top of page
ค้นหา

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค. 2567 "หลวงปู่หิน ถาวโร"เกจิวัดหนองสนม ระยอง สหธรรมิกปู่ทิม-อาจารย์พ่อรวย วัดมาบตาพุด

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 24 มี.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค. 2567

"หลวงปู่หิน ถาวโร"เกจิวัดหนองสนม ระยอง

สหธรรมิกปู่ทิม-อาจารย์พ่อรวย วัดมาบตาพุด

"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ

พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือ "หลวงปู่หิน ถาวโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองสนม ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง หนึ่งในยอดพระเกจิคณาจารย์ผู้เรืองเวทย์แห่งจังหวัดระยองและภาคตะวันออก ซึ่งมีกิตติศัพท์คำร่ำลือด้านพระเวทย์เข้มขลังเป็นยิ่งนัก โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี ถึงขนาดที่ว่าหากใครมีวัตถุมงคลของหลวงปู่หินไว้ติดตัว เชื่อกันว่า “ไม่มีวันเสียเลือดให้ใคร แม้แต่แมลงวันก็ไม่มีโอกาสได้กินเลือด”

ที่สำคัญ ท่านเป็นพระอาจารย์ผู้ถ่ายทอดพุทธาคมให้"หลวงพ่อรวย อัคคสาโร" เกจิอาจารย์มาแรงแห่งวัดมาบตาพุดในปัจจุบัน

ท่านมีนามเดิมว่า "หิน หอมหวาน" เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2424 ที่บ้านต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายปล่อง และนางทบ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คน ท่านเป็นคนที่ 3 เยาว์วัย อายุ 12-13 ปี ได้ไปอยู่ศึกษาเล่าเรียนหนังสือกับพระที่วัดทับ พออ่านเขียนได้เล็กน้อย ก่อนย้ายกลับมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

ครั้นอายุครบ 18 ปีได้เข้ารับราชการทหาร อยู่ประจำการในกรมกองนานถึง 5 ปี หลังปลดประจำการ ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2477 อายุ 24 ปีได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดจันทอุดม (วัดเก๋งที่ตั้งโรงพยาบาลระยองในปัจจุบัน) โดยมีพระครูสังข์ (หลวงปู่สังข์เฒ่า) วัดจันทอุดม(วัดเก๋งจีน) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดแอ่ว วัดป่าประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเชิง วัดหนองสนม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ถาวโร"

ท่านได้อยู่จำพรรษาเล่าเรียนอักขระสมัยกับอาจารย์ที่วัดหนองสนมเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.2454 พรรษาที่ 8 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสนมและเป็นพระกรรมวาจาจารย์สวดพ.ศ.2466 ได้เป็นพระวินัยธรรม ฐานานุกรมในตำแหน่งของพระครูสมุทรสมานคุณ เจ้าคณะจังหวัดระยอง พ.ศ. 2468 เป็นเจ้าคณะตำบลเนินพระ พ.ศ.2470 ท่านได้ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเนินพระ

พ.ศ.2481 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนาม "พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ" พ.ศ.2487 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2489 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทับ

หลวงปู่หินเป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีประวัติอันควรค่าแก่การศึกษา สำหรับชนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตของการครองสมณเพศของท่าน ล้วนแต่มั่นคงอยู่ในศีลในธรรม

เป็นพระผู้ชอบจาริกธุดงค์ไปอยู่ตามขุนเขาป่าดงดิบเขตประเทศพม่า โดยไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ จนมีกิตติศัพท์เลื่องลือ เป็นที่ยอมรับในทางเมตตา คงกระพันชาตรี และคาถาอาคมขลัง

นอกจากนี้ ยังแตกฉานในภาษาบาลี ขอม จนได้รับการยกย่องจากฝ่ายบ้านเมืองในสมัยนั้น โดยแต่งตั้งให้ท่านเป็นกรรมการศึกษาอำเภอ วางแผนจัดการศึกษาและสร้างโรงเรียนไว้หลายแห่ง ทำให้วัดหนองสนม เต็มไปด้วยชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่หิน จนกระทั่งวัดหนองสนมเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

วาระสุดท้าย เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2505 หลวงปู่หินได้ละสังขารไปอย่างสงบภายในกุฏิจำพรรษา สิริอายุ 80 พรรษา 56 มีสัทธิวิหาริก (ลูกศิษย์ที่ท่านบวช) รวมทั้งสิ้น 1,538 รูป

ท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบและหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ โดยหลวงปู่ทิม ท่านได้ไปต่อวิชากับท่านและได้กล่าวยกย่องหลวงปู่หินอยู่เสมอ โดยหลวงปู่ทิม มักเล่าให้ศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า มีวัดหนึ่งซึ่งเรียกว่า “วัดหนองสนม” มี “ท่านพ่อหิน” เป็นเจ้าอาวาส ท่านเล่าว่า...หลวงปู่หินเป็นพระที่หลวงปู่สังข์เฒ่าบวชให้และถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆให้ เนื่องจากอุปนิสัยของท่านเป็นคนดื้อและแข็งกร้าว อยากลองดี โดยเหตุที่หลวงปู่สังข์เฒ่าเป็นพระที่ดุมาก ใครทำผิดระเบียบวินัยแล้วจะต่อว่าและดุด่า คนไหนที่ท่านดุด่าแล้วไม่รู้จักจำจะโดนไล่ออกนอกวัดทันที แต่หลวงปู่หินท่านไม่กลัว ดุก็ดุไป ถ้าท่านไม่ทำผิดวินัยซะอย่าง

