คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง
ประจำวันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย. 2567
“หลวงพ่อทองอยู่ ยโส” วัดใหม่หนองพะอง
เกจิมหาชัยร่วมยุคพ่อสุด-สหธรรมิก"ปู่โต๊ะ"
เจ้าตำรับ”เหรียญดัง-สมเด็จหลังเสือเผ่น”
"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ
หนึ่งในพระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคมชื่อดังแห่งเมืองมหาชัย...พระครูสุตาธิการี หรือ “หลวงพ่อทองอยู่ ยโส” อดีตเจ้าอาวาสวัดใหม่หนองพะอง จ.สมุทรสาคร เกจิอาจารย์ร่วมสมัยกับ”หลวงพ่อสุด วัดกาหลง” หนึ่งในอาจารย์ของจอมโจรตี๋ใหญ่ในตำนาน เจ้าตำรับเหรียญเสือเผ่น หลังยันต์ตะกร้อ และเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ โดยท่านทั้งสองมักได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลร่วมกันเสมอ
ท่านเกิดในตระกูล “ชมปรารภ” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “สิงหเสนี” ซึ่งเป็นตระกูลนักรบ เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พ.ค.2430 เป็นบุตรคนที่ 3 ของ นายคำ และนางปั่น ชมปรารภ เมื่ออายุประมาณ 30 ปีได้เข้าอุปสมบท ณ วัดใหม่หนองพะอง ต.หนองแขม อ.กระทุ่มแบน จ.ธนบุรี(สมัยนั้น) ตรงกับวันที่ 15 ก.ค. 2461 โดยมี หลวงพ่ออาจ วัดดอนไก่ดี เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อคง วัดหงอนไก่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อแห วัดใหม่หนองพะอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ครั้นพอพรรษาแรก จิตใจรู้สึกสงบและซาบซึ้งในรสพระธรรมจึงอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ตลอดมา
สมัยที่ท่านยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ท่านได้ธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรกว่า 30 ปี ไปในที่ทุรกันดารต่างๆ ที่ใดที่มีพระอาจารย์เก่งกล้าทางคาถาอาคม หรือเก่งทางด้านปฏิบัติธรรมก็จะไปฝากตัวเป็นศิษย์ เพื่อขอศึกษาวิชาความรู้ต่างๆ โดยทุกปีท่านจะเดินธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมที่ภาคเหนือเป็นประจำ ทำให้มีโอกาสได้กราบนมัสการครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย อีกทั้งยังเป็นศิษย์ในกรรมฐานของครูบาศรีวิชัย โดยท่านเคยชักชวนหลวงพ่อทองอยู่ให้อยู่ด้วยกัน แต่หลวงพ่อทองอยู่ยังติดภาระที่ต้องดูแลวัด จึงต้องเดินทางกลับ ซึ่งครูบาศรีวิชัยได้ถวายปัจจัยค่าเดินทางกลับให้อยู่เสมอ
นอกจากนี้ ท่านยังได้เรียนวิชาเพิ่มเติมจากหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ศิษย์รุ่นน้องของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งมีอาจารย์ร่วมสำนักเดียวกันคือ หลวงปู่แสง วัดมณีชลขัณฑ์ จ.ลพบุรี (ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันอีกท่านคือ หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์)
สมัยนั้นยังมีพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่านที่มาขอเรียนวิชาเพิ่มเติมจากหลวงปู่ทอง เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา, หลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม, หลวงปู่จาด วัดบางกะเบา จ.ปราจีนบุรี, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ, พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช, หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา, หลวงพ่ออี๋ สัตหีบ จ.ชลบุรี และหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ
เรื่องพลังจิตของท่านนั้นกล่าวกันว่าสุดยอด เล่ากันว่า มูลเหตุที่ท่านได้รับฉายาจากศิษยานุศิษย์ทั้งหลายว่า "หลวงพ่อทองอยู่ ดับดาวเดือน" เพราะท่านเคยแสดงให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดดู โดยถามว่า ต้องการให้ดับดาวดวงไหน ให้ลองชี้มา แล้วท่านจะดับให้ดู ครั้นพอลูกศิษย์บอกว่าต้องการดูดวงไหนดับแล้ว ท่านบริกรรมคาถาสักครู่ แล้วชี้ไปที่ดาวดวงนั้น แสงดาวก็จะหายวับดับไปในทันทีราวกับปาฏิหาริย์
วิชาที่สุดยอดของท่านอีกอย่างคือ ลงกระหม่อมด้วยน้ำมันจันทน์หอม ใครได้ลงครบ 3 ครั้งรับรองได้ว่าไม่มีตายโหง และไม่อดไม่อยาก เป็นที่รักใคร่ของคนโดยทั่วไป ท่านเจริญเมตตาจนมีฝูงปลาสวายมาอยู่หน้าวัดเต็มไปหมดเลย
