top of page
ค้นหา

"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2566 "หลวงพ่อแต้ม" เกจิวัดพระลอย เมืองสุพรรณ

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 16 ก.ค. 2566
  • ยาว 1 นาที

"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2566

"หลวงพ่อแต้ม" เกจิวัดพระลอย เมืองสุพรรณ

อดีตนักเลงดัง-ศิษย์เอกปู่โต๊ะ วัดลาดตาล

ผู้สร้างเหรียญ"ยันต์เกราะเพชร”ก่อนปี2511

สหธรรมิกของ"หลวงปู่นิ่ม"วัดพุทธมงคล

"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอร่วมน้อมถวายความอาลัยแด่"หลวงปู่นิ่ม โชติธัมโม" วัดพุทธมงคล(หนองปรือ) จ.สุพรรณบุรี เจ้าตำรับพญาปูหนีบทรัพย์" ซึ่งละสังขารไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา ด้วยการนำเสนอประวัติเกจิดังเมืองสุพรรณ พระครูประภัศร์ธรรมาภรณ์ หรือ “หลวงพ่อแต้ม ปุญญสุวัณโณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระลอย ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งท่านเป็นสหธรรมิกของหลวงปู่นิ่มองค์หนึ่ง

ทั้งนี้ หลวงพ่อแต้มท่านละสังขารไปก่อนหลวงปู่นิ่มตั้งแต่ปีพ.ศ.2514 เป็นเวลานานกว่า50ปี แต่ชื่อเสียงเกียรติคุณยังคงโด่งดังอยู่ในความทรงจำของชาวสุพรรณตลอดมา

ท่านเกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2434 บ้านด้านทิศใต้วัดพระลอย เป็นบุตรคนโตของพ่อแย้ม แม่อ่ำ นารถพลายพันธ์ ท่านเป็นคนร่างเล็ก ครอบครัวยากจน ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ พอแตกหนุ่มเกิดคบเพื่อนอันธพาลนักเลงรุ่นเดียวกัน ชอบการทะเลาะวิวาท แม้จะมีร่างเล็ก แต่เล็กพริกขี้หนู ใจถึงน่าดู ไม่กลัวใคร ท่านเป็นหัวหน้านักเลงขึ้นชื่อ คุมท้องถิ่นแถวบ้านวัดพระลอย และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่รู้จักชอบพอกันดีเป็นหัวหน้านักเลงอยู่ที่ศรีประจันต์ ชื่อ "ปุย" (ภายหลังได้บวชมีชื่อเสียงเป็นเกจิดังคือ หลวงพ่อปุย อดีตเจ้าอาวาสวัดเกาะนั่นเอง) เป็นนักเลงคุมแถวลุ่มน้ำบ้านคอย

เมื่อบิดามารดาเห็นว่า หลวงพ่อแต้มอายุครบบวชจึงอยากให้บวช เลยไปตามท่าน ซึ่งตอนนั้นไปอยู่ที่อ่างทอง ตามตัวพบแล้วจึงพามาบวชที่วัดสำปะซิว โดยหลวงปู่โต๊ะ วัดลาดตาล ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสำปะซิว อบรมบ่มนิสัยหลวงพ่อแต้มก่อนบวช โดยแรกเริ่มหลวงพ่อแต้มไม่รู้หนังสือแม้แต่ตัวเดียว แต่ก็สามารถท่องเจ็ดตำนานได้ภายใน7วัน หลวงปู่โต๊ะชอบใจมาก เพราะหลวงพ่อแต้มหัวไว จึงถ่ายทอดวิชาอาคมให้หมดสิ้น

หลังจากนั้นจึงอุปสมบทให้หลวงพ่อแต้ม เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2455 ณ พัทธสีมาวัดสำปะซิว โดยมี หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปลื้ม (อีกรูปหนึ่ง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่โต๊ะ วัดสำปะซิว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "ปุญญสุวัณโณ"

หลังจากบวชเกิดจิตฟุ้งซ่าน หลวงปู่โต๊ะจึงพาไปเล่นกระดูกผีในป่าช้า และสอนกรรมฐานให้ด้วย และสอนหนังสือทั้งไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้ และหลวงพ่อแต้มยังได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณกับช่างไม้ ช่างก่อสร้างจากหลวงปู่โต๊ะอีกด้วย จนมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มาก

ต่อมาย้ายมาอยู่วัดพระลอยจึงลาสิกขาออกมาปี 2463 สรุปแล้วท่านบวชครั้งแรกอยู่ 8 พรรษา ใช้ชีวิตทางโลกอยู่พักหนึ่งเกิดเบื่อหน่ายจึงอุปสมบทครั้งที่ 2 โดยมี หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อพร วัดป่าเลไลยก์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อคำ วัดพระรูป เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากอุปสมบทครั้งสองแล้ว ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดลาวทอง จวบจนปี พ.ศ.2466 จึงไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากหลวงพ่อซัว วัดสาลี อ.บางปลาม้า จนถึงปี พ.ศ. 2468 และไปเรียนต่อจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา สำเร็จวิชายันต์เกราะเพชร ท่านเคยได้เขียนยันต์เกราะเพชรให้เจ้าอาวาสวัดท่าทอง สวยงามมากและวิชาหมอตาทิพย์ วิชาแพทย์แผนโบราณช่วยคน และกลับมาอยู่วัดลาวทองต่อ

