top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

"พระอาจารย์พล เตชพโล" วัดเขาห้วยแห้ง เกจิเมืองตรังสายเขาอ้อ/ศิษย์"พ่อท่านคล้อย

"พระอาจารย์พล เตชพโล" วัดเขาห้วยแห้ง

เกจิเมืองตรังสายเขาอ้อ/ศิษย์"พ่อท่านคล้อย

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ขอนำเสนอประวัติพระครูสุธรรมโศภณ หรือ "พระอาจารย์พล เตชพโล" เจ้าคณะตำบลห้วยยอด เจ้าอาวาสวัดเขาห้วยแห้ง ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ท่านเคยศึกษาในตำราตักศิลาเขาอ้อกับ"พ่อท่านคล้อย" วัดภูเขาทอง จ.พัทลุง หนึ่งในศิษย์ยุคแรกๆของสายเขาอ้อ

พระอาจารย์พลมีนามเดิมว่า "โสภณ" นามสกุล "โอทอง" ท่านเข้าบรรพชาอุปสมบทในวัย 20 ปีที่วัดเขาปูน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับวัดเขาห้วยแห้ง ครั้งแรกตั้งใจบวชแค่ 2เดือนเพื่ออุทิศกุศลให้กับย่าของท่านที่สิ้นไป แต่เสมือนว่าท่านนั้นมีบุญในร่มกาสาวพัสตร์ครั้นไปลาสึก "พระอาจารย์หยี" ผู้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ บอกว่าจะสึกให้ แต่ให้ท่านท่องบท อาราธนาศีล อาราธนาธรรม บทขอถวายสังฆทาน ซึ่งบทเหล่านี้เป็นเรื่องราวของฆราวาสที่จะท่องบ่น ส่วนทางพระนั้นก็ท่องบ่นในบทสวดมนต์ทำให้ท่านไม่สามารถทำได้จึงต้องอยู่ในเพศบรรพชิตต่อจนกระทั่งเข้าพรรษา และปฏิบัติกิจร่ำเรียน นักธรรม ตามแบบอย่างภิกษุทั่วไป

ครั้นออกพรรษาท่านจึงไปขอลาสิกขาอีกครั้ง พระอาจารย์หยี ก็บอกอีกว่า ใกล้จะประกาศผลการสอบนักธรรมแล้ว รอผลก่อนจะได้ครบไตรลักษณ์คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งในครั้งนั้นพระอาจารย์หยียังประกาศว่า รูปใดสอบนักธรรมได้จะมอบจีวรแพ และ ปัจจัยให้ 10,000 บาท ซึ่งในยุคนั้นจีวรแพรเป็นของหายากที่จะได้ครอง ท่านจึงไม่ได้สึกอีกครั้ง

ต่อมาเพื่อนสหธรรมิกของพระอาจารย์หยีธุดงค์มาเยี่ยมที่วัดเขาปูน ได้ดูดวงให้และบอกว่า พระอาจารย์พลจะได้เป็นเจ้าอาวาส ทั้งๆที่ท่านตั้งใจจะสึกอีกครั้ง พระอาจารย์หยี จึงบอกให้ท่านกลับไปท่องบท “อิติปิโส”ถอยหลังให้ได้ก่อน ด้วยความมุมานะ พระอาจารย์พล ใช้เวลาเพียงคืนเดียวสามารถท่องบทอิติปิโสถอยหลังได้ แต่ครั้งนี้พระอาจารย์พลกลับไม่คิดลาสิกขา กลับขอเรียนวิชาเลขยันต์ วิชามนต์ต่างๆ และยังไปขอเรียนวิชาสายเขาอ้อจากพ่อท่านคล้อย เกจิดังวัดภูเขาทอง จ.พัทลุง

ต่อมาพระอาจารย์หยีได้ผลักดันให้ท่านเกิดมุมานะที่จะสอบนักธรรมเอกให้ได้ การสอบนักธรรมเอกถือว่าเป็นการสอบที่ยาก ต้องท่องตำราแต่เนื่องจากที่วัดเขาปูนนั้นมีกิจนิมนต์และกิจของสงฆ์มากมาย ทำให้ไม่มีเวลาท่องบ่นตำรา พระอาจารย์หยีจึงให้ท่านมาจำวัดที่วัดเขาห้วยแห้งเพื่อท่องบ่นตำราจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน พระอาจารย์พลจึงอยู่จำพรรษาที่วัดเขาห้วยแห้งตลอดมาเป็นเวลากว่า 27 ปีแล้ว

ปีพ.ศ.2566 ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอกที่ พระครูสุธรรมโศภน (โสภณ โอทอง) โดยจัดพิธีถวายสัญญาบัตร พัดยศ

เมื่อวันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

วัดเขาห้วยแห้ง ตั้งอยู่ที่บ้านหัวถนน หมู่ที่ 6 ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ค.2482 ระยะเริ่มแรกสร้างวัดนี้ มีพระธุดงค์มาพำนักเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในหน้าเข้าพรรษาจะมีพระสงฆ์พนักอยู่ประจำ พระครูโชติคุณาธร เจ้าคณะตำบลได้นำชาวบ้านร่วมกันบูรณะวัดในปี พ.ศ.2484 จึงเรียกชื่อว่า วัดเขาห้วยแห้ง เป็นชื่อภูเขาเล็กๆ มีป่าไม่ปกคลุมทั่วไป เป็นหุบเขา มีห้วยเรียกว่า"ห้วยแห้ง" เป็นภูเขาห้วยแห้ง เป็นภูเขาที่มีความสำคัญมีพระธุดงด์พำนักเป็นครั้งคราว

