top of page
ค้นหา

มุทิตา58ปีฉลองสมณศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ “หลวงพ่อรมย์ วิริยะธมฺโม” วัดเทพนรสิงห์ เกจิอีสานใต้/สายอาคมเขมรศิษย์เอก”ปู่พวง”

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 17 เม.ย. 2567
  • ยาว 1 นาที

มุทิตา58ปีฉลองสมณศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ

“หลวงพ่อรมย์ วิริยะธมฺโม” วัดเทพนรสิงห์

เกจิอีสานใต้/สายอาคมเขมรศิษย์เอก”ปู่พวง”

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอประวัติพระดีเกจิดังแห่งอีสานใต้...พระครูวิริยธรรมาภิรม หรือ”หลวงพ่อรมย์ วิริยะธมฺโม ” อายุ 58 ปี เจ้าอาวาสวัดเทพนรสิงห์หรือ"วัดโคกตาสิงห์" ม.13 บ้านโคกตาสิงห์ ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

ในวาระมงคลวันคล้ายวันเกิดและพิธีฉลองสมณศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ วันศุกร์-เสาร์ที่ 19-20 เม.ย. 67 ณ ศาลาการเปรียญวัดเทพนรสิงห์

ท่านเป็นศิษย์เอกคู่บารมี"หลวงปู่พวง ธัมมสาโร" อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เข้าพบง่าย ไม่มีพิธีรีตองหรือการเลือกชนชั้นวรรณะแต่อย่างใด จึงทำให้ท่านมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก แต่ละวันจะมีชาวบ้านที่ศรัทธามากราบขอพรขอความเมตตาให้ท่านประพรมน้ำพระพุทธมนต์ รวมทั้งนำพาคนป่วยไปให้ท่านบำบัดรักษา

หลวงปู่พวงเมตตารักษาช่วยเหลือคนจากทุกทั่วสารทิศ จนกระทั่งท่านเริ่มป่วยและไม่สามารถไปหายาสมุนไพรมารักษาและเหยียบน้ำมันรักษาคนได้ ท่านจึงหยุด โดยได้ถ่ายทอดวิชาให้กับศิษย์เอกของท่าน คือ”หลวงพ่อรมย์ วิริยะธมฺโม” ทำหน้าที่คอยรักษาและช่วยเหลือผู้คนแทนท่าน

หลวงพ่อรมย์เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีความแก่กล้าทางวิชาอาคม และเชี่ยวชาญในเรื่องการถอนคุณไสย มนต์ดำต่างๆ ซึ่งท่านเป็นเกจิมาแรงแห่งอีสานใต้อีกรูปหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาอย่างมากในยามนี้

พื้นเพท่านเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์โดยกำเนิด เกิดในสกุล”อ่วมรัมย์”เมื่อวันพฤหัสวันที่ 20 เม.ย. 2509 ปีมะเมีย เป็นบุตรคนที่ 8 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน บิดาชื่อนายลัน อ่วมรัมย์ มารดาชื่อนางอึ่ง เสียชีวิตแล้วทั้งสองท่าน โยมทั้งสองมีเชื้อสายทางเขมร ท่านจึงสามารถพูด,อ่านและเขียนภาษาเขมร ควบคู่ไปกับภาษาไทยได้

วัยเด็กขยันขันแข็ง เอาการเอางาน พูดจาไพเราะ อารมณ์ดี มีนิสัยเด็ดเดี่ยวไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ช่วยพ่อแม่ประกอบอาชีพทำนา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย และช่วยงานบ้านทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ชอบติดตามโยมทั้งสองไปวัด หากมีงานบุญก็จะไปช่วยที่วัดตั้งแต่เด็กๆเป็นที่รักใคร่ของเจ้าอาวาส

เมื่อโตขึ้นก็ไปรับจ้างหาเงินตามประสาคนวัยทำงาน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็เป็นที่รักของบรรดาเพื่อนร่วมงานเพราะมีอัธยาศัยดี จนกระทั่งอายุ 25 ปีได้เข้าอุปสมบทที่วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยมีพระครูธรรมประภากร หรือ”หลวงปู่เอก ปภากโร” วัดศาลาลอย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆรักษ์บรรจง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประนอม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังบวชได้ย้ายไปอยู่ที่วัดเทพนรสิงห์ เพื่อปรนนิบัติรับใช้ และเรียนวิชาทางแก้คุณไสย การถอนของต่างๆ วิชาลงนะหน้าทอง รวมทั้ง ฝึกกรรมฐานกับหลวงปู่พวง

สมัยนั้นวัดเทพนรสิงห์ยังเป็นป่าช้าเหมาะแก่การฝึกกรรมฐาน และขึ้นชื่อเรื่องผีดุ หลวงปู่พวงให้ท่านเข้าไปอยู่ในป่าช้าเพียงรูปเดียวเพื่อฝึกจิตให้เข้มแข็ง ท่านฝึกอยู่หลายปีจนแตกฉานในวิชาต่างๆ จึงกราบลาหลวงปู่พวงออกเดินธุดงค์เข้าไปอยู่ในป่าเขานานถึง 5 ปีแล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดเทพนรสิงห์อีกครั้ง หลวงปู่พวงได้ทราบด้วยญาณของท่านว่า หลวงพ่อรมย์สามารถทำหน้าที่แทนท่านได้แล้วทุกอย่างจึงได้มอบหมายให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสแทน

