top of page
ค้นหา

คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง ประจำวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค. 2566 “หลวงพ่อโต๊ะ ฉันโท” วัดกำแพง

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 8 ม.ค. 2566
  • ยาว 2 นาที

#คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง

ประจำวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค. 2566

“หลวงพ่อโต๊ะ ฉันโท” วัดกำแพง

เกจิเมืองสิงห์"สายเหนียว-แคล้วคลาด"

เหรียญรุ่น1 สุดยอดของจริง

อดีตพระสงฆ์ผู้คงวัตรปฏิบัติดีที่มีนามว่า"โต๊ะ"ในเมืองไทยนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายท่าน หนึ่งในนั้นคือ “หลวงพ่อโต๊ะ ฉันโท”

อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ศิษย์พุทธาคมของหลวงพ่อลา วัดโพธิ์ศรี จ.สิงห์บุรี,หลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จ.ลพบุรี,หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา

หลวงพ่อโต๊ะเป็นชาวต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี มีชื่อเดิมว่า "โต๊ะ กุหลาบวงศ์" เกิดเมื่อปีวอก วันจันทร์ เดือนพฤศจิกายน 2349 โยมบิดาชื่อ "โพธิ์" โยมมารดาชื่อ "ปรางค์" ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 4 คน บิดาเป็นกำนัน ต.ท่างาม

ในช่วงปฐมวัย บิดามารดาได้นำไปฝากไว้กับ”หลวงพ่อลา วัดโพธิ์ศรี” ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อเรียนหนังสือ และอยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงพ่อลา จนสอบไล่ได้ชั้น 2 (ระดับสูงสุดในสมัยนั้น) เมื่ออายุได้ 19 ปี จากนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดดงยาง ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ต่อมาอายุ 20 ปีได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2459 ณ วัดดงยาง โดยมี พระวินัยธรกิ่ง วัดธรรมสังเวช อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับสมญานามว่า “ฉันโท” ซึ่งเป็นชื่อของวาทสูตรหนึ่งในพระพุทธศาสนา

ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดดงยางโดยไปศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอุปัชฌาย์อยู่เสมอ จนสามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้ ในพรรษาที่ 2 ท่านได้ย้ายมาอยู่ที่วัดโพธิ์ลังการ์ 1 พรรษา และวัดท่าอิฐ 1 พรรษา เพื่อเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ซึ่งทั้ง 2 วัดนี้อยู่ในเขต ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

ปีพ.ศ.2492 หลวงพ่อโต๊ะได้รับนิมนต์จากญาติโยมให้มาจำพรรษา ณ วัดกำแพง จนกระทั่งปีพ.ศ.2466 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดกำแพง ปีพ.ศ.2467 ได้รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่างาม-ชีน้ำร้าย เขต 1 ปีพ.ศ. 2478 รับตำแหน่งเป็นพระธรรมธร (โต๊ะ) และเป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง ปีพ.ศ.2485 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และปีพ.ศ.2501 ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็น “พระครูปราการกิตติคุณ”

ในด้านวิชาไสยเวทแขนงต่างๆ หลวงพ่อโต๊ะมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก โดยท่านได้ศึกษามาจากพระคณาจารย์ดังหลายท่าน ได้แก่ หลวงพ่อลา วัดโพธิ์ศรี จ.สิงห์บุรี,หลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จ.ลพบุรี,หลวงพ่อโพธิ์ วัดกำแพง จ.สิงห์บุรี (โยมบิดาของท่าน) และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรี อยุธยา สหธรรมิกที่ไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทกันเป็นประจำ

หลวงพ่อโต๊ะเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก จนเชื่อกันว่าท่านสำเร็จอภิญญาสมาบัติ มีตาทิพย์ หูทิพย์ สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ แม้กระทั่งวันมรณภาพของท่านเอง

ในด้านปฏิปทาของหลวงพ่อโต๊ะ ท่านได้บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา โดยท่านเป็นพระนักพัฒนาและก่อสร้าง ทำให้วัดกำแพงมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นมาจนถึงยุคปัจจุบัน

วัดกำแพง เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.ท่างาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา สันนิษฐานว่า เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยพิจารณาจากโบราณวัตถุและโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในวัด เช่น พระพุทธรูป เจดีย์ เสนาสนะต่างๆ ฯลฯ

นอกจากนี้ หลวงพ่อโต๊ะยังได้ช่วยพัฒนาวัดอื่นๆอีกหลายวัดในเขต อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เช่น สร้างเจดีย์วัดเชียงราก สร้างอุโบสถและวิหารวัดเกาะแก้ว สร้างหลวงพ่อธรรมจักร วัดโพธิ์ลังการ์ ฯลฯ

สำหรับวัตถุมงคลในยุคแรกๆท่านได้สร้างตะกรุด ผ้ายันต์ ผ้าประเจียด ภาพถ่ายบูชา ยุคต่อมาท่านได้สร้างพระเครื่องเนื้อดินเผา ซึ่งมีหลายพิมพ์ โดยยึดศิลปะสมัยต่างๆ เช่น พระสามพี่น้อง (สมัยลพบุรี) พระกำแพงเขย่ง (สมัยสุโขทัย) พระหลวงพ่อโต หรือพระสุคโต (สมัยอยุธยา) พระสมเด็จแหวกม่านหรือม่านทอง (สมัยรัตนโกสินทร์) ฯลฯ

