top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

มุทิตา58ปีฉลองสมณศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ “หลวงพ่อรมย์ วิริยะธมฺโม” วัดเทพนรสิงห์ เกจิอีสานใต้/สายอาคมเขมรศิษย์เอก”ปู่พวง”

มุทิตา58ปีฉลองสมณศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ

“หลวงพ่อรมย์ วิริยะธมฺโม” วัดเทพนรสิงห์

เกจิอีสานใต้/สายอาคมเขมรศิษย์เอก”ปู่พวง”

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอประวัติพระดีเกจิดังแห่งอีสานใต้...พระครูวิริยธรรมาภิรม หรือ”หลวงพ่อรมย์ วิริยะธมฺโม ” อายุ 58 ปี เจ้าอาวาสวัดเทพนรสิงห์หรือ"วัดโคกตาสิงห์" ม.13 บ้านโคกตาสิงห์ ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

ในวาระมงคลวันคล้ายวันเกิดและพิธีฉลองสมณศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ วันศุกร์-เสาร์ที่ 19-20 เม.ย. 67 ณ ศาลาการเปรียญวัดเทพนรสิงห์

ท่านเป็นศิษย์เอกคู่บารมี"หลวงปู่พวง ธัมมสาโร" อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เข้าพบง่าย ไม่มีพิธีรีตองหรือการเลือกชนชั้นวรรณะแต่อย่างใด จึงทำให้ท่านมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก แต่ละวันจะมีชาวบ้านที่ศรัทธามากราบขอพรขอความเมตตาให้ท่านประพรมน้ำพระพุทธมนต์ รวมทั้งนำพาคนป่วยไปให้ท่านบำบัดรักษา

หลวงปู่พวงเมตตารักษาช่วยเหลือคนจากทุกทั่วสารทิศ จนกระทั่งท่านเริ่มป่วยและไม่สามารถไปหายาสมุนไพรมารักษาและเหยียบน้ำมันรักษาคนได้ ท่านจึงหยุด โดยได้ถ่ายทอดวิชาให้กับศิษย์เอกของท่าน คือ”หลวงพ่อรมย์ วิริยะธมฺโม” ทำหน้าที่คอยรักษาและช่วยเหลือผู้คนแทนท่าน

หลวงพ่อรมย์เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีความแก่กล้าทางวิชาอาคม และเชี่ยวชาญในเรื่องการถอนคุณไสย มนต์ดำต่างๆ ซึ่งท่านเป็นเกจิมาแรงแห่งอีสานใต้อีกรูปหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาอย่างมากในยามนี้

พื้นเพท่านเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์โดยกำเนิด เกิดในสกุล”อ่วมรัมย์”เมื่อวันพฤหัสวันที่ 20 เม.ย. 2509 ปีมะเมีย เป็นบุตรคนที่ 8 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน บิดาชื่อนายลัน อ่วมรัมย์ มารดาชื่อนางอึ่ง เสียชีวิตแล้วทั้งสองท่าน โยมทั้งสองมีเชื้อสายทางเขมร ท่านจึงสามารถพูด,อ่านและเขียนภาษาเขมร ควบคู่ไปกับภาษาไทยได้

วัยเด็กขยันขันแข็ง เอาการเอางาน พูดจาไพเราะ อารมณ์ดี มีนิสัยเด็ดเดี่ยวไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ช่วยพ่อแม่ประกอบอาชีพทำนา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย และช่วยงานบ้านทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ชอบติดตามโยมทั้งสองไปวัด หากมีงานบุญก็จะไปช่วยที่วัดตั้งแต่เด็กๆเป็นที่รักใคร่ของเจ้าอาวาส

เมื่อโตขึ้นก็ไปรับจ้างหาเงินตามประสาคนวัยทำงาน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็เป็นที่รักของบรรดาเพื่อนร่วมงานเพราะมีอัธยาศัยดี จนกระทั่งอายุ 25 ปีได้เข้าอุปสมบทที่วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยมีพระครูธรรมประภากร หรือ”หลวงปู่เอก ปภากโร” วัดศาลาลอย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆรักษ์บรรจง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประนอม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังบวชได้ย้ายไปอยู่ที่วัดเทพนรสิงห์ เพื่อปรนนิบัติรับใช้ และเรียนวิชาทางแก้คุณไสย การถอนของต่างๆ วิชาลงนะหน้าทอง รวมทั้ง ฝึกกรรมฐานกับหลวงปู่พวง

สมัยนั้นวัดเทพนรสิงห์ยังเป็นป่าช้าเหมาะแก่การฝึกกรรมฐาน และขึ้นชื่อเรื่องผีดุ หลวงปู่พวงให้ท่านเข้าไปอยู่ในป่าช้าเพียงรูปเดียวเพื่อฝึกจิตให้เข้มแข็ง ท่านฝึกอยู่หลายปีจนแตกฉานในวิชาต่างๆ จึงกราบลาหลวงปู่พวงออกเดินธุดงค์เข้าไปอยู่ในป่าเขานานถึง 5 ปีแล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดเทพนรสิงห์อีกครั้ง หลวงปู่พวงได้ทราบด้วยญาณของท่านว่า หลวงพ่อรมย์สามารถทำหน้าที่แทนท่านได้แล้วทุกอย่างจึงได้มอบหมายให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสแทน

