top of page
ค้นหา

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. 2567 "หลวงพ่อไสว"วัดปรีดาราม(ยายส้ม)นครปฐม เกจินครปฐมสมญานาม"เทพเจ้าคลองจินดา"

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. 2567


"หลวงพ่อไสว"วัดปรีดาราม(ยายส้ม)นครปฐม

เกจินครปฐมสมญานาม"เทพเจ้าคลองจินดา"

เหรียญ-เครื่องรางเข้มขลังด้วยประสบการณ์


"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ

“พระครูสถิตโชติคุณ” หรือ “หลวงพ่อไสว ฐิตวัณโณ” วัดปรีดาราม (ยายส้ม) ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนธรรม ศีลาจารวัตรงดงามและเมตตาบารมีสูง ได้รับการขนานนามว่า “เทพเจ้าแห่งคลองจินดา” ด้วยมีบรมครูถ่ายทอดวิชาทั้งสายพุทธาคมและวิทยาคมไม่ต่ำกว่า 20 รูป/คนถือเป็นพระเกจิที่มีครูบาอาจารย์มากที่สุดรูปหนึ่ง


นามเดิมคือ “ไสว พุทธศร” ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 18 ม.ค.2464 ตรงกับวันพุธ แรม 6 ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ที่บ้านราชคราม จ.พระนครศรีอยุธยา

บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้าน หลังบิดาเสียชีวิตจึงอพยพมาอยู่กับญาติที่ ต.คลองจินดา อ.สามพรานจ.นครปฐม อาศัยอยู่กับพระและเรียนหนังสือจบชั้นประถมที่ ร.ร.วัดปรีดาราม พ.ศ.2481บวชเป็นสามเณร มีหลวงปู่ใจ วัดเชิงเลน เป็นพระอุปัชฌาย์


ศึกษาพระปริยัติธรรมอยู่ 4 ปี จึงเข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดปรีดาราม (ยายส้ม) เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2484 มีหลวงพ่อใย วัดบางช้างใต้ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เจิม วิสุทธิญาโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เปลื้อง ยติมณี วัดจินดาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ จำพรรษาอยู่ที่วัดปรีดาราม ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นเอก พร้อมทั้งศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน และร่ำเรียนศึกษาวิทยาคม–พุทธาคมอย่างจริงจัง


สำหรับบูรพาจารย์ที่ถ่ายทอดวิทยาคมให้ มีทั้งฆราวาสและบรรพชิต เมื่อทราบว่ามีครูบาอาจารย์เก่งกล้าอยู่ที่ใด ท่านจะดั้นด้นไปขอความรู้จนแตกฉาน อาทิ หลวงปู่พูน เกสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหม่ปิ่นเกลียว พระเกจิรุ่นเดียวกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อวงษ์ วัดทุ่งผักกูด และสหธรรมิกรุ่นพี่ของ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม


หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม (วัดปรีดาราม) ท่านบวชที่วัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นศิษย์รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่พูน ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมไปจากหลวงปู่พูน โดยหลวงพ่อไสวได้รับการฝึกฝนสมาธิจิตพื้นฐานจากหลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม เมื่อได้เคล็ดวิชาเบื้องต้นแล้ว จึงได้นำหลวงพ่อไสวไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่พูน


หลวงพ่อขาว วัดสวนส้ม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ประสิทธิ์ประสาทวิชา “ปิดทองเข้าหน้าผาก” หรือลงนะหน้าทองตำรับพิสดารให้แก่หลวงพ่อไสว , พระปลัดตู่ วัดหนองเสือ มีวิชาเร้นลับสำคัญอยู่ เรียกว่า วิชาตกวิญญาณ สำหรับใช้เรียกวิญญาณคนตกน้ำตายเพื่อนำวิญญาณไปอยู่ในที่อันควร พระปลัดตู่ได้ถ่ายทอดวิชาตกวิญญาณให้หลวงพ่อไสวอย่างสมบูรณ์แบบ


ส่วนอาจารย์ที่เป็นฆราวาสมีอาทิ อาจารย์ยัง เพชรบุรี เป็นครูสักยันต์ชื่อดังระดับประเทศ เคยบวชเรียนและศึกษาพุทธาคมจากหลวงปู่พูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว อาจารย์ยังเก่งทางวิชาสะเดาะลูกกุญแจหรือกลอนประตู, เสือย้อยชูรอด เป็นเสือร้ายจำใจในอดีต เป็นคนหมู่บ้านถนนขาด แถวเกาะวังไทร นครปฐม ตอนหลังกลับใจเป็นคนดีเป็นจอมขมังเวทย์เป็นที่เลื่องลือ หลวงพ่อไสวได้ขอเรียนวิชา “ยันต์หน้าพระ” หรือนะหน้าคนจากเสือย้อย, อาจารย์ปิ่น รอด คลองตัน สมุทรสาคร เก่งในเรื่อง “ปลัดขิก” เพราะเป็นศิษย์หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นศิษย์หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา


