ตำนานชีวิต92ปี"หลวงปู่ทองดำ อินทวังโส"
อดีตเกจิดังวัดถ้ำตะเพียนทอง จ.ลพบุรี
ศิษย์ลพ.มุม ศรีสะเกษ-ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฯ
ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์"คัมภีร์นิวส์" ร่วมย้อนตำนานชีวิต น้อมถวายความอาลัยในการจากไปของ"หลวงปู่ทองดำ อินฺทวํโส" อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำตะเพียนทอง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งมรณภาพลงเมื่อเวลา 17.12 น. วันที่ 17 ม.ค.2567 สิริอายุ 92 ปี
ท่านเป็นศิษย์เอกสายตรงหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ จ.ศรีสะเกษ นอกจากนี้ ยังเคยไปร่วมพิธีกรรมพุทธาภิเษกหลายครั้ง และได้พบกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม. ด้วยความนับถือจึงฝากตัวเป็นศิษย์และได้รับการถ่ายทอดความรู้ต่างๆจากหลวงปู่โต๊ะ จคงนับเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมของหลวงปู่โต๊ะอีกองค์ ท่านมีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ จนได้รับการยกย่องว่าเป็น"เทพเจ้าแห่งทุ่งทานตะวัน"
ท่านมีนามเดิมว่า "ทองดำ ปุยอบ" เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2475 ที่บ้านปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ โยมบิดาชื่อ นายศิลา โยมมารดาชื่อนางนวล มีพี่น้องด้วยกัน 4 คน ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา วัยเยาว์เข้าเรียนหนังสือที่วัดบ้านปราสาท เรียนจบชั้นประถมที่ 4 หลังจากนั้นออกมาช่วยครอบครัวทำนา ช่วงหน้าแล้งบางคราวก็ไปรับจ้างทำงานต่างถิ่น
เมื่ออายุ 22 ปีเข้าอุปสมบทที่วัดสมอ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ โดยมีพระครูวิรุฬหธรรมกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เง้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังอุปสมบท ได้ศึกษาในพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีและโท
จากนั้นได้ไปศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อมุม อินทปัญโญ วัดปราสาทเยอร์เหนือ จ.ศรีสะเกษ โดยช่วงแรกหลวงพ่อมุมไม่ค่อยสอนวิชาอาคมให้นัก เพราะต้องการดูอุปนิสัยศิษย์ว่าจะเป็นอย่างไร ตอนหลังหลวงพ่อมุมก็เมตตาสอนให้ และอยู่ศึกษาปฏิบัติอยู่กับท่านเป็นเวลาแรมปี
ต่อมาได้ไปเรียนวิชากับพระอาจารย์ทองสุข วัดบ้านเพชร พระเกจิอาจารย์ที่แก่กล้าวิทยาคมอย่างมาก ทั้งยังเป็นพระอาจารย์สักยันต์ที่เลื่องลือยิ่งรูปหนึ่ง โดยพระอาจารย์ทองสุขได้มอบตำราไว้ให้ และยังสอนด้านการนั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานอีกด้วย
ต่อมาท่านได้ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปราสาทจันโง ปกครองอยู่เกือบ 12 ปี หลังจากพัฒนาสร้างวัดจนสำเร็จมั่นคงดีแล้ว ท่านก็เดินธุดงค์ไป จ.อุบลราชธานี และได้พบกับพระอาจารย์โฮม พระนักปฏิบัติรูปหนึ่งที่เก่งมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาอยู่ที่บนเขา ท่านสอนให้เดินจงกรม นั่งปฏิบัติภาวนาและสวดมนต์ต่างๆ อยู่เป็นเวลา 1 พรรษา
ก่อนลากลับ พระอาจารย์โฮมมอบตำราพระธรรมเก้าโกฏิที่มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ท่านได้นำมาอ่านท่องจนจำขึ้นใจได้ทุกหน้า จากนั้นได้เดินธุดงค์จากจ.อุบลราชธานี มาแถบอีสานผ่านหลายจังหวัด ตัดผ่านมาถึงนครราชสีมา สระบุรี และลพบุรี
