top of page
ค้นหา

ย้อนรอยเกจิ/ ประจำวันอาทิตย์ที่ 4 ก.พ. 2567 “ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก"วัดชัยมงคล (วังมุย) อดีตเกจิลำพูนอาคมขลัง/ศิษย์ครูบาศรีวิชัย

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

ย้อนรอยเกจิ/

ประจำวันอาทิตย์ที่ 4 ก.พ. 2567

“ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก"วัดชัยมงคล (วังมุย)

อดีตเกจิลำพูนอาคมขลัง/ศิษย์ครูบาศรีวิชัย

เหรียญรุ่นแรก-”พระคง”มาแลกไม่มีใครยอม!

“ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก” อดีตเจ้าอาวาสองค์แรกวัดชัยมงคล (วังมุย) ต.ประตูป่า อ.เมือง จ.ลำพูน หนึ่งในศิษย์ของท่านครูบาศรีวิชัย เป็นพระผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ท่านปฏิบัติตามแนวทางกรรมฐาน 4 ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างอุกฤษฏ์ ชนิดยอมเอาชีวิตเข้าแลก จึงปรากฏว่าท่านเป็นที่เคารพบูชาของชาวล้านนา และบุคคลทั่วไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะบรรดาทหารและตำรวจ

กิตติศัพท์ความเก่งกล้าทางด้านวิชาพุทธาคมของครูบาชุ่ม เป็นที่เชื่อมั่นในหมู่ประชาชนยิ่งนัก โดยเฉพาะด้านคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด เหตุที่ทำให้ครูบาชุ่ม โด่งดังเป็นที่เคารพศรัทธาในหมู่ตำรวจทหาร คือ เสื้อยันต์สิบสองดอกหรือยันต์ตะกรุดเสื้อ ที่หมู่ทหารของกองพลเสือดำ ในสมัยสงครามเวียดนาม (พ.ศ. 2498-2518) นำไปบูชาต่าง

รอดพ้นจากภยันตรายกลับสู่ภูมิลำเนา และบอกเล่าต่อกันมาถึงความศักดิ์สิทธิ์

ท่านมีความสามารถพิเศษคือ สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้ทั้ง 4 อิริยาบถ ถึงขนาดหลวงพ่อฤาษีลิงดำยกย่องว่า "เป็นพระอรหันต์ผู้เข้านิโรธสมาบัติได้ ทั้ง 4 อริยาบถและเคยเกิดเป็นพี่ชายเรามาก่อน" หลวงพ่อฤาษีเคยถามท่านว่า ถ้าน้ำท่วมระหว่างเข้านิโรธ จะทำอย่างไร ? ท่านตอบว่า “ถ้าน้ำท่วมเราก็จะอธิษฐานให้ตัวเราลอยขึ้น” แสดงให้เห็นอำนาจและบุญฤทธิ์ของครูบาชุ่ม นอกจากนั้นท่านยังเป็นพระเถระที่ “หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค”ให้ความเคารพ

ครูบาชุ่มได้รับนิมนต์ให้ไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกหลายงาน ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษกอัฐิครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง จ.ลำพูน ท่านเป็นประธานพิธีมีพระอริยะเจ้าทั่วภาคเหนือเข้าร่วมในพิธีนี้ ซึ่งนับเป็นประวัติการณ์อันมิได้ปรากฏขึ้นโดยง่าย

ชื่อเสียงเกียรติคุณของครูบาชุ่มยิ่งขจรไกล ความเลื่องลือเกี่ยวกับวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วย บางครั้งเหล่าผู้มีจิตศรัทธาสร้างขึ้น และนำมาให้ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่องทั้งประเภทเนื้อโลหะ และประเภทเนื้อผง เมื่อผู้เลื่อมใสศรัทธานำไปพกพาติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ต่างประสบเหตุการณ์ มีอภินิหารต่างๆ นานา ทั้งด้านเมตตามหานิยม มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน ส่งผลให้ชาวจังหวัดลำพูน และชาวจังหวัดใกล้เคียงในยุคนั้น ต่างแวะเวียนมากราบนมัสการท่าน เพื่อขอของดีกันไม่ขาดสาย ท่านจึงมักเมตตาทำวัตถุมงคลแต่ละชนิดให้แต่ละคนตามวาสนาที่แตกต่างกัน โดยที่ไม่เคยตั้งราคาเลย

