top of page
ค้นหา

"ย้อนรอยเกจิดัง" ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 เม.ย. 2566 "หลวงพ่อเป้า” วัดใหม่สุปดิษฐาราม นครปฐม

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 30 เม.ย. 2566
  • ยาว 1 นาที

"ย้อนรอยเกจิดัง"

ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 เม.ย. 2566

"หลวงพ่อเป้า” วัดใหม่สุปดิษฐาราม นครปฐม

เกจิอาคมขลังร่วมยุค"ปู่บุญ/พ่อทา/พ่อทับ"

สุดยอดเหรียญหล่อ"แคล้วคลาด-คงกระพัน"

"ย้อนรอยเกจิดัง"อาทิตย์นี้ขอนำเสนอประวัติ

"หลวงพ่อเป้า ธมฺมทิณโน” วัดใหม่สุปดิษฐาราม อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม อดีตพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี ผู้แก่กล้าในด้านพุทธาคมและเป็นสหธรรมิกรุ่นน้องร่วมสมัยเดียวกันกับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว,หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก และหลวงพ่อทับ วัดสุวรรณาราม(วัดทอง) บางกอกน้อย

ความเป็นมาของวัดใหม่สุปดิษฐาราม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ในหมู่ที่ 3 บ้านกลาง ตำบลนครชัยศรี อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

วัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2439 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในชื่อ "วัดใหม่ริมจวน" หลังจากนั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร ได้ทรงสร้างอุโบสถ วิหาร สถูป และมณฑปพระอีกคู่หนึ่ง จึงได้ชื่อว่า "วัดใหม่สุปดิษฐาราม" มาจนถึงปัจจุบัน

ประวัติของหลวงพ่อเป้าเท่าที่มีการบันทึกไว้ชาติภูมิท่านเป็นชาวนครปฐมโดยกำเนิด นามเดิม" เป้า ใหยาก" เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2408 ที่บ้าน ต.ยายชา อ.สามพราน จ.นครปฐม โยมบิดาชื่อ"ยิ้ม" โยมมารดาชื่อ"นาค" มีพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกันทั้งหมด 6 คน โดยหลวงพ่อเป้าเป็นลูกคนโต

ชีวิตในวัยเยาว์โยมบิดามารดาพาท่านไปฝากศึกษาเล่าเรียนกับท่านพระครูทักษิณานุกิจ (ผัน) วัดสรรเพชญ จนเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ในปี 2428 ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดสรรเพชญ โดยมีพระครูทักษิณานุกิจ (ผัน) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแจ้ง วัดธรรมศาลา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดสิน วัดไทร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “ธมฺมทิณโน”

เมื่อดำรงอยู่ในสมณเพศแล้วได้จำพรรษาอยู่กับพระอุปัชฌาย์ที่วัดสรรเพชญ ศึกษาพระธรรมวินัยด้วยตัวท่านเอง โดยที่ท่านมีความจำที่เป็นเลิศจึงสามารถสวดพระปาฏิโมกข์ได้ในพรรษาแรก ต่อมาท่านได้เดินทางไปศึกษาบาลีและวิปัสนากรรมฐานเพิ่มเติมในสำนักวัดพระปฐมเจดีย์ฯ ซึ่งมีหลวงปู่นาคเป็นหัวหน้าควบคุมการศึกษา

ด้วยท่านเป็นผู้ที่ฝักใฝ่ค้นคว้าวิชาความรู้เพิ่มเติมโดยตลอด จึงได้มาขอศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับหลวงพ่อเพิ่ม วัดสุทัศนฯ, หลวงพ่อกร วัดบ่อตะกั่วและพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นอีกหลายท่าน นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้ที่สนใจในการเล่นแร่แปรธาตุ ที่กุฏิของท่านมีเตาสูบอยู่ถึง 6 ลูกด้วยกัน

