top of page
ค้นหา

ตำนานชีวิต93ปี"หลวงปู่ภา อินุทปญฺโญ" เกจินักเทศน์-นักพัฒนา/วัดตาขัน ระยอง

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 11 มิ.ย. 2567
  • ยาว 1 นาที

ตำนานชีวิต93ปี"หลวงปู่ภา อินุทปญฺโญ"

เกจินักเทศน์-นักพัฒนา/วัดตาขัน ระยอง


ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์"คัมภีร์นิวส์" ร่วมย้อนตำนานชีวิต น้อมถวายความอาลัยในการจากไปของพระครูวิบูลภารกิตติ์ หรือ"หลวงปู่ภา อินุทปญฺโญ" อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลตาขัน อดีตเจ้าอาวาสวัดตาขัน ต.ตาขัน อ.บ้านค่าย จ ระยอง ซึ่งละสังขารโดยสงบด้วยเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.67 สิริอายุ 93ปี 72พรรษา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มื.ย. 67 มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ,คณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชน สรงน้ำศพ และกำหนดบำเพ็ญกุศลศพระหว่างวันที่ 10-18 มิ.ย.67 โดยวันที่ 11-16 มิ.ย.67 เวลา 19:30 น. บรรยายธรรม/สวดพระอภิธรรม วันที่ 17 มิ.ย.67 เวลา 19:30 น. แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ / สวดพระอภิธรรม วันที่ 18 มิ.ย.67 เวลา 19:30 น. สวดพระอภิธรรม / พิธีปิดศพ


ท่านมีนามเดิมว่า "ภา" นามสกุล "สุขมหา" เกิด เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๓ ที่บ้านเลขที่ ๙๒ หมู่ที่ ๔ ต.ตาขัน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง บิดาชื่อ คุณพ่อจ๋วน มารดาชื่อ คุณแม่ขาบ


เมื่อายุ 23ปีได้เข้าอุปสมบทเมื่อ วันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๕ ที่วัดตาขัน โดยมี พระครูสุจิตวิชชากร (หลวงพ่อเอม) วัดบ้านเก่า เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการนิมิต ถาวโร วัดหนองตะพาน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการรอง วัดชะวึก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า"อินุทปญฺโญ"


หลังอุปสมบทได้อยู่จำพรรษาและเรียนพระธรรมวินัยที่วัดตาขันจนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อเอม วัดบ้านเก่า พระอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่งของอำเภอบ้านค่ายร่วมยุคเดียวกับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่,หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า,หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ


วิทยะฐานะ พ.ศ.๒๔๘๗ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนวัดหนองตะแบก ต.ตาขัน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พ.ศ.๒๕๐๒

สอบได้นักธรรมชั้นเอก วัดตาขัน พ.ศ.๒๕๕๑

รับถวายปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร


การศึกษาพิเศษ คือ อบรมพระธรรมทูตสายที่ ๗ พ.ศ.๒๕๐๘ ความชำนาญคือ การแสดงพระธรรมเทศนา การบรรยายธรรม การก่อสร้างงาน


งานด้านการปกครอง พ.ศ.๒๕๐๑ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พ.ศ.๒๕๐๒ เป็นเจ้าอาวาสวัดตาขัน พ.ศ.๒๕๐๔ เป็นเจ้าคณะตำบลตาขัน

พ.ศ.๒๕๑๗ รับการอบรมโรงเรียนพระสังฆาธิการส่วนภูมิภาค แผนกศึกษาอบรม รุ่นที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๒ มี.ค. ๒๕๑๗ พ.ศ.๒๕๒๑ เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.๒๕๕๔ เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลตาขัน


สมณศักดิ์ พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานสมศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ในพระราชทินนามที่ "พระครูวิบูลภารกิตติ์" พ.ศ.๒๕๒๓ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ตำแหน่ง เจ้าคณะตำบลชั้นโทที่ "พระครูวิบูลภารกิตติ์" พ.ศ.๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ตำแหน่ง เจ้าคณะตำบลชั้นเอกที่ "พระครูวิบูลภารกิตติ์"


หลวงปู่ภาท่านเป็นเกจินักพัฒนา ตลอดช่วงเวลาที่บวชและเป็นเจ้าอาวาสวัดตาขัน ท่านได้สร้างวัด สร้างโรงเรียน สร้างมหาวิทยาลัย สร้างทีมนักกีฬาเยาวชน มีผลงาน จนได้เป็นพระนักพัฒนาที่มีเมตตาธรรมสูง ทำให้มีพุทธศาสนิกชนและลูกศิษย์ทั่วประเทศ


เมื่อท่านมรณภาพจึงมีศิษยานุศิษย์หลั่งไหลมาร่วมพิธีกันหนาแน่นและไม่พลาดกับการนำเลขที่เกี่ยวข้องท่านไปลุ้นโชคโดยเฉพาะเลขฝาโลงไม้สักราคา 800,000 บาท มีเลข คือ 986 ซึ่งโลงไม้สักนี้ ท่านเคยปรารภไว้เมื่อครั้งไปงานที่วัดละหารไร่ ท่านได้เห็นโลงไม้สักจึงแจ้งความประสงค์ว่าชอบโลงนี้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาลูกศิษย์จึงได้จัดเตรียมให้ แม้ว่าจะมีราคาสูง


ทั่งนี้ ผลงานสำคัญของท่านคือ "ถ้ำอชันตา" ซึ่งสร้างขึ้นภายในวัดตาขัน โดยหลวงปู่ภาอธิษฐานจิตทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี2566ที่ผ่านมา


ภายในถ้ำอชันตามีการตกแต่งที่สวยงาม สร้างน้ำตกจำลอง ขนาดใหญ่ เหนือน้ำตกมีพุทธประวัติ ภายในถ้ำ ตกแต่งเสมือนธรรมชาติ มีหุ่นขี้ผึ้ง พระเกจิที่เคารพศรัทธา เช่น หลวงปู่ภา หลวงปู่ตั้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดตาขัน,หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และประดิษฐาน พระแก้วมรกต พระพุทธมงคลธรรม ที่สร้างขึ้นจากไม้แกะสลักเก่าแก่ และพระสมเด็จมหาจักรพรรดิ์ ปัจจุบันถ้ำอชันตาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกแห่งหนึ่งของเมืองระยอง



 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page