได้จากในงานบูชาครูทุกๆปี จะแน่นขนัดด้วยผู้ที่เคารพศรัทธาได้หลั่งไหลมาร่วมงานบูชาบูรพาจารย์

ต่อมา ครูบากฤษณะได้ก่อสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นอีกแห่งหนึ่งคือ สำนักสงฆ์ป่าเวฬุวัน บ้านคลองกระทิง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และล่าสุดท่านจำพรรษา อยู่ที่ สำนักอาศรมสถานสวนพุทธศาสตร์ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา

ศิษย์ศรัทธาอยากไปกราบนมัสการขอพรก็เชิญได้เลย!!!

 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page