ท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ โดยเรียนวิชายันต์ตรีนิสิงเหจากหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ สมุทรสาคร มาด้วยกัน งานไหนมีปลุกเสกเครื่องรางของขลัง หรือวัตถุมงคล ที่นั่นจะมีหลวงปู่โต๊ะกับหลวงพ่อทองอยู่เคียงคู่กันเสมอ และท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ 1 ใน 4 องค์ ที่หลวงปู่โต๊ะนิมนต์มาในงานครบรอบวันเกิดของท่านทุกปี อีกสามองค์ที่เหลือ องค์แรกคือ หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง กรุงเทพฯ องค์ที่ 2 หลวงพ่อฮะ วัดดอนไก่ดี สมุทรสาคร องค์ที่ 3 เป็นพระจีน (ไม่ทราบชื่อ)
วัตถุมงคลที่สร้างในสมัยที่หลวงพ่อทองอยู่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเทียบกับพระเกจิอาจารย์อื่นๆ ที่ร่วมสมัยเดียวกัน อย่างเช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อสุด วัดกาหลง, หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง, หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ฯลฯ แล้วถือว่าน้อยมาก และมีเพียงไม่กี่แบบ ซึ่งปัจจุบันสามารถศึกษาหาข้อมูลได้ตามเว็บไซต์พระเครื่องต่างๆ เช่น เหรียญรุ่นแรกสร้างปีพ.ศ.2509 จัดสร้างขึ้นเพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานฉลองอายุครบ80ปี เท่าที่พบมีเพียงเนื้อเดียวคือ เนื้อทองแดง ส่วนผิวเหรียญมี นิกเกิล ผิวไฟ และรมดำ จำนวนสร้างน่าจะไม่เกิน 2,000เหรียญ
ทั้งนี้ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่อยู่แถวเซียงกง เป็นคนจ้างช่างแกะบล็อกถวาย เหรียญที่ปั๊มมาชุดแรก เป็นบล็อก “สุตาธิการ” ซึ่งพอหลวงพ่อเห็นแกะชื่อท่านผิดเป็น “พระครูสุตาธิการ” คือตก”สระอี”ไป จึงให้แกะบล็อกใหม่เพิ่มสระอีเข้าไป แล้วปั๊มออกมาใหม่อีกชุด เป็นบล็อค”สุตาธิการี” แล้วนำมาปลุกเสกพร้อมกัน หลังจากที่ได้ปลุกเสกแล้ว ส่วนหนึ่งหลวงพ่อเก็บไว้แจกลูกศิษย์ลูกหา ส่วนที่เหลือบรรดาลูกศิษย์ก้นกุฏิก็แบ่งกันเอาไปแจกกันเอง
เหรียญรุ่นดับดาว ปี2521 เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์มากที่สุด สาเหตุที่เรียกว่า “รุ่นดับดาว” เพราะในวันปลุกเสกพระ หลวงพ่อทองอยู่ได้แสดงวิชาดับดาวบนท้องฟ้าให้ลูกศิษย์ดู ที่สำคัญ ด้านหลังเหรียญรุ่นนี้มีรูปดาวอยู่ 3 ดวงจึงสอดคล้องกับชื่อรุ่นว่า"ดับดาว" ซึ่งในหมู่ลูกศิษย์บางคนหวงมากกว่าเหรียญรุ่นแรก
พระกริ่ง-ชัยวัฒน์สุตาธิการี ปี2526, พระกริ่งตั๊กแตนมี 3 รุ่น (ปี2509, 2519, 2526) นอกนั้นก็เป็นพวกพระปิดตา, รูปหล่อ,ล็อกเก็ต, ภาพถ่าย, ท้าวเวสสุวัณ เนื้อผงใบลาน เป็นต้น
สำหรับพระเครื่องที่ได้รับความนิยมสูงสุด ท่านสร้างมาก่อนปีพ.ศ.2500 คือ พระสมเด็จ มีพระสมเด็จเนื้อผงขาว และพระสมเด็จเนื้อผงใบลาน (สีดำ) มีหลายพิมพ์ แต่ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายและถือเป็นเอกลักษณ์ของท่านก็เห็นจะเป็น "สมเด็จหลังเสือเผ่น" ซึ่งสร้างมา 2-3 รุ่น หลายรูปแบบ (เสือเล็ก-เสือใหญ่) หลายพิมพ์ ปัจจุบันเป็นที่เสาะแสวงหาของนักนิยมสะสมพระเครื่องอย่างกว้างขวาง
พระสมเด็จเนื้อผงของท่านสร้างจากผงวิเศษที่ท่านเก็บสะสมและทำไว้ด้วยตัวของท่านเอง ท่านมีความสามารถลบผงวิเศษทั้ง 5 ประการ คือ ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงมหาราช ผงพุทธคุณ และผงตรีนิสิงเห ตามตำรับเดียวกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) โดยผสมน้ำมันจันทน์หอม ลงไปในเนื้อพระดังกล่าวด้วย ทำให้พระสมเด็จของท่านนั้นมีพุทธคุณโดดเด่น
สมเด็จทุกรุ่นของท่านนั้นมีมวลสารสุดยอดจริงๆ มีทั้งผงสมเด็จเก่าๆ ที่หลวงพ่อได้รวบรวมไว้ เช่น ผงแตกหักของพระวัดระฆัง, ผงแตกหักของพระกรุวัดบางขุนพรหม ซึ่งแต่ก่อนนั้นหาได้ไม่ยากนัก และที่สำคัญ คือ ผงของวัดพระยาบึงสุเรนทร์ (หลวงปู่ทองเป็นประธานการปลุกเสก) ซึ่งได้มาจากตระกูลของท่าน ดังนั้นในแต่ละรุ่นจึงสร้างได้น้อยและมีไม่มากนัก เพราะท่านพิถีพิถันในการสร้างพระสมเด็จเป็นอย่างมาก ไม่ให้เสีย ชื่อสำนักและครูบาอาจารย์ก็ว่าได้
หากใครต้องการหาพระสมเด็จวัดระฆัง หรือสมเด็จวัดบางขุนพรหมขึ้นคอสักองค์ แล้วหาไม่ได้ เพราะสนนราคาในปัจจุบันสูงมาก ก็สามารถอาราธนาพระสมเด็จของหลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง คล้องคอทดแทนได้เลย เพราะมีพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์ครบเครื่องเช่นกัน
#ฉัตรสยาม
Comments