ความรู้ของหลวงพ่อรมย์นั้นไม่ธรรมดาเพราะท่านชอบศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม ศึกษาที่มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ด้านพุทธศาสตรบัณฑิตจบปริญญาตรี และนักธรรมเอก ส่วนครูบาอาจารย์ที่ท่านไปขอเรียนวิชาคาถาอาคมในช่วงเดินธุดงค์ ก็มี หลวงปู่เอก วัดศาลาลอย,หลวงพ่อแสง ฐานธมฺโม พระธุดงค์เหนือโลกอยู่ป่าตลอดชีวิต,หลวงพ่อชิต เตชธัมโม วัดบ้านสนวน อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ , หลวงปู่พรำ วัดป่าเรไร, หลวงปู่มั่ง วัดบ้านตาแผ้ว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์,หลวงปู่สิวเส็ง

หลวงปู่พวน วรมังคโล วัดช้างหมอบ จ.สุรินทร์ พระเกจิที่เก่งทางด้านเมตตา แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มีสุดยอดเครื่องรางของขลังอย่าง ตะกรุดโทนและตะขอช้าง โดยท่านเมตตาสอนวิชาจารตะกรุดโทน และวิชาลงอักขระลงตะขอช้าง การเขียนยันต์และสอนวิปัสสนากรรมฐานให้หลวงพ่อรมย์ ,พระราชรัตนโสภณ หรือหลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐี (ราม2) กรุงเทพฯ ถ่ายทอดวิชายันต์เกราะเพชร ซึ่งเป็นตำราวิชาของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา อีกทั้งได้รับความเมตตาแต่งตั้งให้หลวงพ่อรมย์ดำรงตำแหน่งพระครูสมุห์รมย์ ฐานานุกรมของท่าน

ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา” จัดได้ว่าเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้าหลายด้านทั้งทางด้านเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย ในเขตจ.บุรีรัมย์และจ.สุรินทร์ ชื่อเสียงของท่านโด่งดังมาก เพราะคนที่ได้มากราบนมัสการท่านแล้ว ก็จะได้รับความเมตตา ลงนะหน้าทอง ลงสาลิกา ซึ่งเป็นตำราทางเมตตา เสริมดวงชะตา พลิกชีวิตกลับร้ายกลายเป็นดี

อีกทั้งคนที่โดนคุณไสย มนต์ดำ การเจ็บป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้ไปหาหมอแล้วก็รักษาไม่หาย จึงต้องมารักษานี้ ใครที่เจ็บป่วยแล้วไม่หายสักที บางคนถึงกลับเสียสติและเสียชีวิต เมื่อเดินทางมาขอความเมตตาให้ท่านรักษา ท่านก็ช่วยให้รอดชีวิตตายหลายคน โดยตลอดหลาย10ปีที่หลวงพ่อรมย์ท่านได้เมตตาลูกศิษย์เสมอมา มีทั้งดารา ศิลปิน คนเด่นคนดังที่เดินมากราบท่าน เมื่อกลับไปแล้วการงานเจริญรุ่งเรือง การเงินดีขึ้น มีโชคลาภ ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจต่างๆอย่างน่าอัศจรรย์

หลวงพ่อรมย์ท่านให้แง่คิดว่า คุณไสย มนต์ดำ ลมเพลมพัดนั้นมีอยู่จริง ไม่ใช่เรื่องงมงาย เรื่องนี้มีมาแต่โบร่ำโบราณ หลายคนเจ็บป่วยไม่รู้สาเหตุ ไปรักษาหลายที่หลายโรงพยาบาลก็ไม่หาย ในแต่ละวันหลายคนโดนลองของ แต่ไม่รู้ตัว หรือหลายคนรู้ตัวเดินทางมารักษาที่วัด ถ้าเป็นคุณไสยจริงก็รักษาหาย แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่หาย บางคนอาจมีโรคประจำตัว แต่เข้าใจผิดคิดว่าตนเองโดนคุณไสย

ในความเป็นจริงแล้ว หลวงพ่อรมย์ท่านเป็นเกจิอาจารย์มาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม เคยนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลร่วมกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งในอดีต เช่น หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์,หลวงปู่พวน วัดช้างหมอบ,หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน จ.สุรินทร์, หลวงปู่สอ วัดบ้านขาม,หลวงปู่เฮง วัดบ้านด่านช่องจอม ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังเคยร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตพิธีพุทธาภิเษก พระผงขุนแผนพรายกุมาร หลวงพ่อทองสุข วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์พุทธาคมหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่และหลวงปู่แก้ว วัดหนองพะวา พร้อมกับพระเกจิสายภาคตะวันออก อาทิ หลวงพ่อนัส วัดอ่าวใหญ่ จ.ตราด,หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่,หลวงพ่อสมัย วัดป่าเกาะแหลม ฯลฯ



 
 
 

Comentários


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page