top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

มุทิตา“หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจันโท" เลื่อนสมณศักดิ์"พระราชวัชรธรรมโสภณ" เกจิดังนักพัฒนา-อาคมขลัง

มุทิตา“หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจันโท"

เลื่อนสมณศักดิ์"พระราชวัชรธรรมโสภณ"

เกจิดังนักพัฒนา-อาคมขลังเมืองกาฬสินธุ์

ในมงคลวโรกาส พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ให้ พระครูปลัดวชิรโสภณญาณ (ศิลา สิริจนฺโท ป.) ที่พักสงฆ์ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจนฺโท จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช มีราชทินนามว่า "พระราชวัชรธรรมโสภณ โกศลบริหารวรกิจ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ ที่พักสงฆ์ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอร่สมแสดงมุทิตาสักการะด้วยการนำเสนอประวัติชีวิตและเส้นทางธรรมของ“หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจันโท” พระเกจิเรืองวิทยาคมอีกรูปหนึ่งแห่งภาคอีสาน มีวัตรปฏิบัติดี สมถะ เรียบง่าย เสมอต้นเสมอปลาย ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาปัจจุบัน สิริอายุย่าง 78 ปี

ท่านมีนามเดิม “ศิลา" เกิดในสกุล"นิลจันทร์” เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2488 ที่บ้านเบิด ต.เบิด อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ เป็นบุตรของนายแก่น และนางน้อย ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ปีที่ท่านเกิดึรอบครัวอพยพหนีความแห้งแล้งมาอยู่ที่บ้านส้อง ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ จากนั้นในปี2494 ได้ย้ายภูมิลำนามาอยู่บ้านธาตุประทับ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด

เมื่ออายุ 12 ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดธาตุประทับ มีหลวงพ่อพิมพ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ติดตามครูบาอาจารย์ ออกร่วมคณะธุดงค์ ไปนมัสการพระธาตุพนม ระหว่างเดินธุดงค์ มีโอกาสอุปัฏฐากพระมหาเถระฝ่ายอรัญวาสี รูปสำคัญในสายพระอาจารย์มั่นภูริทัตโต คือพระครูสีลขันธ์สังวรณ์ (อ่อนสี สุเมโธ)ที่ จ. มุกดาหาร และได้รับคำสอน ผญาธรรม(คำสอนอีสาน)จากพระธรรมราชานุวัตร (แก้ว กันโตภาโส) อดีตเจ้าอาวาสพระธาตุพนม

ท่านมุมานะศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก เปรียญธรรม3ประโยค,4ประโยค ตามลำดับในช่วงปีพ.ศ.2500-2508

จากนั้นในปีพ.ศ.2509 อายุย่าง 21 ปี ได้อุปสมบท ณ วัดบูรพาภิราม อ. เมือง จ.ร้อยเอ็ด มีพระสิริวุฒิเมธี เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ ในปี พ.ศ.2510 เป็นครูสอนปริยัติธรรม วัดบูรพาภิราม และสอบไล่ได้เปรียญธรรม5ประโยคปีพ.ศ.2515 สอบไล่ได้เปรียญธรรม6ประโยค

ปีพ.ศ.2516 พระสิริวุฒิเมธี มีปรารภจะให้พระท่านไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอหนองพอก โดยให้ไปอยู่วัดนิคมคณาราม เพื่อสอนพระปริยัติธรรม ท่านจึงหาทางเลี่ยงปลีกวิเวกไปอยู่จำพรรษาที่วัดหนองดู่ บ้านหนองดู่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดสันติวิหาร มีพระอาจารย์สมาน ธัมมรักขิตโต เป็นเจ้าอาวาส

นอกจากเรียนพระปริยัติธรรมแล้ว ยังมุ่งศึกษาตามขนบธรรมเนียมประเพณีนิยมแบบพระสงฆ์สามเณรในภาคอีสานคืออักษรธรรม อักษรขอม อักษรไทยน้อย (อักษรโบราณ) เพื่อศึกษามูลกัจจายน์ให้แตกฉาน ความรู้ทั้งทางโลก และทางธรรม สรรพวิชาอาคม ยารักษาโรค โหราศาสตร์ล้วนถูกบันทึกไว้ในใบลานทั้งสิ้น

