top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค. 2566 "หลวงพ่อคลี่" วัดประชาโฆสิตาราม

คอลัมน์"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค. 2566

"หลวงพ่อคลี่" วัดประชาโฆสิตาราม

เกจิดังแม่กลองร่วมยุค”หลวงพ่อเนื่อง”

ปลุกเสกจนเทียนชัยระเบิดสนั่นโบสถ์

เหรียญยันต์"ด.ใหญ่"...สปาต้าฟันไม่เข้า!!

วัดประชาโฆสิตาราม ต.ปลายโพงพาง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม หรือชื่อเดิม”วัดบางนกแขวก” เป็นวัดที่ใหญ่และเจริญรุ่งเรืองวัดหนึ่งของจังหวัดสมุทรสงคราม เดิมชื่อว่า “วัดบางนกแขวก” ตามชื่อคลองและชื่อหมู่บ้าน สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ.2351 ตรงกับปลายสมัยพระพุทธเจ้าเสือ กษัตริย์องค์ที่ 19 สมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยหลวงพ่อทองอยู่เป็นเจ้าอาวาสได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่วัดอย่างคณานับ จนต่อมาในปี พ.ศ.2485 ท่านได้เปลี่ยนชื่อวัดจาก “วัดบางนกแขวก” มาเป็น “วัดประชาโฆสิตาราม”

ในอดีตมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 2 องค์คือ พระครูสุนทรโฆสิต หรือ”หลวงพ่อทองอยู่” ผู้มีวิชาวิทยาคมสูง มีความชำนาญเก่งกาจในด้านลงกระหม่อม และตะกรุดโทน ถึงขนาดที่ หลวงพ่อคงวัด บางกะพ้อม และหลวงพ่อเปลี่ยน วัดชุมพล(วัดใต้) จ.กาญจนบุรี ต่างเอ่ยปากชื่นชมว่าท่านเป็นพระที่"เก่ง"

พระเกจิอาจารย์อีกองค์ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดสืบต่อจากหลวงพ่อทองอยู่ก็คือ พระครูสมุทรวิจารณ์ หรือ"หลวงพ่อคลี่ ฐานวิจาโร" สมญานามว่า พระเกจิแห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง เจ้าของเหรียญยันต์ "ด.ใหญ่"ที่มีประสบการณ์ฮือฮาว่า"เหนียว"สุดๆ

ปัจจุบันวัดนี้มีพระครูวิจิตรสรคุณ "หลวงพ่อเจี๊ยบ วุฑฒิสาโร" หรือ"พระอาจารย์เจี๊ยบ"เป็นเจ้าอาวาส โดยท่านได้สืบสายวิชาของหลวงพ่อคลี่ และเป็นศิษย์พุทธาคมพระเกจิเมืองแม่กลองหลายท่าน

"หลวงพ่อคลี่ ฐานวิจาโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดประชาโฆสิตาราม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นหนึ่งในพระดีเกจิดังแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี และหลวงพ่อสาย วัดจันทร์เจริญสุข แม้ชื่อเสียงในวงการพระเครื่องหลวงพ่อคลี่ อาจจะไม่รู้จักแพร่หลายเหมือนหลวงพ่อเนื่อง แต่คนในพื้นที่และส่วนกลางต่างก็รู้จักและศรัทธา ในบารมีของท่านอย่างมาก

ที่สำคัญ ท่านเป็นหนึ่งในพระอาจารย์ผู้ถ่ายทอดพุทธาคมให้พระภาวนาวิสุทธิคุณ (หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันวัดประดู่ พระอารามหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

ท่านมีนามเดิมว่า "วิจารณ์" นามสกุล "ศิริสวัสดิ์" เป็นชาวบ้านปลายโพงพาง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เกิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน ปี2447 บิดาชื่อนายคล้ำ มารดาชื่อ นางหลง วัยเยาว์หลังสำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดประชาโฆสิตาราม ได้บรรพชาเป็นสามเณร ตั้งแต่ปี2462 ที่วัดประชาโฆสิตาราม โดยมีหลวงพ่อทองอยู่ วัดประชาโฆสิตาราม เป็นพระอุปัชฌาย์

สำหรับหลวงพ่อทองอยู่ วัดประชาโฆสิตาราม เป็นพระเกจิร่วมยุคสมัยเดียวกับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม, หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิตย์ ชาวบ้านในสมัยก่อนก็ให้ความนับถือมาก แม้แต่หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ยังกล่าวยกย่องในด้านความเก่งกล้าด้านพุทธาคม

ในฐานะที่หลวงพ่อคลี่มีศักดิ์เป็นญาติกับหลวงพ่อทองอยู่ จึงมิต้องสงสัยเลยว่าวิชาต่างๆหลวงพ่อคลี่ ต้องได้เรียนมาจากหลวงพ่อทองอยู่แบบเต็มๆไม่มีปิดบัง