เวลาวัดมีงานท่านก็ออกมาช่วย อะไรที่ไม่ดี ท่านก็ทำให้ดีขึ้น คาถาอาคมที่ตนเองเล่าเรียนมา ถ้าไม่รู้ท่านจะรีบถามทันทีจึงทำให้หลวงปู่สังข์เฒ่ารักมาก และได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้จนหมดสิ้น ทั้งนี้ หลวงปู่สังข์เฒ่า วัดเก๋งจีน เป็นปรมาจารย์ผู้เรืองเวทย์แห่งจังหวัดระยอง และท่านเป็นปู่แท้ๆของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

หลวงปู่ทิมเล่าอีกว่า หลวงปู่หินมีวิชาคงกระพันสูง สามารถปลุกเสกผ้าและหมากพลูให้เป็นสัตว์ต่างๆได้ สมัยที่ท่านไปกราบหลวงปู่หินที่วัดหนองสนม ได้สนทนาธรรมและเคยเอ่ยถามว่า “เรื่องคาถาอาคมนั้นมีจริงหรือไม่? และท่านพ่อมีความเชื่อในด้านคาถาที่เกี่ยวกับเสกของให้เป็นสัตว์นั้นเป็นจริงหรือ?”

หลวงปู่หินท่านไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม สักพักหนึ่งก็กวักมือทำเป็นเรียกตัวอะไรให้ออกมาจากใต้โต๊ะ ปรากฏว่าเป็นลูกหนูตัวหนึ่ง ซึ่งท่านเอามือเคาะที่พื้นเบาๆ ลูกหนูตัวนั้นก็วิ่งไปมาที่มือของท่าน หลวงปู่ทิมเห็นเช่นนั้นก็มองดู สักพักหนึ่งปรากฏว่าลูกหนูที่อยู่ในมือหลวงปู่หินกลายเป็นเส้นด้ายขดหนึ่ง

หลวงปู่หิน ท่านสร้างวัตถุมงคลได้ขลังมาก เหรียญของท่านเยี่ยมยอดในด้านคงกระพัน ส่วนรูปหล่อของท่านก็หนักไปในด้านคงกระพันเช่นกัน จนคนในระยองต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า “ใครมีรูปหล่อของหลวงพ่อหินไม่มีวันหรอกที่จะเสียเลือดให้แก่ใคร” แสดงถึงว่า ถ้าใครคล้องเหรียญหรือรูปหล่อของท่านเชื่อขนมกินได้เลยว่า “แมลงวันไม่มีโอกาสได้ตอมเลือดอย่างแน่นอน”

วัตถุมงคลยอดนิยมของหลวงปู่หิน มีอาทิ เหรียญรุ่นแรก พิมพ์เสมา สร้างราวปี 2489

เหรียญรุ่น2 พิมพ์รูปไข่ สร้างราวปี 2498 เหรียญรุ่น3 รูปไข่ สร้างราวปี 2502 ,พระกริ่งหรือรูปหล่อ 2 พิมพ์คือ พิมพ์ฐานสูงและพิมพ์ฐานเตี้ย สร้างราวปี 2489,พระบูชารุ่นแรกขนาด 5 นิ้ว สร้างราวปี 2498 นอกจากนี้ยังมีเครื่องรางของขลัง เช่น ผ้ายันต์ สิงห์ ตะกรุด เป็นต้น

ผ้ายันต์พัดโบกเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดวัตถุมงคลที่หายากที่สุดของท่าน ทำจากผ้ายันต์แดงและผ้ายันต์ขาวลงจารอักขระเย็บติดกัน ขึ้นชื่อที่สุดทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ โชคลาภ ค้าขาย สุดยอดหายาก ผ้ายันต์พัดโบก หรือ เรียกกันว่า ผ้ายันต์โบกสาว หลวงปู่หิน วัดหนองสนม ระยอง ด้านสีแดงใช้โบกเรียกสาว เรื่องเมตตามหาเสน่ห์ร่ำลือกันว่า เด็ดขาดนัก ด้านสีขาวเป็นคงกระพัน เหนียวสุดๆ

หลวงปู่หินท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อนิด วัดทับมา,หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ และที่มีชื่อเสียงอยู่ในปัจจุบันคือ "หลวงพ่อรวย อัคคสาโร" เจ้าอาวาสวัดมาบตาพุด ซึ่งนับเป็นศิษย์สายตรงที่ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หิน วัดหนองสนม ในการถ่ายทอดสรรพวิชาพระคาถาอาคมให้เช่นเดียวกับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จึงกล่าวได้ว่าท่านเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับหลวงปู่ทิม

โดยวิชาที่หลวงพ่อรวยท่านได้รับการถ่ายทอดนั้น ได้แก่ วิชาแป้งเจิมมหามงคล รวมถึงวิชาการทำสีผึ้งเมตตา ซึ่งเป็นวิชาเดียวกันกับที่หลวงปู่ทิม ได้รับการถ่ายทอดและทดสอบวิชาจากหลวงปู่หิน จึงนับได้ว่าวิชาอาคมที่ถูกถ่ายทอดจากหลวงปู่หินนี้ ได้สร้างพลังแห่งความเคารพศรัทธาให้กับลูกศิษย์ลูกหา และประชาชนที่นับถือในตัวหลวงพ่อรวยเป็นอย่างยิ่ง

"ถ้ามีวัตถุมงคลของหลวงปู่หินอยู่กับตัวแล้ว ก็ไม่ต้องไปแสวงหาสิ่งใดอีก" เป็นคำกล่าวของศิษยานุศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าของหลวงปู่หิน อดีตพระดีเกจิดังที่เป็นตำนานแห่งเมืองระยอง

#ฉัตรสยาม


 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page