ความรู้ของหลวงพ่อรมย์นั้นไม่ธรรมดาเพราะท่านชอบศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม ศึกษาที่มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ด้านพุทธศาสตรบัณฑิตจบปริญญาตรี และนักธรรมเอก ส่วนครูบาอาจารย์ที่ท่านไปขอเรียนวิชาคาถาอาคมในช่วงเดินธุดงค์ ก็มี หลวงปู่เอก วัดศาลาลอย,หลวงพ่อแสง ฐานธมฺโม พระธุดงค์เหนือโลกอยู่ป่าตลอดชีวิต,หลวงพ่อชิต เตชธัมโม วัดบ้านสนวน อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ , หลวงปู่พรำ วัดป่าเรไร, หลวงปู่มั่ง วัดบ้านตาแผ้ว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์,หลวงปู่สิวเส็ง

หลวงปู่พวน วรมังคโล วัดช้างหมอบ จ.สุรินทร์ พระเกจิที่เก่งทางด้านเมตตา แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มีสุดยอดเครื่องรางของขลังอย่าง ตะกรุดโทนและตะขอช้าง โดยท่านเมตตาสอนวิชาจารตะกรุดโทน และวิชาลงอักขระลงตะขอช้าง การเขียนยันต์และสอนวิปัสสนากรรมฐานให้หลวงพ่อรมย์ ,พระราชรัตนโสภณ หรือหลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐี (ราม2) กรุงเทพฯ ถ่ายทอดวิชายันต์เกราะเพชร ซึ่งเป็นตำราวิชาของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา อีกทั้งได้รับความเมตตาแต่งตั้งให้หลวงพ่อรมย์ดำรงตำแหน่งพระครูสมุห์รมย์ ฐานานุกรมของท่าน

ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา” จัดได้ว่าเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้าหลายด้านทั้งทางด้านเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย ในเขตจ.บุรีรัมย์และจ.สุรินทร์ ชื่อเสียงของท่านโด่งดังมาก เพราะคนที่ได้มากราบนมัสการท่านแล้ว ก็จะได้รับความเมตตา ลงนะหน้าทอง ลงสาลิกา ซึ่งเป็นตำราทางเมตตา เสริมดวงชะตา พลิกชีวิตกลับร้ายกลายเป็นดี

อีกทั้งคนที่โดนคุณไสย มนต์ดำ การเจ็บป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้ไปหาหมอแล้วก็รักษาไม่หาย จึงต้องมารักษานี้ ใครที่เจ็บป่วยแล้วไม่หายสักที บางคนถึงกลับเสียสติและเสียชีวิต เมื่อเดินทางมาขอความเมตตาให้ท่านรักษา ท่านก็ช่วยให้รอดชีวิตตายหลายคน โดยตลอดหลาย10ปีที่หลวงพ่อรมย์ท่านได้เมตตาลูกศิษย์เสมอมา มีทั้งดารา ศิลปิน คนเด่นคนดังที่เดินมากราบท่าน เมื่อกลับไปแล้วการงานเจริญรุ่งเรือง การเงินดีขึ้น มีโชคลาภ ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจต่างๆอย่างน่าอัศจรรย์

หลวงพ่อรมย์ท่านให้แง่คิดว่า คุณไสย มนต์ดำ ลมเพลมพัดนั้นมีอยู่จริง ไม่ใช่เรื่องงมงาย เรื่องนี้มีมาแต่โบร่ำโบราณ หลายคนเจ็บป่วยไม่รู้สาเหตุ ไปรักษาหลายที่หลายโรงพยาบาลก็ไม่หาย ในแต่ละวันหลายคนโดนลองของ แต่ไม่รู้ตัว หรือหลายคนรู้ตัวเดินทางมารักษาที่วัด ถ้าเป็นคุณไสยจริงก็รักษาหาย แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่หาย บางคนอาจมีโรคประจำตัว แต่เข้าใจผิดคิดว่าตนเองโดนคุณไสย

ในความเป็นจริงแล้ว หลวงพ่อรมย์ท่านเป็นเกจิอาจารย์มาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม เคยนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลร่วมกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งในอดีต เช่น หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์,หลวงปู่พวน วัดช้างหมอบ,หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน จ.สุรินทร์, หลวงปู่สอ วัดบ้านขาม,หลวงปู่เฮง วัดบ้านด่านช่องจอม ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังเคยร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตพิธีพุทธาภิเษก พระผงขุนแผนพรายกุมาร หลวงพ่อทองสุข วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์พุทธาคมหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่และหลวงปู่แก้ว วัดหนองพะวา พร้อมกับพระเกจิสายภาคตะวันออก อาทิ หลวงพ่อนัส วัดอ่าวใหญ่ จ.ตราด,หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่,หลวงพ่อสมัย วัดป่าเกาะแหลม ฯลฯ



ดู 54 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page