ในยุคหลังๆท่านได้สร้างวัตถุมงคลประเภทโลหะ เช่น เหรียญรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะ เหรียญรุ่นแรกจัดสร้างขึ้นเมื่อ ปี 2514 เป็นเหรียญปั๊ม รูปอาร์ม ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อโต๊ะครึ่งองค์ หน้าตรง บนศีรษะของท่านมีรูปพระพุทธเจ้าสถิต อันเป็นเอกลักษณ์ของท่าน ซึ่งท่านถือว่า ตัวท่านเองไม่ได้พิเศษไปกว่าพระพุทธเจ้า รอบๆ องค์ท่านมีอักษรจารึกว่า “รุ่นแรก หลวงพ่อโต๊ะ วัดกำแพง”

ส่วนด้านหลังเป็นยันต์ และอักษรจารึกไว้ว่า “ในงานสร้างศาลา อ.อินท จ.สิงห์บุรี ๒๕๑๔” (สังเกตคำว่า "อ.อินทร์บุรี" ในเหรียญจะเขียนย่อเป็น "อ.อินท")

เหรียญรุ่นแรกนี้สร้างขึ้น 2 เนื้อ คือ เนื้อทองแดง จำนวน 2,514 เหรียญ และเนื้อเงิน จำนวน 100 เหรียญ มีพุทธคุณยอดเยี่ยมทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เป็นอย่างยิ่ง เคยมีผู้นำไปนำไปทดลองยิงถึง 20 นัด ปรากฏว่าแคล้วคลาด ไม่ถูกเลยสักนัดเดียว นอกจากนี้ มีบางรายขับรถยนต์ไปประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน รถยนต์พังยับเยินเป็นเศษเหล็ก แต่ผู้ขับขี่ที่พกพาเหรียญหลวงพ่อโต๊ะ รุ่นแรก ติดตัวไปกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆเลยอย่างเหลือเชื่อ

สนนราคาการเช่าหา เหรียญเนื้อทองแดงเช่าหากันที่หลักหมื่นต้นขึ้นไป เหรียญเนื้อเงินเช่าหากันที่หลักหมื่นกลางขึ้นไป

สมัยที่ หลวงพ่อโต๊ะ ยังมีชีวิตอยู่ มีการสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านแบบปั๊มทั้งหมด 6 รุ่น เป็นพิมพ์รูปอาร์ม 2 รุ่น (พ.ศ.2514 และพ.ศ.2519) พิมพ์รูปไข่ 2 รุ่น (พ.ศ. 2515 และพ.ศ.2521) พิมพ์รูปหยดน้ำ 1 รุ่น (พ.ศ. 2514) และ พิมพ์กลม 1 รุ่น (พ.ศ.2519) ทุกรุ่นได้รับความนิยมโดยทั่วไป

สำหรับวัตถุมงคลประเภทโลหะ ที่ไม่ใช่เหรียญ ซึ่งท่านได้สร้างไว้ก็มี เช่น รูปเหมือนขนาดบูชา หน้าตักกว้าง 5 นิ้ว รูปหล่อปั๊มลอยองค์ ขนาดห้อยคอ, รูปเหมือนฉีดพิมพ์กลีบบัว ฯลฯ

หลวงพ่อโต๊ะ ได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวบ้านและศิษยานุศิษย์มาโดยตลอด จนมาถึงบั้นปลายของชีวิต ท่านได้มรณภาพด้วยโรคชราที่โรงพยาบาลเปาโล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2525 สิริอายุได้ 86 ปี พรรษา 67

ทางวัดกำแพงได้นำสรีระของหลวงพ่อโต๊ะบรรจุไว้ในหีบแก้ว บนตึกอนุสรณ์ปราการกิตติคุณ โดยสรีระของท่านเป็นอมตะ ไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา ทั้งนี้ เพื่อให้ญาติโยม และผู้ที่เคารพศรัทธาท่านได้มาสักการบูชาขอพร ซึ่งก็มีมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายตราบจนถึงทุกวันนี้

“พระสุคโต” เป็นพระสุดยอดประสบการณ์ สายเหนียว คงกระพันชาตรี แห่งเมืองสิงห์" สร้างจากเนื้อดินเผา พิมพ์สมาธิถอดแบบมาจากหลวงพ่อโต วัดบางกระทิง ขนาดกำลังน่าใช้ ประมาณ 1.6 x 1.3 นิ้ว ด้านหลังบางองค์มีจาร อิ อักขระมาตรฐาน พระของท่านมีทั้งจาร และไม่จาร รายละเอียดเนื้อหามวลสารปึ๊กๆ ผิวละเอียดเข้มขลัง มีคราบไคลที่เกิดจากการเก็บ ปัจจุบันหาไม่ได้ง่ายๆ คนพื้นที่เก็บกันหมด ไม่ค่อยออกมาให้เห็นมากนัก

พระเครื่องของท่านความเหนียวคงกระพันมาเป็นที่หนึ่ง จนพูดกันปากต่อปากว่า “ใครมี พระหลวงปู่โต๊ะนั้น แคล้วคลาด หนังเหนียว คงกระพันมาก”

#ฉัตรสยาม




 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page