ปีพ.ศ.2483 คณะสงฆ์แต่งตั้งให้หลวงพ่อแต้มมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระลอย ซึ่งใกล้จะร้าง ให้มีสภาพดีขึ้น ท่านพัฒนาวัดจนเจริญ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจขึ้นชื่ออีกแห่งของเมืองสุพรรณ

หลวงพ่อแต้มท่านเคยนั่งสมาธิมรณภาพไปครั้งหนึ่งแล้ว ท่านเล่าว่ามีคนพาท่านไปในสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งเป็นคฤหาสน์ใหญ่โตคล้ายวัดคล้ายศาลา คนที่พาท่านไปบอกกับท่านว่า “ที่นี่เป็นที่อยู่ใหม่ของท่าน ท่านจะสะดวกสบายทุกอย่าง ขอให้ท่านอยู่ที่นี่”

ท่านรู้สึกตกใจเล็กน้อย ท่านบอกว่า " ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้ ฉันยังสร้างศาลาไม่เสร็จ ให้ฉันสร้างให้เสร็จเสียก่อนแล้วจะมา .." แล้วคนที่พาท่านไปก็อนุญาตให้ท่านมา

เมื่อท่านออกจากสมาธิและภายหลังท่านได้ทำคุณงามความดีมากยิ่งขึ้น ท่านได้สร้างวัด ศาลา โบสถ์รวมกันแล้วมากกว่าอายุของท่านอีก แต่มีข้อแม้ว่า ท่านสร้างไว้แค่เกือบเสร็จแล้วท่านก็ไปสร้างที่อื่น ท่านบอกว่าถ้าสร้างให้เสร็จเดี๋ยวยมบาลเอาตัวท่านไป เดี๋ยวท่านไม่มีโอกาสสร้างคุณงามความดีอีก

วาระสุดท้ายท่านมรณภาพปีพ.ศ.2514 สิริอายุ 80 ปี มีเจ้าภาพที่เป็นลูกศิษย์ท่านจองคิวสวดพระอภิธรรมจำนวนมาก คนละวันก็เป็นปีๆ ทางวัดจึงกำหนดสวดพระอภิธรรมแค่ 100 วัน แล้วจัดงานพระราชทานเพลิงศพ เมื่อครบ 100 วัน เปิดโลงศพท่านดูก็พบกับเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ เมื่อศพของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย เหมือนกับคนนอนนิ่งธรรมดา ทางวัดจึงเก็บศพหลวงพ่อไว้ถึงปัจจุบันนี้ และเปิดให้ประชาชนกราบสักการะศพได้ทุกวัน

สมดังปัจฉิมวาจาก่อนมรณภาพที่หลวงพ่อให้ไว้ว่า "ถ้าข้าตาย ก็ให้เก็บศพไว้ อย่าไปเผา สังขารข้าอยู่ วิชาอาคมของข้าก็อยู่ช่วยพวกเอ็งไปตลอด เดือดร้อนอะไรให้มากราบพระลอย และมาหาข้า เหตุร้ายเดือดร้อนจะหายไป ข้าจะลงวิชาเกราะเพชรให้แก่ทุกคนจำไว้ นะไอ้หนู"

หลวงพ่อแต้ม เริ่มสร้างวัตถุมงคลรุ่นแรก ตั้งแต่ปีพ.ศ.2495 พระเนื้อดินเผาสีดำ เป็นพระซุ้มกอ และพิมพ์นาคปรก หรือปางพญามหาชมพู พระขุนแผน และอีกหลายพิมพ์เป็นเนื้อดิน เป็นต้น ต่อมาเมื่อปีพ.ศ.2511 สร้างเหรียญรุ่นแรกเป็นเหรียญรูปอาร์ม เนื้อทองแดงรมดำ และเหรียญรุ่น 2 ปี 2512 รุ่น3 ปี 2523 ช่วงเวลานั้นท่านได้สร้างพระกริ่ง เป็นกริ่งนาคปรก เนื้อโลหะผสม นับเป็นกริ่งรุ่นแรกรุ่นเดียวของหลวงพ่อแต้ม

ด้วยหลวงพ่อแต้มสำเร็จวิชายันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านจึงได้สร้างเหรียญยันต์เกราะเพชรเหรียญแรกของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี 2511 ฝากไว้เป็นสมบัติชั่วลูกชั่วหลาน ว่ากันว่าก่อนปี 2511 ยังไม่มีพระเกจิอาจารย์รูปใดสร้างเหรียญยันต์เกราะเพชรเลย

พระเครื่องของท่านพุทธคุณดีทางด้านแคล้วคลาด คงกระพัน คนสุพรรณรู้ซึ้งถึงประสบการณ์ความ"เหนียว"

ตามประวัติของหลวงปู่นิ่ม โชติธัมโม" วัดพุทธมงคล (หนองปรือ) อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี สมัยที่หลวงพ่อแต้มยังมีชีวิต ในช่วงเวลาว่าง หลวงปู่นิ่มมักเดินทางไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อแต้ม ที่วัดพระลอย เพราะเป็นสหธรรมิกรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน โดยหลวงพ่อแต้มเป็นผู้แนะนำให้ท่านมาสร้างวัดหนองปรือ (วัดพุทธมงคล)ด้วยเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมและเจริญกรรมฐาน ในปี พ.ศ.2500 หลวงปู่นิ่มจึงได้ช่วยสร้างวัดพุทธมงคล พร้อมทั้งรับตำแหน่งเจ้าอาวาส

#ฉัตรสยาม



 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page