top of page
ค้นหา

"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 มิ.ย. 2567 "หลวงพ่อมุม"วัดปราสาทเยอเหนือ ศรีสะเกษ เกจิอาคมขลัง-ทหารจีไอสร้างเหรียญถวาย!

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 14 เม.ย. 2567
  • ยาว 1 นาที

"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 มิ.ย. 2567

"หลวงพ่อมุม"วัดปราสาทเยอเหนือ ศรีสะเกษ

เกจิอาคมขลัง-ทหารจีไอสร้างเหรียญถวาย!

"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ

"หลวงพ่อมุม อินทปัญโญ" (พระครูประสาธน์ขันธคุณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดปราสาทเยอเหนือ พระเกจิอาคมขลังที่มีเหรียญและพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์มาก มีอภินิหารในด้านต่างๆเป็นที่นับถือยกย่องของชาวบ้านมาช้านาน และเป็นหนึ่งในจำนวนพระเกจิอาจารย์นับพันที่ร่วมปลุกเสกและจารแผ่นโลหะในการสร้างพระเครื่องของวัดกัลยาณ์ กรุงเทพฯ เมื่อปีพ.ศ.2497

วัดปราสาทเยอตั้งอยู่ในกิ่งอ.ไพรบึง มีด้วยกัน 2 วัดคือ วัดเหนือและวัดใต้ อายุประมาณ 200 กว่าปี สร้างขึ้นโดยชาวบ้านที่นับถือศาสนาพุทธซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเยอที่ได้รับอารยธรรมทางขอมมา ดังนั้น สิ่งก่อสร้างในวัดจึงคล้ายคลึงศิลปะแบบขอมโบราณผสมสมัยใหม่ วัดมีความเจริญมากในสมัยที่หลวงพ่อมุมปกครองดูแล เพราะศรัทธาในวัตรปฏิบัติที่เรียบง่าย มุกน้อย สันโดษ พูดน้อย แต่มีเมตตาสูงมาก

แม้ว่าการเดินทางไปวัดปราสาทเยอเหนือจะยากลำบากเพียงใด แต่ผู้คนต่างไม่หวั่นไหวหวาดกลัว เพราะรู้ว่าท่านสามารถช่วยปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในสมัยที่สหรัฐมาตั้งฐานทัพเมืองไทย กิตติศัพท์ของท่านร่ำลือไปถึงหมู่ทหารจีไอ จนต้องเดินทางมาฝากตัวเป็นศิษย์และรับวัตถุมงคลจากท่านไปคุ้มครองป้องกันภัย

ท่านเกิดในตระกูล “บุญโญ” ตรงกับวันพฤหัสบดีขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีพ.ศ.2429 บิดามารดาเป็นชาวนาชาวไร่ ชีวิตวัยเด็กคลุกคลีอยู่ที่วัดเป็นส่วนใหญ่ โดยได้เรียนหนังสือไทย ขอมไทย ขอมลาว และเขมรกับ"พระอาจารย์พิมพ์" กระทั่งอายุ 12 ขวบจึงบรรพชาเป็นสามเณร ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนหนังสือ สวดมนต์จนคล่อง ทั้งเช้าและเย็นต้องทำวัตรไม่ขาด เป็นสามเณรที่ขยันมาก ไม่เคยถูกดุด่าว่ากล่าวแม้แต่ครั้งเดียว

พออายุครบ 20 ปีได้บวชเป็นพระที่วัดปราสาทเยอเหนือ ได้ฉายาว่า “อินทปัญโญ” มี"หลวงพ่อปริม" เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านมีความรอบรู้เชี่ยวชาญในพระคัมภีร์ทั้งทางด้านกรรมฐานภาวนาและคาถาอาคมขลังทางลงเลขยันต์ ลงนะต่างๆ โดยวิชาเหล่านี้ท่านได้รับการถ่ายทอดไว้จนหมดสิ้น จากนั้นได้ออกธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมภาวนาตามสถานที่ต่างๆ เริ่มจากเมืองขุขันธ์เรื่อยไปจนถึงจ.ปราจีนบุรีเข้าฝากตัวกับ พระอุปัชฌาย์โท วัดโคกมอญ และอยู่ช่วยก่อสร้างศาลาการเปรียญจนสำเร็จใช้เวลาที่อยู่วัดนี้ 3 ปี แล้วเดินทางกลับวัดปราสาทเยอ

2 ปีต่อมาจึงออกธุดงค์ไปทางเมืองลังเก จ.พระตะบอง ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากับพระมหาบัวทอง พระสงฆ์ชาวเขมร และติดตามเข้าไปจนถึงเมืองพนมเปญ ก่อนจะผ่านมาทางกบินทร์บุรีข้ามภูเขาสองพี่น้องอันเป็นทิวเขาดงพญาไฟ (ปัจจุบันคือดงพญาเย็น) จนกระทั่งมาถึงบ้านหวาย ได้อยู่ศึกษาวิชาอาคมกับ"หลวงพ่อโฮม" ซึ่งเก่งทางด้านว่านยาสมุนไพร แก้อาถรรพณ์ แก้คุณไสยต่างๆ