วาระสุดท้าย หลวงพ่อเป้าได้มรณภาพลงอย่างสงบเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2481 สิริรวมอายุได้ 73 ปี พรรษา 53 น่าเสียดายที่ไม่มีรูปภาพของท่านเลย มีเพียงรูปหล่อเท่าองค์จริงประดิษฐานให้สาธุชนกราบไหว้ขอพร

ในด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อเป้าได้สร้างเหรียญหล่อพระพุทธ พิมพ์กลีบบัว, พิมพ์ลีลา, พิมพ์เล็บมือ, พิมพ์นารายณ์สี่กร และพิมพ์พระปิดตา วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้บูชานั้นมีจำนวนน้อย จนแทบจะไม่มีให้เห็นในวงการนักนิยมสะสมพระเครื่อง

พระปิดตาหลวงพ่อเป้า วัดใหม่สุปดิษฐาราม อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จัดเป็นอีกหนึ่งพระปิดตาที่หาชมได้ยากแห่งลุ่มน้ำท่าจีน มีพุทธลักษณะเป็นแบบลอยองค์ มีพระกรยกขึ้นปิดหน้าปิดหู และปิดทวารตามแบบฉบับพระปิดตาภควัมบดีโดยทั่วไป เป็นพระปิดตาปางสมาธิขัดเพชร ด้านหน้าปรากฏยันต์นะล้อม ด้านหลังเป็นยันต์เฑาะว์ขึ้นยอด มีทั้งเนื้อเมฆพัด,เนื้อตะกั่ว, เนื้อทองผสม ด้วยจำนวนการสร้างที่น้อยมากจึงทำให้พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก สนนราคาค่านิยมอยู่ในหลักหมื่นต้นๆ

เหรียญหล่อพระพุทธ พิมพ์เล็บมือของหลวงพ่อเป้า เนื่องจากพุทธคุณพระพิมพ์เล็บมือพิมพ์นี้เป็นที่กล่าวขานกันมาก ทำให้หลวงปู่บุญ ท่านได้อนุญาตให้ถอดพิมพ์สร้างเป็นเนื้อดินออกในนามวัดกลางบางแก้ว

จากการที่ได้สอบถามข้อมูล จากผู้ที่รู้จริง ได้ความว่า พระหล่อเนื้อทองผสม หลวงพ่อเป้า น่าจะสร้างในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2470 เศษ ซึ่งท่านมีอายุประมาณ 60ปี เศษ โดยมี"หลวงพ่อทับ"วัดทอง เป็นเจ้าพิธี ในการเททองที่วัดใหม่สุปดิษฐาราม พระชุดนี้ น่าจะผ่านการพุทธาภิเษกจาก หลวงพ่อเป้า หลวงพ่อทับ หลวงปู่บุญ และ หลวงพ่อผัน วัดสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อเป้า

ปัจจุบันวัดใหม่สุปดิษฐารามมีพระครูปฐมชยาภิวัฒน์ (สมชาย วรมุนี) หรือที่เรียกขานกันว่า"พระอาจารย์เต่า" เป็นเจ้าอาวาส

ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระหนุ่มนักพัฒนาที่บูรณะวัดจนเป็นที่รู้จักของญาติโยม ว่า “วัดสวย” หมดเงินไปกว่า 80 ล้านบาท สร้างพระสิวลีองค์ใหญ่สูง 7 เมตร ปิดด้วยทองคำเปลวแท้ทั้งองค์ พระนอนปางเสวยสุขขนาดความยาว 25 เมตร และยังปรับปรุงโบสถ์ วิหารพระสิวลีและลานหน้าวิหาร มีช้างเอราวัณสีทองและสถานที่รอบๆวัดเป็นสีทองทั้งหมด ทำให้วัดเป็นสถานที่ให้ความร่มเย็นเป็นที่ท่องเที่ยวหนึ่งใน อ.นครชัยศรี เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจให้ความร่มเย็นแก่ผู้มาเยือน

#ฉัตรสยาม



 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page