top of page
ค้นหา

"พระอาจารย์พล เตชพโล" วัดเขาห้วยแห้ง เกจิเมืองตรังสายเขาอ้อ/ศิษย์"พ่อท่านคล้อย

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 6 พ.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

"พระอาจารย์พล เตชพโล" วัดเขาห้วยแห้ง

เกจิเมืองตรังสายเขาอ้อ/ศิษย์"พ่อท่านคล้อย

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ขอนำเสนอประวัติพระครูสุธรรมโศภณ หรือ "พระอาจารย์พล เตชพโล" เจ้าคณะตำบลห้วยยอด เจ้าอาวาสวัดเขาห้วยแห้ง ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ท่านเคยศึกษาในตำราตักศิลาเขาอ้อกับ"พ่อท่านคล้อย" วัดภูเขาทอง จ.พัทลุง หนึ่งในศิษย์ยุคแรกๆของสายเขาอ้อ

พระอาจารย์พลมีนามเดิมว่า "โสภณ" นามสกุล "โอทอง" ท่านเข้าบรรพชาอุปสมบทในวัย 20 ปีที่วัดเขาปูน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับวัดเขาห้วยแห้ง ครั้งแรกตั้งใจบวชแค่ 2เดือนเพื่ออุทิศกุศลให้กับย่าของท่านที่สิ้นไป แต่เสมือนว่าท่านนั้นมีบุญในร่มกาสาวพัสตร์ครั้นไปลาสึก "พระอาจารย์หยี" ผู้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ บอกว่าจะสึกให้ แต่ให้ท่านท่องบท อาราธนาศีล อาราธนาธรรม บทขอถวายสังฆทาน ซึ่งบทเหล่านี้เป็นเรื่องราวของฆราวาสที่จะท่องบ่น ส่วนทางพระนั้นก็ท่องบ่นในบทสวดมนต์ทำให้ท่านไม่สามารถทำได้จึงต้องอยู่ในเพศบรรพชิตต่อจนกระทั่งเข้าพรรษา และปฏิบัติกิจร่ำเรียน นักธรรม ตามแบบอย่างภิกษุทั่วไป

ครั้นออกพรรษาท่านจึงไปขอลาสิกขาอีกครั้ง พระอาจารย์หยี ก็บอกอีกว่า ใกล้จะประกาศผลการสอบนักธรรมแล้ว รอผลก่อนจะได้ครบไตรลักษณ์คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งในครั้งนั้นพระอาจารย์หยียังประกาศว่า รูปใดสอบนักธรรมได้จะมอบจีวรแพ และ ปัจจัยให้ 10,000 บาท ซึ่งในยุคนั้นจีวรแพรเป็นของหายากที่จะได้ครอง ท่านจึงไม่ได้สึกอีกครั้ง

ต่อมาเพื่อนสหธรรมิกของพระอาจารย์หยีธุดงค์มาเยี่ยมที่วัดเขาปูน ได้ดูดวงให้และบอกว่า พระอาจารย์พลจะได้เป็นเจ้าอาวาส ทั้งๆที่ท่านตั้งใจจะสึกอีกครั้ง พระอาจารย์หยี จึงบอกให้ท่านกลับไปท่องบท “อิติปิโส”ถอยหลังให้ได้ก่อน ด้วยความมุมานะ พระอาจารย์พล ใช้เวลาเพียงคืนเดียวสามารถท่องบทอิติปิโสถอยหลังได้ แต่ครั้งนี้พระอาจารย์พลกลับไม่คิดลาสิกขา กลับขอเรียนวิชาเลขยันต์ วิชามนต์ต่างๆ และยังไปขอเรียนวิชาสายเขาอ้อจากพ่อท่านคล้อย เกจิดังวัดภูเขาทอง จ.พัทลุง

ต่อมาพระอาจารย์หยีได้ผลักดันให้ท่านเกิดมุมานะที่จะสอบนักธรรมเอกให้ได้ การสอบนักธรรมเอกถือว่าเป็นการสอบที่ยาก ต้องท่องตำราแต่เนื่องจากที่วัดเขาปูนนั้นมีกิจนิมนต์และกิจของสงฆ์มากมาย ทำให้ไม่มีเวลาท่องบ่นตำรา พระอาจารย์หยีจึงให้ท่านมาจำวัดที่วัดเขาห้วยแห้งเพื่อท่องบ่นตำราจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน พระอาจารย์พลจึงอยู่จำพรรษาที่วัดเขาห้วยแห้งตลอดมาเป็นเวลากว่า 27 ปีแล้ว

ปีพ.ศ.2566 ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอกที่ พระครูสุธรรมโศภน (โสภณ โอทอง) โดยจัดพิธีถวายสัญญาบัตร พัดยศ

เมื่อวันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

วัดเขาห้วยแห้ง ตั้งอยู่ที่บ้านหัวถนน หมู่ที่ 6 ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ค.2482 ระยะเริ่มแรกสร้างวัดนี้ มีพระธุดงค์มาพำนักเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในหน้าเข้าพรรษาจะมีพระสงฆ์พนักอยู่ประจำ พระครูโชติคุณาธร เจ้าคณะตำบลได้นำชาวบ้านร่วมกันบูรณะวัดในปี พ.ศ.2484 จึงเรียกชื่อว่า วัดเขาห้วยแห้ง เป็นชื่อภูเขาเล็กๆ มีป่าไม่ปกคลุมทั่วไป เป็นหุบเขา มีห้วยเรียกว่า"ห้วยแห้ง" เป็นภูเขาห้วยแห้ง เป็นภูเขาที่มีความสำคัญมีพระธุดงด์พำนักเป็นครั้งคราว