ท่านเกิดที่บ้านวังมุย ต.ประตูป่า อ.เมือง จ.ลำพูน บิดาชื่อ “บุญ” มารดาชื่อ “ลุน” นามสกุล “นันตละ” เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน เมื่ออายุ 12 ปีได้บรรพชาเป็นสามเณรโดยมีครูบาอินตา วัดพระขาว เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้เล่าเรียนหนังสือกับเจ้าอาวาสวัดวังมุย จนอ่านออกเขียนได้ จึงมุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาเล่าเรียน ไม่ว่าจะเป็นวัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง และสำนักต่างๆที่มีพระอาจารย์เก่งๆประจำอยู่ เมื่ออายุย่าง 20 ปี จึงเดินทางกลับวัดวังมุยเพื่ออุปสมบท โดยมีครูบาอินตา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์หมื่น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์หลวงจ้อย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า "โพธิโก"

ท่านออกเดินทางไปศึกษาหาความรู้ด้านวิปัสสนากรรมฐาน และยังสนใจศึกษาเล่าเรียนทางด้านวิชาอาคม และการพิชัยสงครามอีกด้วย โดยเดินทางไปศึกษากับครูบาสุริยะ วัดท้าวบุญเรือง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้ศึกษาศาสตร์สนธิทั้งแปดมรรค แปดอรรค คาถาบาลี มูลกัจจายน์ จนสามารถแปลและผูกพระคาถาได้ เมื่อศึกษาจบแล้ว ได้ไปศึกษาต่อกับพระครูบาศรีวิชัย (คนละองค์กับครูบาศรีวิชัยที่เป็นตนบุญล้านนา) วัดร้องแหย่ ต.หนองแก๋ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ผู้เป็นพระอาจารย์ทางด้านวิปัสนากรรมฐาน และเป็นพระนักปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น โดยได้รับการถ่ายทอดอาคมไสยเวทย์ และการฝึกกระแสจิตควบคู่กันไป

ต่อมาท่านได้ไปศึกษากับครูบาแสน วัดหนองหมู จ.ลำพูน เป็นเวลา 2 ปี ก่อนกลับมาวัดวังมุยและออกธุดงค์ไปยังหมู่บ้านกะเหรี่ยง ต.บ้านก้อ อ.ลี้ จ.ลำพูน แล้วเดินทางไปช่วยบูรณะพระบรมธาตุดอยเกิ้ง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ บูรณะวัดห้างฉัตร จ.ลำปาง อีก 3 พรรษา ในปี พ.ศ.2478 ท่านครูบาศรีวิชัยได้สร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุได้ 37 ปี ได้เข้าร่วมในการสร้างทางท่านได้มีโอกาสรับใช้อย่างใกล้ชิด

คราวท่านครูบาศรีวิชัยถูกเรียกตัวเข้ากรุงเทพ หลวงพ่อได้รับหน้าที่ดูแลรักษาวัดรับแขกที่มาทำบุญแทนครูบาฯ ท่านได้ร่วมบูรณะวัดวาอารามต่างๆกับครูบาศรีวิชัยมากมาย ขณะที่ครูบาศรีวิชัยอาพาธอยู่ที่วัดจามเทวี ท่านได้ไปเฝ้าพยาบาล และร่วมกับครูบาธรรมชัย วัดประตูป่า ให้ช่างมาปั้นรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยเนื้อปูนปั้นแล้วนำไปหาท่านครูบาที่วัดจามเทวี เมื่อครูบาเห็นรูปของท่านแล้วน้ำตาได้เอ่อคลอเบ้าตาและเอามือลูบไล้รูปเหมือนของท่าน พร้อมกับมอบพัดหางนกยูงและไม้เท้าของท่านให้ครูบาชุ่มและสั่งเสียว่า ให้ท่านรักษาให้ดีให้ถือปฏิบัติเสมือนเป็นตัวแทนของท่าน แสดงให้เห็นว่าครูบาชุ่มเป็นศิษย์ที่ท่านเมตตาและไว้วางใจองค์หนึ่ง

วัตถุมงคลของท่านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ “ตะกรุดหนังลูกควายตายพราย” ตะกรุดปรอท,ตะกรุดเสื้อยันต์,ผ้ายันต์ ส่วนเหรียญรุ่นแรก ออกปี2517 นับเป็นสุดยอดเหรียญคณาจารย์เมืองเหนือที่มีค่านิยมสูง มีประสบการณ์มากมาย ไม่ว่าจะด้านแคล้วคลาด โภคทรัพย์ จนเป็นที่ร่ำลือและเสาะหาของศิษยานุศิษย์