หลวงปู่ศิลามีความแตกฉาน มูลกัจจายน์ ประกอบกับสรรพวิชาจนเป็นที่กล่าวขานถึงในยุคนั้น เหตุการณ์ที่วัดสันติวิหาร ทำให้หลวงปู่ศิลาเป็นที่นับถือในเรื่องการบำรุงขวัญกำลังใจแก่ศิษยานุศิษย์คือ เรื่องตะกรุดคอหมา (ตะกรุดปลากระป๋อง) เนื่องด้วยในยุคนั้น ระบบความคิดของลัทธิคอมมิวนิสต์ ระบาดหนัก เครี่องรางของขลังจึงเป็นสิ่งสำคัญ ประกอบกำลังใจแก่ผู้คนในยามหวาดผวา

ทั้งนี้ในปี พ.ศ.2515 หลวงปู่ศิลาได้รวบรวมสรรพวิชาที่ร่ำเรียนมาทั้งปวงเขียนบรรจุลงบนผืนผ้าจำนวน 5 ผืน และได้คัดเลือกผืนที่งามที่สุดจำนวน 2 ผืน ขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ปัจจุบัน 1ใน5 ผืนที่เหลือถูกขนานนามว่า "มหายันต์"

หลวงปู่ศิลาออกจาริกธุดงค์ไปอยู่ในถ้ำฝั่งโขง แถบอ.สังคม จ.หนองคาย และออกจาริกธุดงค์ต่อถึงเขต อ.ปากชม จ.เลย จากนั้นได้กลับมาวัดธาตุประทับ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด และได้รับการวิงวอนจากญาติให้ลาสิกขาออกมาเป็นครูผู้ช่วยสอนที่โรงเรียนธาตุประทับ และดูแลมารดารวมถึงญาติผู้ใหญ่ป่วยหนักเป็นเวลา 1 ปี

แล้วจึงอุปสมบทอีกครั้งที่วัดมาลุคาวนาราม อ.ธวัธบุรี จ.ร้อยเอ็ด หลังอุปสมบทช่วงปี 2522-2539 ได้ไปพำนัก วัดโนนเดื่อ บ.โนนเดื่อ อ.ธวัธบุรี จ.ร้อยเอ็ด สลับกับวัดธาตุประทับ

ช่วงออกธุดงค์ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาในหลายจังหวัด ได้ธุดงค์ข้ามแม่น้ำโขงไปยังภูเขาควาย ประเทศ สปป.ลาว พบกับครูบาอาจารย์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังภาคอีสานหลายรูป อาทิ หลวงปู่ทองมา ถาวโร, หลวงพ่อมหาบุญมี สิรินธโร, หลวงปู่ลี กุสลธโร ฯลฯ ทั้งนี้ ยังร่ำเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน อักษรธรรมลาว และอ่านหนังสือจากใบลานอีสาน รวมทั้งศึกษาคัมภีร์ใบลานสายสำเร็จลุน อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง สปป.ลาว จนแตกฉาน

ปีพ.ศ.2539 เกิดเหตุการณ์ทางครอบครัวทำให้ต้องลาสิกขาออกมาอยู่8เดือน แล้วกลับเข้าอุปสมบททันที ในวันที่ 22 ธ.ค. 2539 ณ วัดแสงประทีป โดยมีพระครูวิธานสมณกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พำนัก ณ วัดธาตุประทับ สลับกับการออกจาริกธุดงค์ บ.พานเหมือน อ.เมือง จ.อุดรธานี

ปีพ.ศ.2559 ออกจาริกไปบ้านหนองแซง ต.แจ้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ แล้วได้รับนิมนต์ไปจำพรรษา ณ ป่าช้าม่วงนา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ปีพ.ศ.2560 เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสะอาด บ้านแกแปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กราบนิมนต์ท่านมาจำพรรษาที่วัด เนื่องจากเห็นว่าอายุมาก คณะศิษย์ร่วมกันสร้างกุฏิถวาย และจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่สวนสงฆ์แห่งนี้ ตราบจนปัจจุบัน

หลวงปู่ศิลาท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง ได้เพียรสร้างสาธารณประโยชน์ตามอัตภาพตลอดมา สงเคราะห์ผู้ยากไร้ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ อย่างต่อเนื่อง โดยปรากฏผลงานมากมายในหลายจังหวัด อาทิ ร้อยเอ็ด,หนองคาย, มหาสารคาม,กาฬสินธุ์,นครพนม เป็นต้น

จากการที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีพุทธาคมจึงได้รับนิมนต์ไปเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกงานทั่วภาคอีสาน รวมทั้งงานใหญ่ระดับประเทศ อาทิ งานพุทธาภิเษกพระกริ่งวัดสุทัศน์ เป็นต้น

ด้วยความที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนทั้งในและนอกพื้นที่อย่างรวดเร็ว แต่ละวันมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพุทธมนต์เสริมสิริมงคลอย่างไม่ขาดสาย



ดู 42 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page