คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง"
ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค. 2567
"หลวงปู่หิน ถาวโร"เกจิวัดหนองสนม ระยอง
สหธรรมิกปู่ทิม-อาจารย์พ่อรวย วัดมาบตาพุด
"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ
พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือ "หลวงปู่หิน ถาวโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองสนม ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง หนึ่งในยอดพระเกจิคณาจารย์ผู้เรืองเวทย์แห่งจังหวัดระยองและภาคตะวันออก ซึ่งมีกิตติศัพท์คำร่ำลือด้านพระเวทย์เข้มขลังเป็นยิ่งนัก โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี ถึงขนาดที่ว่าหากใครมีวัตถุมงคลของหลวงปู่หินไว้ติดตัว เชื่อกันว่า “ไม่มีวันเสียเลือดให้ใคร แม้แต่แมลงวันก็ไม่มีโอกาสได้กินเลือด”
ที่สำคัญ ท่านเป็นพระอาจารย์ผู้ถ่ายทอดพุทธาคมให้"หลวงพ่อรวย อัคคสาโร" เกจิอาจารย์มาแรงแห่งวัดมาบตาพุดในปัจจุบัน
ท่านมีนามเดิมว่า "หิน หอมหวาน" เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2424 ที่บ้านต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายปล่อง และนางทบ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คน ท่านเป็นคนที่ 3 เยาว์วัย อายุ 12-13 ปี ได้ไปอยู่ศึกษาเล่าเรียนหนังสือกับพระที่วัดทับ พออ่านเขียนได้เล็กน้อย ก่อนย้ายกลับมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพทำนา
ครั้นอายุครบ 18 ปีได้เข้ารับราชการทหาร อยู่ประจำการในกรมกองนานถึง 5 ปี หลังปลดประจำการ ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2477 อายุ 24 ปีได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดจันทอุดม (วัดเก๋งที่ตั้งโรงพยาบาลระยองในปัจจุบัน) โดยมีพระครูสังข์ (หลวงปู่สังข์เฒ่า) วัดจันทอุดม(วัดเก๋งจีน) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดแอ่ว วัดป่าประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเชิง วัดหนองสนม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ถาวโร"
ท่านได้อยู่จำพรรษาเล่าเรียนอักขระสมัยกับอาจารย์ที่วัดหนองสนมเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.2454 พรรษาที่ 8 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสนมและเป็นพระกรรมวาจาจารย์สวดพ.ศ.2466 ได้เป็นพระวินัยธรรม ฐานานุกรมในตำแหน่งของพระครูสมุทรสมานคุณ เจ้าคณะจังหวัดระยอง พ.ศ. 2468 เป็นเจ้าคณะตำบลเนินพระ พ.ศ.2470 ท่านได้ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเนินพระ
พ.ศ.2481 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนาม "พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ" พ.ศ.2487 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2489 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทับ
หลวงปู่หินเป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีประวัติอันควรค่าแก่การศึกษา สำหรับชนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตของการครองสมณเพศของท่าน ล้วนแต่มั่นคงอยู่ในศีลในธรรม
เป็นพระผู้ชอบจาริกธุดงค์ไปอยู่ตามขุนเขาป่าดงดิบเขตประเทศพม่า โดยไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ จนมีกิตติศัพท์เลื่องลือ เป็นที่ยอมรับในทางเมตตา คงกระพันชาตรี และคาถาอาคมขลัง
นอกจากนี้ ยังแตกฉานในภาษาบาลี ขอม จนได้รับการยกย่องจากฝ่ายบ้านเมืองในสมัยนั้น โดยแต่งตั้งให้ท่านเป็นกรรมการศึกษาอำเภอ วางแผนจัดการศึกษาและสร้างโรงเรียนไว้หลายแห่ง ทำให้วัดหนองสนม เต็มไปด้วยชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่หิน จนกระทั่งวัดหนองสนมเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
วาระสุดท้าย เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2505 หลวงปู่หินได้ละสังขารไปอย่างสงบภายในกุฏิจำพรรษา สิริอายุ 80 พรรษา 56 มีสัทธิวิหาริก (ลูกศิษย์ที่ท่านบวช) รวมทั้งสิ้น 1,538 รูป
ท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบและหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ โดยหลวงปู่ทิม ท่านได้ไปต่อวิชากับท่านและได้กล่าวยกย่องหลวงปู่หินอยู่เสมอ โดยหลวงปู่ทิม มักเล่าให้ศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า มีวัดหนึ่งซึ่งเรียกว่า “วัดหนองสนม” มี “ท่านพ่อหิน” เป็นเจ้าอาวาส ท่านเล่าว่า...หลวงปู่หินเป็นพระที่หลวงปู่สังข์เฒ่าบวชให้และถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆให้ เนื่องจากอุปนิสัยของท่านเป็นคนดื้อและแข็งกร้าว อยากลองดี โดยเหตุที่หลวงปู่สังข์เฒ่าเป็นพระที่ดุมาก ใครทำผิดระเบียบวินัยแล้วจะต่อว่าและดุด่า คนไหนที่ท่านดุด่าแล้วไม่รู้จักจำจะโดนไล่ออกนอกวัดทันที แต่หลวงปู่หินท่านไม่กลัว ดุก็ดุไป ถ้าท่านไม่ทำผิดวินัยซะอย่าง
เวลาวัดมีงานท่านก็ออกมาช่วย อะไรที่ไม่ดี ท่านก็ทำให้ดีขึ้น คาถาอาคมที่ตนเองเล่าเรียนมา ถ้าไม่รู้ท่านจะรีบถามทันทีจึงทำให้หลวงปู่สังข์เฒ่ารักมาก และได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้จนหมดสิ้น ทั้งนี้ หลวงปู่สังข์เฒ่า วัดเก๋งจีน เป็นปรมาจารย์ผู้เรืองเวทย์แห่งจังหวัดระยอง และท่านเป็นปู่แท้ๆของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
หลวงปู่ทิมเล่าอีกว่า หลวงปู่หินมีวิชาคงกระพันสูง สามารถปลุกเสกผ้าและหมากพลูให้เป็นสัตว์ต่างๆได้ สมัยที่ท่านไปกราบหลวงปู่หินที่วัดหนองสนม ได้สนทนาธรรมและเคยเอ่ยถามว่า “เรื่องคาถาอาคมนั้นมีจริงหรือไม่? และท่านพ่อมีความเชื่อในด้านคาถาที่เกี่ยวกับเสกของให้เป็นสัตว์นั้นเป็นจริงหรือ?”