มูลเหตุของการจัดสร้างเหรียญรุ่นแรก สืบเนื่องจากชื่อเสียงเกียรติคุณของครูบาชุ่มได้ขจรขจายออกไป ทำให้ประชาชนจากทุกสารทิศได้สดับฟัง หาโอกาสเดินทางมากราบนมัสการท่าน แล้วมักแจ้งความประสงค์อยากได้เหรียญรูปเหมือนของท่านกลับไปสักการบูชา แต่ท่านไม่เคยจัดสร้าง และไม่อนุญาตให้ใครจัดสร้างด้วย โดยกล่าวว่า ต้องการให้ผู้มีความเคารพเลื่อมใส มีมานะพยายามไปหาท่านด้วยตัวเองมากกว่า ซึ่งท่านมีวัตถุมงคลชนิดอื่นๆแจกญาติโยมให้ตรงตามจริตวาสนาของแต่ละคน แต่ทั้งนี้ท่านก็ยังทิ้งท้ายให้ความหวังไว้ว่า เมื่อถึงเวลาอันสมควรน

จึงจะทำ

กระทั่งถึงปี พ.ศ. 2517 ท่านมีวัย 76 ปีก็อนุญาตให้ศิษย์ชื่อ "ครูบาทองใบ โชติปญฺโญ" เจ้าอาวาสวัดพรหมวนาราม อ.สารภี จ.เชียงใหม่จัดสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านขึ้นเป็นวาระแรก ท่านได้ผูกยันต์ ลงอักขระตามพระสูตรให้อย่างครบถ้วน ดังที่ปรากฏอยู่ด้านหลังเหรียญ และท่านได้แผ่อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวตลอด 7 วัน 7 คืน ในพระวิหาร วัดชัยมงคล (วังมุย) เริ่มทำพิธีเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2517วันที่ 5 ธันวาคม 2517 จัดทำพิธีฉลองสมโภช เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดลำพูน สวดเจริญพระพุทธมนต์ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ฯลฯ ครูบาชุ่มนั่งปรกบริกรรมแผ่พลังเมตตาจิตตลอดคืนสุดท้าย เช้าวันที่ 6 ธันวาคม 2517 สวดเบิกพระเนตรและมงคลสูตรต่างๆ เสร็จพิธีทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร พระสงฆ์อนุโมทนา

เหรียญพื้นที่ที่มีค่านิยมสูงอันเนื่องมาจากครูบาชุ่มท่านตั้งใจสร้างรุ่นนี้มาก ท่านเสกถึง 7วัน 7คืนเลยทีเดียว แม้แต่บล็อกที่ใช้กดพิมพ์พระท่านก็ยังเมตตาเสกให้ เมื่อทำการปั้มเหรียญท่านก็นับจำนวนเหรียญ เพื่อตรวจดูว่ามีเหรียญที่ขาด หรือเกินมาหรือไม่ (ท้ายที่สุดก็มีออกมาจนได้)

ครูบาชุ่มบอกแก่ญาติโยมว่า หากมีผู้ใดทำเหรียญเกินออกมา ขอให้ผู้นั้นไม่เจริญ ส่วนคนที่เช่าบูชาไปโดยไม่รู้..หลวงปู่ขอให้เหรียญ(เก๊)นั้นมีพุทธคุณเท่ากับเหรียญที่ได้รับการปลุกเสกจากท่าน

เรื่องพุทธคุณนั้นเกินคำบรรยาย คนในท้องที่ถึงกับบอกว่า”เอาพระคงมาแลกก็ไม่ยอม” โดยท่านกล่าวไว้ว่า “หากมีของของท่านติดตัว ต่อให้ระเบิดมาลงก็ไม่ต้องกลัว”

สำหรับวัดชัยมงคล หรือวัดวังมุย อ.เมือง จ.ลำพูน เป็นวัดที่"ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต" เกจินักพัฒนาชื่อดังแห่งวัดเเสงแก้วโพธิญาณ อ.เมือง จ.เชียงราย ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระภิกษุ รวมทั้งอยู่จำพรรษา ต่อมาท่านได้รับอาราธนาจากญาติโยม อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มาจำพรรษา ณ วัดพระธาตุดงสีมา ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ก่อนมาสร้างวัดแห่งใหม่ ชื่อว่า “วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ”

#ฉัตรสยาม


 
 
 

Comentários


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page