top of page
ค้นหา

คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย. 2567 "หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร"เกจิดังวัดวังหว้า ระยอง เจ้าตำรับ"ผ้ายันต์พัดโบก"/อายุยืนยาว100ปี

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 30 มิ.ย. 2567
  • ยาว 1 นาที

#คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง

ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย. 2567


"หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร"เกจิดังวัดวังหว้า ระยอง

เจ้าตำรับ"ผ้ายันต์พัดโบก"/อายุยืนยาว100ปี


"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ

"หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร" หรือพระมงคลศีลาจารย์ ชาวบ้านทั่วไปเรียกนามท่านว่า “ท่านพ่อคร่ำ” อดีตเจ้าอาวาสวัดวังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง ถือว่าเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ดัง

ที่มีชื่อเสียง มีอายุยืนยาวเกินร้อยปี และได้รับความเลื่อมใสศรัทธาของมหาชนทั่วฟ้าเมืองไทย โดยเฉพาะชาวทะเลตะวันออก


ท่านเป็นพระสงฆ์ร่วมยุคกับ พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ปัตตานี, หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง จ.เลย, หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก จ.ชลบุรี, หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี, หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง, หลวงปู่จู วัดเขียนเขต จ.ปทุมธานี, หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ จ.ชลบุรี ฯลฯ


ท่านมีนามเดิมว่า “คร่ำ” นามสกุล “อรัญวงศ์” เกิดเมื่อวันพุธ แรม 10 ค่ำ เดือน 11 ปีระกา ตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2440 ที่บ้านวังหว้า ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง โยมบิดาชื่อ"นายครวญ" โยมมารดาชื่อ "นางต้อย" เป็นบุตรคนโต มีน้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน เป็นชาย 2 หญิง 1 ช่วงเยาว์วัยบิดามารดาพาไปฝากเรียนหนังสือกับเจ้าอาวาสวัดวังหว้า เล่าเรียนและปรนนิบัติรับใช้อยู่ประมาณปีเศษ จึงย้ายมาเรียนหนังสือที่วัดพลงช้างเผือกและพำนักอยู่ที่นั่นจนอายุ 15 ปีก็กลับมาบ้านช่วยเหลือเป็นกำลังของครอบครัว


เมื่ออายุครบ 20 ปี อุปสมบทที่วัดวังหว้า วันจันทร์ที่ 11 มิ.ย.2460 โดยมี พระครูสังฆการบูรพทิศ (ปั้น อินทสโร) วัดราชบัลลังก์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระใบฎีกาหลำ รองเจ้าคณะแขวงแกลง วัดพลงช้างเผือก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เผื่อน วัดวังหว้า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ยโสธโร”แปลว่า "ผู้ทรงไว้ซึ่งยศ "


ท่านศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท รวมทั้งได้ศึกษาหนังสือขอมจนอ่านและเขียนได้เป็นอย่างดี ท่องจำพระปาติโมกข์ ซึ่งเป็นหนังสือขอมได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาตำราวิชาการต่างๆ ควบคู่กัน โดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิปัสสนากัมมัฏฐานและตำราแพทย์แผนไทยกับหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง (วัดเขาชากโดน) หนึ่งในพระอาจารย์ดังในด้านสมถะ วิปัสสนากรรมญาณ มีจิตตานุภาพ วิทยาคมเข้มขลังเป็นที่ร่ำลือกันมากในยุคนั้น


ตำแหน่งหน้าที่สำคัญ เริ่มจาก พ.ศ. 2464 เป็นเจ้าอาวาสวัดวังหว้า พ.ศ.2474 เป็นเจ้าคณะหมวดเนินฆ้อ พ.ศ.2479 เป็นเจ้าคณะตำบล พ.ศ.2486 เป็นพระอุปัชฌาย์


ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2474 เป็นพระครูชั้นประทวน พ.ศ.2481 เป็นพระครู สัญญาบัตรตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นตรี ปี 2521 เป็นพระครูสัญญาบัตรตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท ปี 2537 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นเอกที่ "พระครูสุตพลวิจิตร" พ.ศ.2539 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่"พระมงคลศีลาจารย์"


หลวงปู่คร่ำเป็นพระที่มีจิตใจเมตตาแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยเฉพาะผู้ที่เจ็บป่วยโรคกระดูกเรื้อรัง ด้วยท่านเป็นพระหมอต่อกระดูกที่เลื่องลือ คนที่ขา แขนและกระดูกส่วนอื่นหัก ท่านต่อให้หายมานับรายไม่ถ้วน โดยใช้น้ำมันมนต์รักษา


ด้านลูกศิษย์ของท่านมีมากมายหลายอาชีพ ตั้งแต่ข้าราชการระดับบริหาร เศรษฐี ตลอดจนกระทั่งผู้ใช้แรงงาน แต่ท่านก็ให้ความเมตตาโดยเสมอภาคกัน มิได้มีการแยกหรือแบ่งชั้นวรรณะซึ่งสร้างปิติและศรัทธาต่อบรรดาสาธุชนเหล่านั้นที่มีอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ


หนึ่งในเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ ของท่าน ย้อนไปในยุคสมัยที่รัฐบาลจะตั้งกระทรวงแรงงานฯขึ้นมาใหม่ จำเป็นต้องมีเจ้ากระทรวง บรรดา ส.ส. ผู้ทรงเกียรติต่างตั้งความหวังที่จะได้เป็นเจ้ากระทรวงใหม่นี้กันสักครั้ง ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรายชื่อไม่กี่วัน นายเสริมศักดิ์ การุณ ส.ส.ระยอง กับ นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร พากันไปกราบหลวงปู่คร่ำให้ท่านเจิมหน้าผาก รดน้ำมนต์ เป่ากระหม่อม หลังจากนั้นไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ก็พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเลยว่า “มนต์หลวงปู่เฮี้ยน...” ปรากฏว่า ส.ส.ทั้งสองท่านได้เป็นรัฐมนตรี


วัตถุมงคลของท่านสร้างไว้หลายรุ่นทั้งที่ออกในนามวัดวังหว้า และวัดอื่นที่มาขออนุญาตจัดสร้าง ที่โด่งดังได้รับความนิยม อาทิ ผ้ายันต์พัดโบก ผ้ายันต์แม่ทัพ ตะกรุด เหรียญรูปเหมือน,พระสมเด็จ,รูปหล่อ,พระปิดตา และอีกหลายๆรุ่น


พระเครื่องของท่านมีพุทธคุณดีครบทุกด้าน ไว้าจะแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม โชคลาภ รวมไปถึงคงกระพันชาตรี ทำให้ได้รีบความนิยมไม่เสื่อมคลาย หลายรุ่นยังมีมูลค่าเช่าหาที่สูงในวงการนักนิยมสะสมพระเครื่อว


หลวงปู่คร่ำมรณภาพในวันจันทร์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 1 ปีฉลู ตรงกับวันที่ 1 ธันวาคม 2540 เวลา 14.20 น. ด้วยอาการสงบ ณ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา รวมอายุได้ 100 ปี 41 วัน โดยตลอดเวลา 15 วัน ที่บำเพ็ญกุศล ศิษยานุศิษย์แบะผู้เคารพศรัทธาหลั่งไหลกันมาเป็นแสนเป็นล้านคน!


#ฉัตรสยาม


 
 
 

Comentários


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page