ต่อจากนั้นจึงเดินทางไปยังจ.สระบุรีเพื่อกราบสักการะรอยพระพุทธบาท พระพุทธฉาย แล้วล่องมาจนถึงจ.พระนครศรีอยุธยา เข้าจำพรรษาอยู่หลายวัด แล้วต่อไปยังจ.สุพรรณบุรี เข้าสู่อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ผ่านไปทางจ.เพชรบูรณ์ เข้าจ.เลย เมืองล้านช้าง เวียงจันทน์ ท่าแขก สุวรรณเขต และนครจำปาศักดิ์ เพื่อไปหา “สมเด็จลุน” แต่ต้องผิดหวังเพราะสมเด็จลุนเดินทางไปจ.อุบลราชธานี แต่ท่านก็ได้ตามไปจนพบและฝากตัวเป็นศิษย์ติดตามเข้าไปถึงนครจำปาศักดิ์ ได้ศึกษาหาความรู้ทางอาคมขลัง เลขยันต์ต่างๆ ก่อนจะกลับเข้ามาหาพระอาจารย์ดีๆในตัวเมืองอุบลฯระยะหนึ่ง แล้วเดินทางไปยังเมืองขุขันธ์กลับไปวัดปราสาทเยอ

ขณะที่ท่านอยู่วัดนั้นสิ่งที่ปฏิบัติเป็นนิตย์คือการเดินจงกลม ทำกรรมฐานภาวนาและทบทวนวิชาต่างๆในยามว่างจากผู้คน พระยาขุขันธ์ได้นำเอาคัมภีร์สมุดข่อยไปถวาย ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่บรรจุวิชาอาคมไสยศาสตร์,โหรา ศาสตร์ และตำราต่างๆไว้อย่างครบถ้วน โดยพระยาขุขันธ์ได้มาจากใต้ฐานพระพุทธรูปในเมืองพิษณุโลก คาดว่าเป็นของสมเด็จเจ้าพระฝาง

ปีพ.ศ.2464 หม่อมหลวงช่วง ทำงานอยู่กระทรวงธรรมการไปตรวจราชการที่เมืองขุขันธ์ เห็นว่าการศึกษาที่นั่นยังด้อยอยู่มาก ประชาชนส่วนมากยังขาดการศึกษาจึงเดินทางไปนิมนต์ให้ท่านมาช่วยสอนหนังสือพระ โดยท่านสอนอยู่นานถึง 15 ปี เมื่อหลวงพ่อปริม มรณภาพลงท่านจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสสืบแทนตั้งแต่ปีพ.ศ.2492 ทำให้ต้องหยุดสอนหนังสือเพราะมีภาระธุระทางงานพระศาสนามากขึ้น และเป็นช่วงที่มีพระสงฆ์ที่มีความรู้หลายองค์สามารถเป็นครูสอนแทนได้ ปีพ.ศ.2494 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2499 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูที่ “พระครูประสาธน์ขันธคุณ” ก่อนจะเลื่อนเป็นชั้นตรี,ชั้นโท และชั้นเอกในราชทินนามเดิมตามลำดับ

หลวงพ่อมุมเป็นพระที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ได้ให้การสนับสนุนด้านการบริหารและการเงินแก่โรงเรียนต่างๆตลอดมา ด้วยคุณงามความดีในปีพ.ศ.2515 จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาถวายพระกฐินต้นที่วัด และทรงสร้างศาลา ภปร.ถวายแก่หลวงพ่อมุมด้วย

วาระสุดท้ายท่านมรณภาพลงเมื่อปีพ.ศ. 2522 สิริอายุได้ 93 ปี 73 พรรษา พระเครื่องที่ท่านสร้างและปลุกเสกไว้จะทำตามพิธีกรรมแบบเขมรโบราณ โดยประเภทเหรียญจะมีมากที่สุด เหรียญรุ่นแรกสร้างปีพ.ศ.2507 มี 2 บล็อกคือพิมพ์ส.หางยาว (นิยม) และส.หางสั้น ท่านลงเหล็กจารด้วยลายมือทั้งหมด ,เหรียญรุ่น 2 ปี2508,เหรียญรูปไข่ ปี2509,เหรียญเม็ดแตง-เหรียญเสมา ปี2509 ,เหรียญรูปอาร์ม ปี2515,เหรียญนักกล้าม ปี2517,เหรียญพิมพ์เตารีด,เหรียญปาป๊ามุม สร้างปี2516 โดยหน่วยทหารนาวิกโยธินสหรัฐ รุ่นนี้ดังมากพอปลุกเสกเสร็จก็ทดลองยิงกันเลย ปรากฏว่ายิงไม่ออก,เหรียญทรงตาลปัตร ปี2514

ส่วนพระผงมีหลายพิมพ์ ที่นิยมมี 3 พิมพ์คือ ลายเสือ,สมเด็จสามชั้น และสมเด็จหลังรูปเหมือน ปี2516 พระปิดตามีรุ่นเดียวสร้างปี2517 นอกจากนี้ ยังมีรูปหล่อปั๊มคอตึง,แหวนรูปเหมือน 4 รุ่น ,เครื่องรางของขลังเช่น ตะกรุดโทน ตะกรุดเมตตา ผ้ายันต์ สีผึ้ง ลูกอม ฯลฯ

พระเครื่องของท่านแม้ว่ามีราคาไม่สูง แต่ด้านอิทธิคุณแล้วดีทั้งทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพัน คนศรีสะเกษต่างเชื่อมั่นกันมากเนื่องจากได้รับประสบการณ์กันนับไม่ถ้วน!

#ฉัตรสยาม


 
 
 

Commentaires


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page