นอกจากนี้ หลวงพ่อไสวยังได้ไปเรียนวิชาอาคมเป็นเกร็ดเล็กน้อยจากพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูป อาทิ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เจ้าแห่งการสร้างพระราหูอันเลื่องลือ เป็นต้น


หลังจากนั้นมุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรออกธุดงค์ มุ่งหน้าไปทางภาคอีสานนมัสการปูชนียสถานสำคัญหลายแห่ง บางพรรษาจะธุดงค์ไปทางเขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี ไปจนถึงจ.อุตรดิตถ์ พ.ศ.2492 พระอาจารย์เจิม เจ้าอาวาส ลาสิกขา หลวงพ่อไสวกลับจากธุดงค์ คณะสงฆ์แต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสรูปต่อมาขณะนั้นอายุ 28 ปี พรรษา 7


สมัยเป็นเจ้าอาวาสวัดปรีดารามใหม่ๆ สภาพวัดชำรุดทรุดโทรมมาก ต้องใช้ความวิริยอุตสาหะอย่างสูงในการบูรณะซ่อมแซม และสร้างเสริมถาวรวัตถุใหม่ รวบรวมความรู้ที่ร่ำเรียนมา ร่วมมือกับชาวบ้านพัฒนาความเจริญด้านต่างๆเป็นลำดับ จนเขต ต.คลองจินดา และโดยเฉพาะวัดปรีดารามมีความเจริญรุ่งเรืองไม่น้อยหน้าวัดอื่นๆ


ผลงานที่ปรากฏเป็นอนุสรณ์มากมาย อาทิ กุฏิสงฆ์ หอฉัน ฌาปนสถาน อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หรือสิ่งก่อสร้างอันเป็นสาธารณประโยชน์ อาทิ ที่พักสายตรวจตำบลคลองจินดา สถานีอนามัย โรงเรียนประถมและมัธยมศึกษา ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา งานซ่อมสร้างห้องปฏิบัติการของกองวิทยากรตำรวจภูธรเขต 3 นครปฐม เรือนราชมนู อาคารเก่าแก่สมัยรัชกาลที่ 6 บริเวณพระราชวังสนามจันทร์


ด้านสังคมสงเคราะห์ ก็ได้บริจาคทรัพย์เป็นทุนการศึกษา กอบกู้อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ ต.คลองจินดา ผลงานการพัฒนา ทำให้ได้รับประกาศเกียรติคุณ พ.ศ.2543 เสาเสมาธรรมจักรพระราชทานในฐานะผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา


หลวงพ่อไสวท่านมีชื่อเสียงในเรื่องลงนะหน้าทอง วิธีลงทองของทั้งคือเป่าทองทั้งแผ่นโดยไม่ต้องแกะทองออก หายวับไปกับตา ขนาด "อาจารย์เปล่ง บุญยืน" ฆราวาสชื่อดัง ท่านยังยอมรับว่าเรื่องมหาเสน่ห์ต้องยกให้หลวงพ่อไสว


วาระสุดท้ายหลวงพ่อไสวถึงกาลมรณภาพเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2543 วันเพ็ญเดือน 12 สิริอายุ 80 ปี พรรษา 63


ด้านวัตถุมงคลของท่านมีมากมายหลายชนิดอาทิ เหรียญเสมารุ่นแรก ปี2508,เครื่องรางที่โด่งดังของท่านคือ ปลัดขิกเสือบิน,เครื่องรางชูชก ตะกรุดเสือ,เขี่ยวเสือแกะ,เขี้ยวหมูตันแกะ,ผ้ายันต์,รูปถ่ายอัดกระจก ฯลฯ


วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์มากมายทั้งด้านแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตามหานิยม โชคลาภ เกิดเหตุการณ์ให้กล่าวขานมาจนทุกวันนี้ ดั่งเช่นเหตุการณ์ระทึกขวัญ ประสบ การณ์ฮือฮาล่าสุด เมื่อประมาณต้นปี2565ที่ผ่านมา และมีคลิปเผยแพร่ในกลุ่มศิษย์หลวงพ่อไสว วัดจินดาราม(เทพเจ้าคลองจินดา)


เด็กชายคนหนึ่งอายุ9ขวบรอดตายปาฏิหาริย์ขณะเดินข้ามถนน โดนรถกระบะพุ่งชนจังๆจนล้มลงไปนอนข้างล้อหน้า แต่กลับลุกขึ้นมาเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากกการตรวจร่างกายพบเพียงรอยฟกช้ำบริเวณสีข้าง เหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะดวงยังไม่ถึงฆาตก็ไม่อาจคาดเดา แต่สำหรับแม่ของน้องเชื่อว่า เกิดจากบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อไสวแน่นอน โดยลูกชายห้อยเหรียญเสมาเล็กปี2540 ของท่านเพียงเหรียญเดียวพกติดตัวตลอดเวลา


#ฉัตรสยาม


ดู 54 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentários


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page