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้ำเขาห้วยแห้งเคยเป็นที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ รถถังของฝ่ายอักษะ หรือทหารญี่ปุ่น พระอาจารย์พลเล่าว่า พ่อแก่แม่เฒ่าเคยเห็นทหารญี่ปุ่นเดินเข้าออกถ้ำ ครั้นสงครามสงบเคยมีผู้เข้าไปสำรวจยังคงพบรอยรถถังบนพื้นถ้ำ ส่วนรถถังไม่มีใครเคยพบว่าหายไปที่ใด

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดเขาห้วยแห้งคือ ทวดงูจงอางสีดำและสีขาว พระอาจารย์พลเล่าว่า ชาวบ้านจะเรียกว่า "ทวดย่า" คือสีขาว "ทวดปู่" คือสีดำ ตามปกติทวดย่าคือ งูจงอางสีขาว จะออกมาปรากฏให้เห็นเสมอๆ โดยไม่ทำอันตรายแก่ผู้ใด และไม่ได้แผ่แม่เบี้ยให้เกิดความตื่นกลัวแต่ประการใดด้วย

ตั้งแต่พระอาจารย์พลมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดเขาห้วยแห้งนี้เคยเห็นทวดย่าหลายครั้ง ขนาดของงูมิได้โตขึ้นตามปีเลย ขนาดเท่าใดก็เท่านั้น ท่านยังเล่าต่อไปว่า หากทวดย่า ปรากฏกายมักจะพบกับเรื่องดีๆ มาสู่วัด แต่หากครั้งใด ทวดปู่ปรากฏกายมักจะเกิดปัญหาความยุ่งยาก

นอกจากทวดงูทั้งสอง ปู่เจ้าสมิงพรายก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัดเขาห้วยแห้ง ส่วนเจ้าสัวกุมารจุกนั้น ท่านมาเข้าในนิมิตของพระอาจารย์พลและได้ขอมาอยู่ด้วย โดยพระอาจารย์พล ท่านได้ตั้งศาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดเขาห้วยแห้งและอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสถิต รวมทั้งพ่อพรานบุญ ซึ่งท่านได้อัญเชิญมาสถิตร่วมด้วย

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดเขาห้วยแห้งนี้ มีผู้มาบนบานเสมอๆและได้รับสมหวังตามที่ได้มาวอนขอเป็นประจำ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์นี้ พระอาจารย์พลเคยเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่านเคยนิมิตถึงเหล็กไหล 2 องค์อยู่ในถ้ำเขาห้วยแห้ง และในนิมิตบอกว่ายกให้กับท่าน ให้ไปขุดเอามาเป็นของดีไว้ที่วัด

เมื่อตื่นพิจารณาในนิมิตแล้ว ท่านมองเห็นว่าการจะเข้าไปขุดด้วยตนเองคงไม่สำเร็จแน่ ครั้นจะไปให้ชาวบ้านมาช่วยขุด ของดีทั้งหลายคงอยู่ไม่ครบ อาจสูญหายไป ท่านจึงตั้งจิตอธิษฐานเข้าภวังค์สมาธิ บอกกล่าวว่าหากแม้นจะมอบของให้จริงก็ขอให้นำออกมาให้เลย อย่าให้ท่านต้องไปขุดค้น ซึ่งก็ปรากฏตามนั้นคือ มีเหล็กไหล 2 ก้อนวางอยู่ปากถ้ำ

สำหรับเรื่องราว “เจ้าสัวจุก” ก็ดี อาจารย์พล อธิษฐานว่า หากจะมาอยู่ด้วยแล้วก็ให้มีคนใจบุญมาสร้างรูปของเจ้าสัวจุกให้ได้เข้าไปสถิต ซึ่งก็มีผู้นำรูปกุมารยืนดูดขวดนมมาถวายให้จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งเจ้าสัวจุกสืบมา

หลังจากได้มาครองวัดเขาห้วยแห้ง ท่านก็ได้สร้างความเจริญและสร้างศาสนสถานเพื่อกิจของสงฆ์ ปัจจุบันท่านกำลังก่อสร้างอุโบสถ ซึ่งได้ดำเนินการลงรากฐานแล้ว แต่ยังขาดปัจจัยในก่อสร้างจึงจัดสร้างวัตถุมงคล รุ่น “สรงน้ำเสาร์5” ขึ้นมาเพื่อนำปัจจัยมาสมทบทุนสร้างอุโบสถวัดเขาห้วยแห้ง

วัตถุมงคล "สรงน้ำเสาร์๕" ประกอบด้วยพระปิดตาผงน้ำมันโบราณ,ตะกรุดเทวดาประจำวันเกิดพญากาจับหลัก(วิชาด้านเสน่ห์โชคลาภของสายมโนราห์) จารมือ,พระปิดตาเนื้อไม้กำจัดและไม้ขนุนป่าแช่น้ำมันว่านจารมือ

,ลูกสะกดตะกั่วอวนจ้าวสมุทรจารมือ


ดู 68 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page