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้ำเขาห้วยแห้งเคยเป็นที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ รถถังของฝ่ายอักษะ หรือทหารญี่ปุ่น พระอาจารย์พลเล่าว่า พ่อแก่แม่เฒ่าเคยเห็นทหารญี่ปุ่นเดินเข้าออกถ้ำ ครั้นสงครามสงบเคยมีผู้เข้าไปสำรวจยังคงพบรอยรถถังบนพื้นถ้ำ ส่วนรถถังไม่มีใครเคยพบว่าหายไปที่ใด

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดเขาห้วยแห้งคือ ทวดงูจงอางสีดำและสีขาว พระอาจารย์พลเล่าว่า ชาวบ้านจะเรียกว่า "ทวดย่า" คือสีขาว "ทวดปู่" คือสีดำ ตามปกติทวดย่าคือ งูจงอางสีขาว จะออกมาปรากฏให้เห็นเสมอๆ โดยไม่ทำอันตรายแก่ผู้ใด และไม่ได้แผ่แม่เบี้ยให้เกิดความตื่นกลัวแต่ประการใดด้วย

ตั้งแต่พระอาจารย์พลมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดเขาห้วยแห้งนี้เคยเห็นทวดย่าหลายครั้ง ขนาดของงูมิได้โตขึ้นตามปีเลย ขนาดเท่าใดก็เท่านั้น ท่านยังเล่าต่อไปว่า หากทวดย่า ปรากฏกายมักจะพบกับเรื่องดีๆ มาสู่วัด แต่หากครั้งใด ทวดปู่ปรากฏกายมักจะเกิดปัญหาความยุ่งยาก

นอกจากทวดงูทั้งสอง ปู่เจ้าสมิงพรายก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัดเขาห้วยแห้ง ส่วนเจ้าสัวกุมารจุกนั้น ท่านมาเข้าในนิมิตของพระอาจารย์พลและได้ขอมาอยู่ด้วย โดยพระอาจารย์พล ท่านได้ตั้งศาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดเขาห้วยแห้งและอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสถิต รวมทั้งพ่อพรานบุญ ซึ่งท่านได้อัญเชิญมาสถิตร่วมด้วย

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดเขาห้วยแห้งนี้ มีผู้มาบนบานเสมอๆและได้รับสมหวังตามที่ได้มาวอนขอเป็นประจำ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์นี้ พระอาจารย์พลเคยเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่านเคยนิมิตถึงเหล็กไหล 2 องค์อยู่ในถ้ำเขาห้วยแห้ง และในนิมิตบอกว่ายกให้กับท่าน ให้ไปขุดเอามาเป็นของดีไว้ที่วัด

เมื่อตื่นพิจารณาในนิมิตแล้ว ท่านมองเห็นว่าการจะเข้าไปขุดด้วยตนเองคงไม่สำเร็จแน่ ครั้นจะไปให้ชาวบ้านมาช่วยขุด ของดีทั้งหลายคงอยู่ไม่ครบ อาจสูญหายไป ท่านจึงตั้งจิตอธิษฐานเข้าภวังค์สมาธิ บอกกล่าวว่าหากแม้นจะมอบของให้จริงก็ขอให้นำออกมาให้เลย อย่าให้ท่านต้องไปขุดค้น ซึ่งก็ปรากฏตามนั้นคือ มีเหล็กไหล 2 ก้อนวางอยู่ปากถ้ำ

สำหรับเรื่องราว “เจ้าสัวจุก” ก็ดี อาจารย์พล อธิษฐานว่า หากจะมาอยู่ด้วยแล้วก็ให้มีคนใจบุญมาสร้างรูปของเจ้าสัวจุกให้ได้เข้าไปสถิต ซึ่งก็มีผู้นำรูปกุมารยืนดูดขวดนมมาถวายให้จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งเจ้าสัวจุกสืบมา

หลังจากได้มาครองวัดเขาห้วยแห้ง ท่านก็ได้สร้างความเจริญและสร้างศาสนสถานเพื่อกิจของสงฆ์ ปัจจุบันท่านกำลังก่อสร้างอุโบสถ ซึ่งได้ดำเนินการลงรากฐานแล้ว แต่ยังขาดปัจจัยในก่อสร้างจึงจัดสร้างวัตถุมงคล รุ่น “สรงน้ำเสาร์5” ขึ้นมาเพื่อนำปัจจัยมาสมทบทุนสร้างอุโบสถวัดเขาห้วยแห้ง

วัตถุมงคล "สรงน้ำเสาร์๕" ประกอบด้วยพระปิดตาผงน้ำมันโบราณ,ตะกรุดเทวดาประจำวันเกิดพญากาจับหลัก(วิชาด้านเสน่ห์โชคลาภของสายมโนราห์) จารมือ,พระปิดตาเนื้อไม้กำจัดและไม้ขนุนป่าแช่น้ำมันว่านจารมือ

,ลูกสะกดตะกั่วอวนจ้าวสมุทรจารมือ


 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page