คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง ประจำวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค. 2566 “หลวงพ่อโต๊ะ ฉันโท” วัดกำแพง
- อ.อนุชา ทรงศิริ
- 8 ม.ค. 2566
- ยาว 2 นาที
#คอลัมน์ย้อนรอยเกจิดัง
ประจำวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค. 2566
“หลวงพ่อโต๊ะ ฉันโท” วัดกำแพง
เกจิเมืองสิงห์"สายเหนียว-แคล้วคลาด"
เหรียญรุ่น1 สุดยอดของจริง
อดีตพระสงฆ์ผู้คงวัตรปฏิบัติดีที่มีนามว่า"โต๊ะ"ในเมืองไทยนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายท่าน หนึ่งในนั้นคือ “หลวงพ่อโต๊ะ ฉันโท”
อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ศิษย์พุทธาคมของหลวงพ่อลา วัดโพธิ์ศรี จ.สิงห์บุรี,หลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จ.ลพบุรี,หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา
หลวงพ่อโต๊ะเป็นชาวต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี มีชื่อเดิมว่า "โต๊ะ กุหลาบวงศ์" เกิดเมื่อปีวอก วันจันทร์ เดือนพฤศจิกายน 2349 โยมบิดาชื่อ "โพธิ์" โยมมารดาชื่อ "ปรางค์" ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 4 คน บิดาเป็นกำนัน ต.ท่างาม
ในช่วงปฐมวัย บิดามารดาได้นำไปฝากไว้กับ”หลวงพ่อลา วัดโพธิ์ศรี” ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อเรียนหนังสือ และอยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงพ่อลา จนสอบไล่ได้ชั้น 2 (ระดับสูงสุดในสมัยนั้น) เมื่ออายุได้ 19 ปี จากนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดดงยาง ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ต่อมาอายุ 20 ปีได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2459 ณ วัดดงยาง โดยมี พระวินัยธรกิ่ง วัดธรรมสังเวช อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับสมญานามว่า “ฉันโท” ซึ่งเป็นชื่อของวาทสูตรหนึ่งในพระพุทธศาสนา
ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดดงยางโดยไปศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอุปัชฌาย์อยู่เสมอ จนสามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้ ในพรรษาที่ 2 ท่านได้ย้ายมาอยู่ที่วัดโพธิ์ลังการ์ 1 พรรษา และวัดท่าอิฐ 1 พรรษา เพื่อเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ซึ่งทั้ง 2 วัดนี้อยู่ในเขต ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
ปีพ.ศ.2492 หลวงพ่อโต๊ะได้รับนิมนต์จากญาติโยมให้มาจำพรรษา ณ วัดกำแพง จนกระทั่งปีพ.ศ.2466 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดกำแพง ปีพ.ศ.2467 ได้รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่างาม-ชีน้ำร้าย เขต 1 ปีพ.ศ. 2478 รับตำแหน่งเป็นพระธรรมธร (โต๊ะ) และเป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง ปีพ.ศ.2485 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และปีพ.ศ.2501 ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็น “พระครูปราการกิตติคุณ”
ในด้านวิชาไสยเวทแขนงต่างๆ หลวงพ่อโต๊ะมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก โดยท่านได้ศึกษามาจากพระคณาจารย์ดังหลายท่าน ได้แก่ หลวงพ่อลา วัดโพธิ์ศรี จ.สิงห์บุรี,หลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จ.ลพบุรี,หลวงพ่อโพธิ์ วัดกำแพง จ.สิงห์บุรี (โยมบิดาของท่าน) และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรี อยุธยา สหธรรมิกที่ไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทกันเป็นประจำ
หลวงพ่อโต๊ะเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก จนเชื่อกันว่าท่านสำเร็จอภิญญาสมาบัติ มีตาทิพย์ หูทิพย์ สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ แม้กระทั่งวันมรณภาพของท่านเอง
ในด้านปฏิปทาของหลวงพ่อโต๊ะ ท่านได้บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา โดยท่านเป็นพระนักพัฒนาและก่อสร้าง ทำให้วัดกำแพงมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นมาจนถึงยุคปัจจุบัน