ต่อมาในปี2467ได้อุปสมบทที่วัดประชาโฆสิตาราม โดยมีพระครูวิมลศีลาจารย์ (หลวงพ่อช่วง) วัดปากน้ำ ต.แควอ้อม อ.อัมพวา สมุทรสงคราม เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งหลวงพ่อช่วงเป็นพระเกจิที่อาวุโสแก่กว่าหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อมหลายปี มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านวิทยาคมและวิปัสสนากรรมฐาน

หลวงพ่อคลี่เป็นพระที่มีความขยันใฝ่เรียนรู้ ท่านได้ศึกษาปริยัติจนสำเร็จนักธรรมเอก ในปี 2477 หลังจากที่หลวงพ่อทองอยู่ ได้มรณภาพลงเมื่อปีพ.ศ. 2487 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาส และได้รับแต่งตั้งเป็นทางการในปีพ.ศ. 2490

ปีพ.ศ.2490 เป็นพระปลัดฐานานุกรม ฐานานุศักดิ์ เจ้าคณะอำเภอเมือง สมุทรสงคราม พ.ศ.2495 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะตำบลปลายโพงพาง ปีพ.ศ.2496 เป็นพระครูสมุห์ฐานานุกรม พระเทพมุนี วัดสังเวชวิศยาราม กรุงเทพฯ และเป็นเจ้าคณะตำบลปลายโพงพาง ปีพ.ศ.2497 เป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดคลองโคน ปีพ.ศ.2498 เป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดเจริญรัตนาราม และเป็นพระอุปัชฌาย์ ปีพ.ศ.2500 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรีที่ "พระครูสมุทรวิจารณ์" ปีพ.ศ.2508 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม ปีพ.ศ.2517 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

วาระสุดท้ายท่านมรณภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2533 สิริอายุ 86 ปี ปกครองวัดเป็นเวลา43ปี

หลวงพ่อคลี่เป็นพระที่มีความเก่งกล้าด้านอาคมมากองค์หนึ่ง อีกทั้งเป็นพระที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตาอย่างมาก มีชื่อเสียงดังควบคู่มากับหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ในแต่ละวันมีผู้คนเดินทางไปหาท่านเป็นอย่างมาก เพราะต้องการโชคลาภจากท่าน

ชื่อเสียงของท่านดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในช่วงที่ก่อสร้างโบสถ์ ใกล้จะเสร็จ ทางวัดจัดสร้างพระเครื่อง และพิธีปลุกเสกขึ้น ขณะที่ทำการปลุกเสกนั้น เทียนชัยได้เกิดระเบิดดังลั่นสนั่นโบสถ์ เป็นที่กล่าวขานกันไปไกล

สำหรับวัตถุมงคลที่สร้างไว้สมัยท่านมีชีวิต มีจำนวนไม่มากรุ่น สังเกตได้ว่าไม่ค่อยมีหมุนเวียนออกมาตามสนามบ่อยนัก ส่วนใหญ่คนที่รู้จักจะแอบเก็บกันหมด เหรียญรูปเหมือนยุคแรก พิมพ์กลม สร้างในปีพ.ศ.2499 งานฉลองตราตั้งพระอุปัชฌาย์

ส่วนเหรียญที่สร้างชื่อให้หลวงพ่อคลี่มากที่สุดก็คือ เหรียญยันต์ "ด.เด็กใหญ่" สร้างปี 2519 เพราะมีคนที่แขวนเหรียญรุ่นนี้ถูกฟันแทงด้วยมีดสปาต้า ผลปรากฏว่าไม่มีแผลให้แมลงวันได้กินเลือดเลย ชาวบ้านในพื้นที่รู้ข่าวต่างตามเก็บกันหมด ทำให้เหรียญ”ด.เด็กใหญ่”กลายเป็นของหายาก และตอนหลังๆมีของเสริมจากวัด และของเก๊ออกมาร่วมแจมด้วย

นอกจากนี้ ยังมีพระพิมพ์สมเด็จ,พระเครื่องเนื้อเมฆพัตร และเนื้อแร่พรหมชะแง้ ที่มีประสบการณ์มากมาย ชาวประมงลูกศิษย์รุ่นเก่าเล่าว่า ถ้าแมลงสัตว์กัดต่อย ให้เอาพระเนื้อแร่ของหลวงพ่อคลี่จุ่มน้ำมะนาวปิดปากแผลที่โดนกัด จะหายปวดเป็นปลิดทิ้ง โดยเฉพาะเงี่ยงปลากระเบน

พระเครื่องของท่านมีพุทธคุณทั้งทางแคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ แถมด้วยคงกระพันชาตรีก็มีให้พบเห็น โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปกราบท่านหลายวาระ พระองค์ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ใช้ พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. บนวัตถุมงคลของหลวงพ่อคลี่อีกด้วย

#ฉัตรสยาม



ดู 930 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page