ท่านมาปักกลดอยู่ที่หน้าถ้ำพระนารายณ์เขาวง แต่แรกก็ไม่มีชาวบ้านให้ความสนใจ ท่านก็ปฏิบัติภาวนาตามปกติ อยู่มาวันหนึ่งมีชาวบ้านนำภัตตาหารมาถวาย รวมทั้งมีชาวบ้านคนหนึ่ง ฐานะยากจนมาคอยอุปัฏฐากดูแลความเป็นอยู่ ท่านได้เป่าลงกระหม่อมและมอบตะกรุดโทนให้ดอกหนึ่ง ปรากฏว่าชาวบ้านคนนั้นไปประสบเหตุถูกคนทำร้าย แต่ไม่ได้รับอันตรายอย่างใด ทำให้มีชาวบ้านมาหาท่านกันหลายคน เพื่อขอตะกรุด
พ.ศ.2512 เครือญาติของนางพิสมัย แซ่บาง เห็นวัตรปฏิบัติของท่านเมื่อครั้งที่ยังอยู่บริเวณหน้าถ้ำพระนารายณ์เขาวง จ.ลพบุรี เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงนิมนต์ให้มาอยู่ ด้วยสถานที่ดังกล่าวมีความเงียบสงบเหมาะสำหรับการเจริญภาวนากัมมัฏฐานอย่างยิ่ง
เมื่อท่านเดินทางไปอยู่บริเวณดังกล่าว คณะชาวบ้านและเครือญาติของนางพิสมัย ก็ปลูกที่พักให้หลังหนึ่งเล็กๆ ที่หน้าถ้ำตะเพียนทอง ซึ่งแต่ก่อนนั้นชาวบ้านไม่รู้ว่ามีถ้ำ รู้แต่ว่ามีทรัพย์สมบัติและผีดุ เมื่อท่านมาอยู่แล้ว ท่านกับชาวบ้านก็ช่วยกันถากถางต้นไม้และมีพระติดตามท่านมาอีกรูปหนึ่ง
คืนหนึ่ง ท่านเกิดนิมิตฝันไปว่าในบริเวณแห่งนี้มีทรัพย์สมบัติและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำ ขณะกำลังเจริญภาวนาเดินจงกรมนั้นก็มีวิญญาณร้ายมารบกวนไม่เคยขาด ท่านจึงปรารภต่อวิญญาณนั้นว่า "อาตมามาที่นี่เพื่อสร้างวัดไม่ได้มาเอาทรัพย์สมบัติแต่ประการใดๆ" วิญญาณร้ายจึงยอมหนีไป
ครั้นเมื่อก่อสร้างเสนาสนะในวัดได้ระยะหนึ่ง มีชาวบ้านมาขอวัตถุมงคลกับท่าน หลวงพ่อก็มีแต่ตะกรุดโทนให้ไป ต่อมาท่านได้ลงหมึกสักยันต์ให้ชาวบ้านและผู้คนที่ดั้นด้นกันมาจากที่ไกล
ในจำนวนคนเหล่านั้น หลายคนเป็นโจรเสือร้ายที่มีหมายจับของทางราชการหลายคน ทำให้ผู้ว่าฯลพบุรีในสมัยนั้น ต้องมากราบขอร้องให้ท่านงดการลงหมึกสักยันต์ ด้วยมีหลายคนเป็นโจรปล้นฆ่า ยากแก่การปราบปราม ซึ่งท่านไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นคนร้ายมีหมายจับของทางราชการ นับจากนั้นเป็นต้นมา ท่านงดสักยันต์โดยเด็ดขาด
ต่อมา ท่านได้ทำเสื้อยันต์และผ้ายันต์มอบให้ทหารที่ไปรบตามชายแดน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ พวกทหารเหล่านั้นได้พากันมากราบหลวงปู่ทองดำ บอกว่ารอดพ้นปลอดภัยจากฝ่ายตรงข้ามด้วยเสื้อยันต์ของหลวงพ่อ
ก่อนปีพ.ศ.2520 ท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม. ขอศึกษาความรู้กับท่านระยะหนึ่ง แล้วเดินทางไปเรียนด้านการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรีอยู่หลายเดือนจนสำเร็จญาณ 16 ชั้นฟ้า 16 ชั้นดิน แล้วออกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ ในแถบชายทะเลภาคตะวันออก อีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือ
ช่วงปี พ.ศ.2520-2524 หลวงปู่ทองดำรับนิมนต์ร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่องในกรุงเทพฯ หลายครั้งด้วยกัน
วัตถุมงคลรุ่นแรกของหลวงปู่ทองดำ วัดถ้ำตะเพียนทอง จัดสร้าง พ.ศ.2520 ซึ่งมีเพียง 2แบบคือ พระสมเด็จงิ้วดำและนางพญางิ้วดำ เท่านั้น ส่วนเหรียญรุ่นแรกสร้างปี2523 สมัยยังเป็นสำนักสงฆ์ถ้ำตะเพียนทอง
หลังจากนั้นได้หยุดไปนานจนถึงปี พ.ศ.2545 ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหารายได้ก่อสร้างอุโบสถ กุฏิ และเสนาสนะต่างๆ พระเครื่องรุ่นปี พ.ศ.2545 ที่ท่านสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการ คือ รุ่นมหาอำนาจ มหาเมตตา มหานิยม รุ่น 2 เรียกว่า รุ่นยอดขุนพลไตรมาส 45 รุ่น 3 คือ ขุนแผนจ้าวทรัพย์-จ้าวเสน่ห์ และอื่นๆ อีกหลายรุ่นจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
วัตถุมงคลของท่านเป็นที่กล่าวขานร่ำลือว่ามีพุทธคุณรอบด้าน!
Comments