หลวงปู่หินท่านไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม สักพักหนึ่งก็กวักมือทำเป็นเรียกตัวอะไรให้ออกมาจากใต้โต๊ะ ปรากฏว่าเป็นลูกหนูตัวหนึ่ง ซึ่งท่านเอามือเคาะที่พื้นเบาๆ ลูกหนูตัวนั้นก็วิ่งไปมาที่มือของท่าน หลวงปู่ทิมเห็นเช่นนั้นก็มองดู สักพักหนึ่งปรากฏว่าลูกหนูที่อยู่ในมือหลวงปู่หินกลายเป็นเส้นด้ายขดหนึ่ง
หลวงปู่หิน ท่านสร้างวัตถุมงคลได้ขลังมาก เหรียญของท่านเยี่ยมยอดในด้านคงกระพัน ส่วนรูปหล่อของท่านก็หนักไปในด้านคงกระพันเช่นกัน จนคนในระยองต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า “ใครมีรูปหล่อของหลวงพ่อหินไม่มีวันหรอกที่จะเสียเลือดให้แก่ใคร” แสดงถึงว่า ถ้าใครคล้องเหรียญหรือรูปหล่อของท่านเชื่อขนมกินได้เลยว่า “แมลงวันไม่มีโอกาสได้ตอมเลือดอย่างแน่นอน”
วัตถุมงคลยอดนิยมของหลวงปู่หิน มีอาทิ เหรียญรุ่นแรก พิมพ์เสมา สร้างราวปี 2489
เหรียญรุ่น2 พิมพ์รูปไข่ สร้างราวปี 2498 เหรียญรุ่น3 รูปไข่ สร้างราวปี 2502 ,พระกริ่งหรือรูปหล่อ 2 พิมพ์คือ พิมพ์ฐานสูงและพิมพ์ฐานเตี้ย สร้างราวปี 2489,พระบูชารุ่นแรกขนาด 5 นิ้ว สร้างราวปี 2498 นอกจากนี้ยังมีเครื่องรางของขลัง เช่น ผ้ายันต์ สิงห์ ตะกรุด เป็นต้น
ผ้ายันต์พัดโบกเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดวัตถุมงคลที่หายากที่สุดของท่าน ทำจากผ้ายันต์แดงและผ้ายันต์ขาวลงจารอักขระเย็บติดกัน ขึ้นชื่อที่สุดทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ โชคลาภ ค้าขาย สุดยอดหายาก ผ้ายันต์พัดโบก หรือ เรียกกันว่า ผ้ายันต์โบกสาว หลวงปู่หิน วัดหนองสนม ระยอง ด้านสีแดงใช้โบกเรียกสาว เรื่องเมตตามหาเสน่ห์ร่ำลือกันว่า เด็ดขาดนัก ด้านสีขาวเป็นคงกระพัน เหนียวสุดๆ
หลวงปู่หินท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อนิด วัดทับมา,หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ และที่มีชื่อเสียงอยู่ในปัจจุบันคือ "หลวงพ่อรวย อัคคสาโร" เจ้าอาวาสวัดมาบตาพุด ซึ่งนับเป็นศิษย์สายตรงที่ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หิน วัดหนองสนม ในการถ่ายทอดสรรพวิชาพระคาถาอาคมให้เช่นเดียวกับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จึงกล่าวได้ว่าท่านเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับหลวงปู่ทิม
โดยวิชาที่หลวงพ่อรวยท่านได้รับการถ่ายทอดนั้น ได้แก่ วิชาแป้งเจิมมหามงคล รวมถึงวิชาการทำสีผึ้งเมตตา ซึ่งเป็นวิชาเดียวกันกับที่หลวงปู่ทิม ได้รับการถ่ายทอดและทดสอบวิชาจากหลวงปู่หิน จึงนับได้ว่าวิชาอาคมที่ถูกถ่ายทอดจากหลวงปู่หินนี้ ได้สร้างพลังแห่งความเคารพศรัทธาให้กับลูกศิษย์ลูกหา และประชาชนที่นับถือในตัวหลวงพ่อรวยเป็นอย่างยิ่ง
"ถ้ามีวัตถุมงคลของหลวงปู่หินอยู่กับตัวแล้ว ก็ไม่ต้องไปแสวงหาสิ่งใดอีก" เป็นคำกล่าวของศิษยานุศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าของหลวงปู่หิน อดีตพระดีเกจิดังที่เป็นตำนานแห่งเมืองระยอง
#ฉัตรสยาม
Comments