วัดกำแพง เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.ท่างาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา สันนิษฐานว่า เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยพิจารณาจากโบราณวัตถุและโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในวัด เช่น พระพุทธรูป เจดีย์ เสนาสนะต่างๆ ฯลฯ
นอกจากนี้ หลวงพ่อโต๊ะยังได้ช่วยพัฒนาวัดอื่นๆอีกหลายวัดในเขต อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เช่น สร้างเจดีย์วัดเชียงราก สร้างอุโบสถและวิหารวัดเกาะแก้ว สร้างหลวงพ่อธรรมจักร วัดโพธิ์ลังการ์ ฯลฯ
สำหรับวัตถุมงคลในยุคแรกๆท่านได้สร้างตะกรุด ผ้ายันต์ ผ้าประเจียด ภาพถ่ายบูชา ยุคต่อมาท่านได้สร้างพระเครื่องเนื้อดินเผา ซึ่งมีหลายพิมพ์ โดยยึดศิลปะสมัยต่างๆ เช่น พระสามพี่น้อง (สมัยลพบุรี) พระกำแพงเขย่ง (สมัยสุโขทัย) พระหลวงพ่อโต หรือพระสุคโต (สมัยอยุธยา) พระสมเด็จแหวกม่านหรือม่านทอง (สมัยรัตนโกสินทร์) ฯลฯ
ในยุคหลังๆท่านได้สร้างวัตถุมงคลประเภทโลหะ เช่น เหรียญรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะ เหรียญรุ่นแรกจัดสร้างขึ้นเมื่อ ปี 2514 เป็นเหรียญปั๊ม รูปอาร์ม ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อโต๊ะครึ่งองค์ หน้าตรง บนศีรษะของท่านมีรูปพระพุทธเจ้าสถิต อันเป็นเอกลักษณ์ของท่าน ซึ่งท่านถือว่า ตัวท่านเองไม่ได้พิเศษไปกว่าพระพุทธเจ้า รอบๆ องค์ท่านมีอักษรจารึกว่า “รุ่นแรก หลวงพ่อโต๊ะ วัดกำแพง”
ส่วนด้านหลังเป็นยันต์ และอักษรจารึกไว้ว่า “ในงานสร้างศาลา อ.อินท จ.สิงห์บุรี ๒๕๑๔” (สังเกตคำว่า "อ.อินทร์บุรี" ในเหรียญจะเขียนย่อเป็น "อ.อินท")
เหรียญรุ่นแรกนี้สร้างขึ้น 2 เนื้อ คือ เนื้อทองแดง จำนวน 2,514 เหรียญ และเนื้อเงิน จำนวน 100 เหรียญ มีพุทธคุณยอดเยี่ยมทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เป็นอย่างยิ่ง เคยมีผู้นำไปนำไปทดลองยิงถึง 20 นัด ปรากฏว่าแคล้วคลาด ไม่ถูกเลยสักนัดเดียว นอกจากนี้ มีบางรายขับรถยนต์ไปประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน รถยนต์พังยับเยินเป็นเศษเหล็ก แต่ผู้ขับขี่ที่พกพาเหรียญหลวงพ่อโต๊ะ รุ่นแรก ติดตัวไปกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆเลยอย่างเหลือเชื่อ
สนนราคาการเช่าหา เหรียญเนื้อทองแดงเช่าหากันที่หลักหมื่นต้นขึ้นไป เหรียญเนื้อเงินเช่าหากันที่หลักหมื่นกลางขึ้นไป
สมัยที่ หลวงพ่อโต๊ะ ยังมีชีวิตอยู่ มีการสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านแบบปั๊มทั้งหมด 6 รุ่น เป็นพิมพ์รูปอาร์ม 2 รุ่น (พ.ศ.2514 และพ.ศ.2519) พิมพ์รูปไข่ 2 รุ่น (พ.ศ. 2515 และพ.ศ.2521) พิมพ์รูปหยดน้ำ 1 รุ่น (พ.ศ. 2514) และ พิมพ์กลม 1 รุ่น (พ.ศ.2519) ทุกรุ่นได้รับความนิยมโดยทั่วไป
สำหรับวัตถุมงคลประเภทโลหะ ที่ไม่ใช่เหรียญ ซึ่งท่านได้สร้างไว้ก็มี เช่น รูปเหมือนขนาดบูชา หน้าตักกว้าง 5 นิ้ว รูปหล่อปั๊มลอยองค์ ขนาดห้อยคอ, รูปเหมือนฉีดพิมพ์กลีบบัว ฯลฯ
หลวงพ่อโต๊ะ ได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวบ้านและศิษยานุศิษย์มาโดยตลอด จนมาถึงบั้นปลายของชีวิต ท่านได้มรณภาพด้วยโรคชราที่โรงพยาบาลเปาโล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2525 สิริอายุได้ 86 ปี พรรษา 67
ทางวัดกำแพงได้นำสรีระของหลวงพ่อโต๊ะบรรจุไว้ในหีบแก้ว บนตึกอนุสรณ์ปราการกิตติคุณ โดยสรีระของท่านเป็นอมตะ ไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา ทั้งนี้ เพื่อให้ญาติโยม และผู้ที่เคารพศรัทธาท่านได้มาสักการบูชาขอพร ซึ่งก็มีมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายตราบจนถึงทุกวันนี้
“พระสุคโต” เป็นพระสุดยอดประสบการณ์ สายเหนียว คงกระพันชาตรี แห่งเมืองสิงห์" สร้างจากเนื้อดินเผา พิมพ์สมาธิถอดแบบมาจากหลวงพ่อโต วัดบางกระทิง ขนาดกำลังน่าใช้ ประมาณ 1.6 x 1.3 นิ้ว ด้านหลังบางองค์มีจาร อิ อักขระมาตรฐาน พระของท่านมีทั้งจาร และไม่จาร รายละเอียดเนื้อหามวลสารปึ๊กๆ ผิวละเอียดเข้มขลัง มีคราบไคลที่เกิดจากการเก็บ ปัจจุบันหาไม่ได้ง่ายๆ คนพื้นที่เก็บกันหมด ไม่ค่อยออกมาให้เห็นมากนัก
พระเครื่องของท่านความเหนียวคงกระพันมาเป็นที่หนึ่ง จนพูดกันปากต่อปากว่า “ใครมี พระหลวงปู่โต๊ะนั้น แคล้วคลาด หนังเหนียว คงกระพันมาก”
#ฉัตรสยาม
Comments